ซีรีย์นิยายชุด:วายร้ายยอดรัก เรื่อง ยอดร้าย ยอดรัก ตอนที่ 3-2


ตอนที่ 3 ตามตอแย (ต่อ)

ทันทีที่ขบวนรถของชีคนาซ อซีซา บาฮจา เลี้ยวเข้าสู่สนามแข่งอูฐ อาหมัด บาลาเจ้าของของสนามแห่งนี้ก็รีบเร่งออกมาต้อนรับพร้อมกับผู้ดูแลสนามอย่างโกลาหล พร้อมทั้งเชิญท่านชีคไปยังอัฒจันทร์โดยเลือกที่นั่งที่ดีที่สุดให้
 “ท่านชีคมีคำสั่งพิเศษอะไรไหมขอรับ?” อาหมัดโค้งคำนับรอรับคำสั่งอย่างนอบน้อม
ไม่ ข้าแค่พาเพื่อนมาดูการแข่งอูฐเท่านั้น เชิญท่านอาหมัดเถอะ ชีคนาซโบกมือ
อาหมัดโค้งคำนับพร้อมกับแอบชำเลืองดู เพื่อนท่านชีคแวบหนึ่งก่อนจะนำผู้ดูแลสนามจากไป


การแข่งอูฐเป็นมรดกสำคัญมายาวนาน อูฐเป็นพาหนะที่ขาดไม่ได้ ของคนอยู่ในทะเลทราย เพราะเป็นสัตว์ที่อดทน อดน้ำได้เป็นวันๆ แถมนมอูฐเป็นอาหารชั้นยอดที่ไม่บูดเน่าง่าย สามารถเก็บไว้ได้เป็นวัน คนอาหรับใช้อูฐมานานนับพันปี ดังนั้น การแข่งวิ่งอูฐจึงเป็นกีฬาที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ถือกันว่าเป็นกีฬาของทั้งคนจนและคนรวย ซึ่งหมายถึงคนทั้งสองประเภทสามารถพนันกันได้
ทุกปีจะมีการแข่งอูฐระยะทาง 10 กิโลเมตร สองครั้งซึ่งยิ่งใหญ่เหมือนกับ Kentucky Derby ของอเมริกา หรือ Melbourne CUP ของออสเตรเลียทีเดียว รางวัลมีมูลค่าถึง 250,000 เหรียญ อูฐตัวที่ชนะซื้อขายกันในราคา 1.5 ล้านเหรียญก็มี
ปัญหาก็คือการวิ่งแข่ง 10 กิโลเมตรในทะเลทรายในอากาศร้อน 40 องศาเซลเซียส หรือกว่า 100 องศาฟาเรนไฮต์นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายแม้กระทั่งสำหรับอูฐก็ตาม น้ำหนักที่อูฐสามารถแบกวิ่งได้ในการแข่งขันเช่นนี้ก็ไม่เกิน 27 กิโลกรัม ปัญหาก็คือจะหาคนขี่จากที่ไหนที่มีน้ำหนักเบากว่านี้ได้ นอกจากเด็กตัวเล็กๆ
เป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่ข่าวคราวเรื่องการใช้เด็กแม้แต่อายุแค่ 4 ขวบ เป็นจ๊อกกี้ขี่อูฐ เล็ดลอดออกมาสู่โลกภายนอก เลวไปกว่านี้ก็คือเด็กเหล่านี้มักถูกซื้อหรือลักขโมยจากพ่อแม่ที่ยากจนในอินเดียหรือปากีสถาน และบ่อยครั้งที่เด็กตกอูฐตายหรือพิการ จึงเกิดการคิดนอกกรอบขึ้น และนึกได้ว่าคนขี่ไม่จำเป็นต้องเป็นคน สามารถใช้ Robot Jockey หรือจ๊อกกี้หุ่นยนต์เป็น "สินค้า" ทดแทนคนก็ได้ รัฐบาลตะวันออกกลางจึงร่วมกับกลุ่มธุรกิจแข่งอูฐจ้างบริษัทเอกชนในสวิตเซอร์แลนด์ในมูลค่า 1.37 ล้านเหรียญ ให้ผลิตจ๊อกกี้หุ่นยนต์ ที่สามารถบังคับอูฐในการวิ่งแข่งได้ เท้าหุ่นยนต์ถูกเสียบเข้าช่องข้างอูฐเหมือนคนขี่จริง และจัดนั่งบนหลังอูฐอย่างมั่นคง หุ่นยนต์สามารถดึงเชือกที่ควบคุมอูฐ (ดึงตึงคือหยุด ปล่อยก็วิ่ง และลงแซ่มันก็ได้) ให้คำสั่งโดยมีเสียงออกมา ซึ่งทั้งหมดนี้มาจากการควบคุม โดยแป้นบังคับในมือของโค้ชผู้คุมหุ่นยนต์ที่นั่งอยู่บนรถที่วิ่งตามมา

อูฐที่เข้าแข่งขันถูกจูงลงสู่สนาม โดยมีจ๊อกกี้ที่เป็นหุ่นยนต์นั่งอยู่บนหลัง โค้ชผู้คุมหุ่นยนต์นั่งอยู่รถโฟร์วิลล์ขับเคลื่อนคู่ไปกับอูฐในสนามเพื่อบังคับจ๊อกกี้หุ่นยนต์บนหลังอูฐให้ควบอูฐวิ่งเข้าสู่เส้นชัยให้เร็วที่สุด ซึ่งผลแพ้ชนะก็ขึ้นอยู่กับเจ้าจ๊อกกี้บนหลังอูฐว่าสามารถบังคับอูฐได้ดีขนาดไหนด้วย

เจ้ามาพนันกับข้าไหมว่าอูฐตัวไหนจะชนะ?ท่านชีคเอ่ยชวนอย่างนึกสนุก
คนถูกชวนส่ายหน้าปฏิเสธทันควันผมไม่ชอบการพนัน
เจ้ากลัวแพ้ข้าล่ะสิ?ชีคนาซแกล้งท้า
ได้ผล..คนถูกท้าตาวาวขึ้นทันที ผมไม่เคยกลัว แล้วก็ไม่เคยแพ้พนันใครมาก่อนด้วย คนที่ชนะเสมอเชิดหน้าขึ้นอย่างมั่นใจ
เจ้าไม่เคยเล่นพนัน แล้วเจ้าจะแพ้ใครได้อย่างไงล่ะ?ท่านชีคทักท้วง
ผมบอกว่าไม่ชอบการพนัน แต่ไม่ได้บอกว่าไม่เคยเล่นพนัน คนตอบแย้ง
ชีคนาซหัวเราะชอบใจกับคำตอบที่ลื่นไหลนั้นงั้นเจ้าก็มาพนันกับข้า เจ้าเลือกตัวไหน?”
ท่านชีคชักชวนพอใจยิ่งที่ได้สัมผัสกับบรรยากาศของนักพนันบ้าง เพราะปกติแล้วถ้าหากมีชีคนาซ อยู่ในสนามแข่งขันไม่ว่าแข่งอะไรก็ตาม แค่ชีคนาซชอบฝ่ายไหน ฝ่ายตรงข้ามหรือแม้แต่กรรมการก็พร้อมจะยกให้ฝ่ายที่ชีคนาซถือหางเป็นฝ่ายชนะทันที เพราะทุกคนรู้ดีว่าชีวิตตนนั้นสำคัญกว่าผลการแข่งขันเป็นไหนๆ
อาทิตยาหรี่ตาจ้องมองอูฐในสนาม เพราะไม่คุ้นเคยกับการแข่งขันชนิดนี้ และไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน งานนี้เธอต้องใช้สัญชาตญาณล้วนๆ
 “เบอร์ห้าเธอเลือกอูฐที่ดูแข็งแรงที่สุด
งั้นข้าเลือกเบอร์หนึ่ง
ท่านชีคบอกยิ้มๆ ตาเป็นประกายแวววาม เพราะอูฐที่ไอ้ตัวเล็กนั่นเลือก เป็นอูฐตัวใหญ่ที่ดูแข็งแรงเหมาะกับใช้เป็นพาหนะในการเดินทางแต่ไม่เหมาะกับการแข่งขันที่ต้องใช้ความเร็วมากกว่าความแข็งแรง
เดิมพันเท่าไหร่?” คนที่เลือกอูฐได้แล้วถามราคาเดิมพันราวกับเซียนพนัน
อาหารเย็นมื้อนึง ถ้าเจ้าแพ้เจ้าเลี้ยงข้า ถ้าข้าแพ้ข้าเลี้ยงเจ้าท่านชีคเสนอ
คนรับเดิมพันเบ้ปากไม่ว่าผลการแข่งขันจะเป็นอย่างไร แต่ผลของเดิมพันก็ดูไม่แตกต่างกันเท่าไร
ผมนึกว่าจะพนันสักล้านดีนาร์หรือมากกว่านั้นซะอีกคนตัวเล็กส่ายหน้าไม่ชอบใจเดิมพันนัก
เด็กแค่นี้ เจ้ายังริอ่านจะเป็นนักพนันมือเติบอีกหรือไอ้ตัวเล็ก?ท่านชีคยื่นมือมายีหัวมันอย่างเอ็นดู
บอกแล้วไงว่าผมไม่ใช่เด็กคนที่ถูกว่าเป็นเด็กแหวหน้างอง้ำพลางเบี่ยงตัวหลบ
ท่านชีคมองหน้ามันก่อนจะส่ายหน้ายิ้มๆ  และเริ่มรู้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่พอใจที่ถูกว่าเป็นเด็ก แต่จะโทษเขาไม่ได้หรอก ถ้าจะโทษก็ต้องโทษหน้าใสๆเหมือนเด็กของมันนั่นแหละ ที่ทำให้เขาอดเอ็นดูมันเหมือนเด็กๆไม่ได้

เกมส์การแข่งขันเริ่มขึ้นเมื่อกรรมการสนามให้สัญญาณ อูฐถูกบังคับให้แล่นไปตามลู่วิ่ง อาทิตยามองอูฐที่อยู่ในสนามผ่านกล้องส่องทางไกลอย่างพิจารณา และเริ่มรู้ว่าตัวเองเลือกพลาด อูฐตัวโตที่ดูแข็งแรงแต่กลับวิ่งได้ช้ากว่าอูฐตัวเล็กที่ปราดเปรียวยิ่งกว่า ตาเรียวหรี่ลง สมองเริ่มทำการประมวลผล ทุกอย่างนั้นย่อมต้องรู้เรียนจากความล้มเหลวเสมอ
ผู้ชมรอบสนามส่งเสียงเชียร์ดังอื้ออึง เวลาผ่านไปเกือบสิบนาที อูฐเบอร์หนึ่งก็วิ่งทิ้งห่างนำหน้าเข้าสู่เส้นชัยท่ามกลางเสียงโห่ร้องของนักพนันที่ลงเดิมพันเอาไว้ 
เจ้าแพ้ข้าชีคนาซหัวเราะชอบใจ ยิ่งเห็นคนแพ้แสดงอาการหงุดหงิดเขาก็ยิ่งพอใจ
แค่เกมส์แรก” ‘คนแพ้บอกอย่างไม่ยอมแพ้
เจ้ายังจะเล่นต่ออีกรึ?”ท่านชีคถามยิ้มๆ
ใช่ ผมไม่ทางยอมแพ้ง่ายๆหรอก คนที่ไม่เคยยอมแพ้บอกอย่างดื้อดึง
ท่านชีคยิ้มพอใจที่สามารถทำให้มันอยู่ใกล้ๆได้นานขึ้น ไม่ใช่ทำท่าเตรียมพร้อมจะเผ่นหนีตลอดเวลาเหมือนเมื่อตอนที่อยู่ในโรงแรม
อูฐชุดใหม่ ถูกนำลงสู่สนาม คนตัวเล็กชะเง้อมองอย่างสนใจยิ่ง
ท่านเลือกตัวไหน?”มันหันมาถาม
ข้าให้เจ้าเลือกก่อนท่านชีคบอกอย่างใจกว้าง
เบอร์ห้า
จากบทเรียนในรอบแรกทำให้คนเลือกอูฐพิจารณารอบครอบขึ้น เธอไม่รู้ประวัติของอูฐในสนามว่าผ่านการแข่งขันมาแล้วกี่สนาม แต่เธอเลือกอูฐตัวที่ผ่านการประมวลผลจะสมองแล้ว
ชีคนาซเลิกคิ้ว ไอ้ตัวเล็กนี่มันเลือกอูฐได้ไม่เลวเลย
แล้วเดิมพันล่ะ?”ท่านชีคถามถึงการเดิมพัน
คนวางเดิมพันนิ่งคิด ถ้าผมชนะสามในห้า ผมต้องการอยู่ดูเครื่องเจาะสำรวจสักหนึ่งอาทิตย์
“แล้วถ้าเจ้าแพ้ล่ะ?”ชีคนาซถาม เพราะอดหมั่นไส้ไม่ได้ที่มันพูดราวกับมันต้องชนะเขาแน่ๆจนไม่สนใจพูดถึงถ้าตนเองแพ้แล้วต้องทำอย่างไร
“ท่านว่ามา ท่านต้องการให้ผมทำอะไร? ถ้าผมเป็นฝ่ายแพ้”คนที่มั่นใจในตนเองอย่างยิ่งถามกลับอย่างเสียไม่ได้
ชีคนาซรู้สึกหมั่นไส้ไอ้ตัวร้ายยิ่งขึ้นเมื่อเห็นความมั่นอกมั่นใจของมัน เขาจึงแกล้งเสนอ
“ถ้าเจ้าแพ้ เจ้าจะต้องอยู่ที่นี่และคอยเป็นผู้ติดตามรับใช้ข้าหนึ่งอาทิตย์”
ทันทีที่ได้ยินข้อเสนอ ตาเรียวก็วาววับขึ้นทันทีอย่างมีโทโส ช่างกล้ามากที่เสนอให้เธอเป็น ผู้ติดตามรับใช้
“เจ้าไม่กล้า?”ชีคนาซแกล้งยั่ว เพราะเริ่มรู้แล้วว่ามันเป็นพวกที่โดนท้าทายไม่ได้
คนโดนท้ายิ้มมุมปากเยาะๆ อย่างเธอนี่นะจะกลัวแพ้ เพราะคำว่าแพ้ไม่เคยมีอยู่ในพจนานุกรมของเธอ มีแต่คำว่า ชนะโดยไม่เลือกวิธีใช้ต่างหาก”
ไผทได้ยินทั้งคู่ที่กำลังตกลงเรื่องเดิมพัน เหงื่อเขาก็เริ่มซึมออกมาอย่างห้ามไม่ได้ เมื่อรู้ว่าคนที่แพ้ไม่เป็นนั้นจะทำอะไรต่อไป ชนะคือชนะ แล้วจะต้องสนใจทำไมว่าชนะด้วยวิธีใดนั่นคือคำพูดติดปากของคนทีเคกรุ๊ป และปฏิบัติมาตลอดแม้จะไม่ได้เลวร้าย แต่ก็ไม่ได้ขาวสะอาดนัก
วายร้ายอันดับหนึ่งสบตากับมือซ้ายสื่อความนัย ไปจัดการซะ ไผทแอบถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ นั่นไงว่าแล้วเชียว แต่เขาก็ไม่สามารถขัดคำสั่งได้
“ผมอยากไปห้องน้ำ”ไผทกล่าวขึ้นเบาๆ
ชีคนาซพยักหน้า นาซีมจึงสั่งให้บอดีการ์ดคนหนึ่งเป็นคนนำเขาไป
“เจ้ายังไม่ได้รับปากเรื่องที่ถ้าเจ้าแพ้เลย?”ชีคนาซทวงถาม ไม่ยอมให้มันบิดพลิ้วได้ง่ายๆ
“ด๊าย”
คนรับคำเสียงสูงตาเป็นประกายวาววับ จนชีคนาซเริ่มสังหรณ์ใจแปลกๆ
“นาซีม ตามไปดูสิว่า บอดีการ์ดไอ้ตัวเล็กไปทำอะไรตุกติกหรือเปล่า?”ชีคนาซสั่งคนของตนเป็นภาษาอาหรับ เริ่มระแวงคนที่มั่นใจเกินร้อยซะแล้ว
อาทิตยาแอบยิ้มเยาะ เมื่อเห็นนาซีมลุกเดินออกไปยังข้างสนามตามทางที่ไผทเดินไป แม้จะไม่เข้าใจว่าชีคนาซสั่งคนของเขาว่าอย่างไร แต่ก็พอจะเดาออก คิดว่าคนของทีเคกรุ๊ปจะทำอะไรให้คนอื่นจับได้ง่ายๆอย่างนั้นรึไม่มีทาง
ไผทเดินกลับมาพร้อมกับบอดีการ์ดที่นำไปและนาซีม ด้วยท่าทีปกติ
“ผมก็อยากไปห้องน้ำเหมือนกัน”คนตัวเล็กหันไปบอกชีคนาซ ก่อนจะหันไปถามคนของตน
“ไปทางไหน?”
ไผทชี้บอก “เดินเรียบแถวหลังไป แล้วเลี้ยวซ้ายครับ”
ชีคนาซหรี่ตาลงอย่างระแวงหนักขึ้นไปอีก
“ข้าจะพาไปเอง ข้าก็อยากไปเหมือนกัน”เขาเสนอตัว ทั้งๆที่ปกติแล้ว เขาจะเข้าห้องน้ำเฉพาะในโรงแรมเท่านั้น
และทันทีที่ชีคนาซขยับตัว บอดีการ์ดทั้งหมดก็ขยับกันพรึบพรับ บางส่วนล่วงหน้าไปเคลียร์พื้นที่ส่วนที่เหลือก็คอยล้อมหน้าล้อมหลังชีคนาซ
ไผทกรอกตาอย่างระอา เพื่อเปิดโอกาสให้เขาปฏิบัติการลับได้โดยสะดวก คนตัวร้ายถึงกับยอมลงทุนพาผู้ชายทั้งฝูงไปเข้าห้องน้ำชาย เขารู้ว่าเจ้านายตัวร้ายนั่นไม่รู้สึกอะไรหรอก เพราะไม่เคยสนใจแยกเพศหญิงชายมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว สงสารแต่พวกผู้ชายที่กำลังปลดทุกข์อยู่พวกนั้น ถ้ารู้ว่าคนที่เดินเข้าไปขณะที่ตนกำลังทำธุระอยู่เป็นผู้หญิงจะรู้สึกอักอ่วนขนาดไหน แต่ช่างเถอะ มันไม่เรื่องที่เขาควรจะสนใจ เรื่องสำคัญคือเรื่องที่ได้รับมอบหมายต่างหาก ถ้าไม่สำเร็จมีหวังเขาโดนสำเร็จโทษที่สนามแข่งอูฐแห่งนี้แน่
อาทิตยายักไหล่ยิ้มเยาะ คงกลัวว่าเธอจะทำอะไรตุกติก หึ คิดว่าคุมแจขนาดนี้แล้วเธอจะทำอะไรไม่ได้รึ เขาคุยโวว่าตัวเองมี จ๊อกกี๊ที่ทันสมัยที่สุดในโลก เธอก็มี ผึ้งที่ทันสมัยที่สุดในโลกเหมือนกัน ก็แค่ปล่อยผึ้งอิเล็กทรอนิคพวกนี้ไปเกาะวัตถุเป้าหมาย จะสั่งพวกมันทำอะไรก็ง่ายดาย ยิ่งกับพวกจ๊อกกี้หุ่นยนต์พวกนั้นไม่คณามือเธอหรอก คนที่ ต้องชนะโดยไม่เลือกวิธียิ้มเยาะคนที่แห่ตามเป็นขบวนอยู่ในใจ

ชีคนาซหรี่ตาลงอย่างคลางแคลงใจ เมื่ออูฐที่เจ้าตัวร้ายเลือกชนะติดกันถึงสองเกมส์รวด ถึงแม้อูฐที่มันเลือกจะเป็นอูฐที่ดูดีที่สุดก็ตาม แต่ใช่ว่าการแข่งขันจะต้องพึ่งอูฐอยู่ฝ่ายเดียว จ๊อกกี๊บังคับที่นั่งอยู่บนหลังก็สำคัญไม่แพ้กัน และเขาได้เปรียบมันที่รู้ว่าจ๊อกกี๊จากทีมไหนดีที่สุดในแต่ละแมทที่ลงสนาม แต่กลับแพ้มันอย่างไม่เป็นท่า จะว่ามันเล่นตุกติก มันก็แค่นั่งเชียร์อยู่เฉยๆ และถึงแม้มันอยากจะเล่นผิดกติกาก็ใช่ว่ามันจะทำได้ง่ายๆ เพราะนี่คือถิ่นของเขา และเขาก็สั่งให้ทุกคนจับตาดูการแข่งขันอย่างละเอียดแล้ว และไม่มีรายงานว่ามีอะไรผิดปกติขึ้น โดยเขาไม่รู้เลยว่าพวกที่ใช้วิทยุบังคับจ๊อกกี้ที่นั่งอยู่บนหลังอูฐต่างประสบปัญหากันทุกแมท

ทันทีที่อูฐตัวที่สี่ที่เลือกไว้วิ่งเข้าสู่เส้นชัย อาทิตยาก็ยิ้มกว้างอย่างผู้ชนะ โดยไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มนั้นทำให้คนที่มองอยู่หัวใจแทบหยุดเต้น
บ้า ไปแล้ว ทำไมข้าถึงได้เห็นมันสวยไปได้นะชีคนาซสบถในใจก่อนมองเมินไปทางอื่น
ท่านเห็นไหม ผมชนะแล้วคนชนะเขย่าแขนคนข้างตัวอย่างยินดี
ข้าไม่ได้ตาบอดนะท่านชีคเอ็ดเบาๆแต่ยังคงมองเมินเมื่ออัตราเต้นของหัวใจยังไม่ลดลงสู่ระดับปกติ
“งั้นท่านก็ต้องทำตามข้อตกลง”คนชนะรีบสำทับ
“แน่นอน ข้ารักษาสัญญาเสมอ”คนแพ้ว่าอย่างหงุดหงิด
“ดี ถ้างั้นกลับกันเถอะ”คนชนะว่า ก่อนจะลุกขึ้นยืน
“อะไรกัน พอชนะก็จะรีบกลับเลยรึ?”ชีคนาซเอะอะทักท้วง
“แน่สิ ชนะแล้วจะอยู่ต่อทำไมล่ะ”คนชนะตอบอย่างไม่สนใจใคร
“แต่การแข่งขันยังไม่จบนะ ไม่อยู่ดูต่ออีกหน่อยหรือ?”ชีคนาซถามคนที่ยืนเตรียมกลับเสียงอ่อนลง เขายังไม่อยากไปไหนในขณะนี้
“ไม่ล่ะ ผมง่วงนอน ง่วงมากด้วย”
คนง่วงเริ่มอารมณ์เสีย เมื่อคนแพ้เริ่มอิดออดต่อรอง เพราะตั้งแต่ออกตามหาปาริฉัตต์ ก็แทบจะไม่ได้หลับได้นอนเลยจนกระทั่งบัดนี้
ชีคนาซ อซีซา มองอาการตาปรือของคนตัวเล็กแล้วต้องหัวเราะเสียงดัง ท่ามกลางความแปลกใจอย่างยิ่งยวดของเหล่าบอดีการ์ด ที่เพิ่งเห็นเจ้านายของตนอารมณ์ดี ผิดปกติ
ก็ได้ แล้วค่ำๆข้าจะไปรับเจ้าไปทานอาหารเย็นด้วยกันนะท่านชีคบอกอย่างใจดี
“อะไรนะ! นี่ท่านยังจะทานอาหารเย็นได้อีกรึ?”คนถามตาโต เพิ่งกินไปมากมายขนาดนั้นแล้วยังมีที่ว่างในกระเพาะเหลืออีกหรือ
ชีคนาซหัวเราะขำกับท่าตกอกตกใจของคนตัวเล็กตรงหน้า จะว่าไปเขาก็ยังอิ่มอยู่ แต่เขาอยากพามันไปกินอาหารอาหรับสักมื้อ อยากรู้ว่ามันจะชอบอาหารอาหรับไหม?
“ข้าจะพาเจ้าไปกินอาหารอาหรับต้นตำรับสักหน่อย มีร้านอร่อยอยู่ร้านหนึ่ง”เจ้าถิ่นบอก
แขกบังคับเชิญถอนหายใจ รู้ว่าคงบ่ายเบี่ยงไม่ได้แน่จึงพยักหน้ารับอย่างจำใจ เพราะคิดว่าจะต้องพึ่งพาเขาในกาลข้างหน้าหรอกนะถึงได้ยอม ไม่อย่างนั้นคงลุกขึ้นอาละวาดแล้ว
ไผทเหลือบมองเจ้านายของตนอย่างแปลกใจ ที่คนตัวเล็กกลายเป็นคนว่าง่ายผิดปกติก่อนจะอมยิ้มเมื่อสบตาวาวที่ตวัดมองมา รอยยิ้มนั้นทำให้คนมองมาตาวาววับยิ่งขึ้น
ชีคนาซ อซีซา บาฮจา พาคนตัวเล็กกับไผท ไปส่งที่โรงแรมบาฮจาลีก่อนจะกลับไปที่คฤหาสน์บาฮจา

            **********
อาบีร เช็คสิว่า ไอ้ตัวเล็กทำหน้าที่อะไรที่เมืองไทย แล้วอย่าให้ฝ่ายนั้นรู้ล่ะท่านชีคโทรศัพท์สั่งการท่านที่ปรึกษา
อ้อ แล้วจองโต๊ะที่ซาบิยาให้ข้าด้วย
ครับอาบีรรับคำแล้วรีบไปดำเนินการตามคำสั่งทันที

ชีคนาซ อซีซาทิ้งตัวลงนอนบนโซซาหนานุ่มในห้องพักของคฤหาสน์บาฮจา พลางครุ่นคิด ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้
ภาพเหตุการณ์ตั้งแต่ได้พบกับ มันย้อนกลับเข้ามาในห้วงคำนึงครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งๆที่เพิ่งเจอกันเพียงไม่กี่ชั่วโมง แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกติดใจมันมากมายนักนะ ไม่ว่ามันจะทำอะไรก็รู้สึกว่าถูกตาต้องใจเขาไปเสียหมด จนทำให้เขาอ่อนข้อให้มันครั้งแล้วครั้งเล่าทั้งๆที่ไม่เคยยอมอ่อนข้อให้ใครมาก่อน ถ้าเขาจะซื้อตัวมาทำงานด้วยกันมันจะยอมไหมนะ? เขาว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง เขาจะลองดูว่าคนอย่างมันจะยอม ขายในราคาเท่าไหร่?


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น