แผนรักร้าย นายกะล่อน
แต่งโดย : ฟองฝัน วันวาน /
ปัณณา
จัดทำ
: ธันวาคม 2550
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ. 2537 ผู้มีจารีตมิควรหยิบยก คัดลอก แบบหรือดัดแปลงส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือเล่มนี้
รวมทั้งการถ่ายทอด ถ่ายเอกสาร สแกน ถ่ายภาพ ในรูปแบบหรือวิธีการใดๆทั้งปวงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร
---------------------------------------------------------
นิยายชุด Diary Love รักนี้ต้องบันทึก
เรื่องราวความรักในวัยเรียนของสี่สาวเพื่อนซี้
ที่เรียนคณะเดียวกัน ที่มีหนุ่มๆเข้ามาพัวพันทำให้ชีวิตต้องยุ่งเหยิง
แต่ก็มีความหวานละมุนในหัวใจ
ทั้งชุดมีทั้งหมด 3 เล่ม
1.โลกกลม หรือพรหมลิขิต
2.แผนรักร้าย นายกะล่อน
3.ค่ายอาสาพัฒนา(รัก)
---------------------------------------------
-
(ขอฝากนิยายชุดใหม่)
นิยายชุด วายร้ายยอดรัก
เรื่องราวของสาวน้อยอัจฉริยะ ที่มีทั้งความฉลาดและร้ายกาจอยู่ในตัว
ดังนั้นใครที่กล้ามาทำให้พวกเธอขัดเคืองใจ ก็เตรียมตัวต้อนรับกับ ‘หายนะ’ได้เลย
แต่ถึงแม้จะร้ายสักแค่ไหนแต่คนสนใจที่จะมาปราบ
‘มารร้าย’ก็ยังมีอยู่ มารอลุ้นดูว่าจุดจบของเหล่าผู้กล้าจะเป็นอย่างไร เมื่อเจอวายร้ายแสนสวยอย่างพวกเธอเล่นงานกลับ
ทั้งชุดมีทั้งหมด 4 เล่ม
1.ยอดร้าย ยอดรัก
2.จารกรรม นำรัก
3.คาสโนวี่ที่รัก
4.นางฟ้าฉาบยาพิษ
------------------------------------------
‘แผนรักร้าย นายกะล่อน’
‘ธีราภรณ์’สาวสวยเริด เชิด หยิ่ง นั่นคือภาพลักษณ์ที่ทุกคนมองเธอ แต่ความจริงแล้ว
ภาพที่เห็นเป็นเพียงเกราะที่เธอสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันตัวเองเท่านั้น
เพราะความหวาดกลัวที่เกาะกินใจ ทำให้เธอไม่กล้าเปิดใจรับใครเข้ามา แต่..ผู้ชายกะล่อนหน้าทนที่อยู่ในแบล็คลิส์ตคนนั้นกลับเข้ามาป่วนจนชีวิตเธอยุ่งเหยิงวุ่นวายไปหมด…และแล้วเธอก็ได้รู้ความจริงว่าที่เขาเข้ามาก่อกวนก็เพราะมีแผนการร้ายในใจ
แล้วอย่างนี้เธอจะปล่อยให้ผู้ชายเลวร้ายคนนี้ลอยนวลไปได้อย่างไร
อย่างนี้มันต้องลงมือสั่งสอนกันเสียหน่อยแล้ว..เสือหลับ
แล้วมองเห็นเป็นแมวป่วย..อย่างนั้นเหรอ
แม่เสือคนนี้จะตะปบนายให้รู้สำนึกเสียบ้าง
----------------------------------
หวังไว้ไม่เจอ ที่เจอะก็ไม่หวัง
ถูกใจฉันต้องเลิศเลอเพอร์เฟ็คท์
ฝันคงไม่จริง ได้แบบผิดสเป็ก
ต้องกลับไปเช็ค เป็นยังงี้ได้ไง
เพราะความจริงกับฝันไม่เหมือนกัน
หนีอะไรก็ได้อย่างนั้น
เขาว่าคนคู่แล้วไม่แคล้วกัน
ถือเป็นบุพเพที่ได้เจอ
ถูกใจฉันต้องเลิศเลอเพอร์เฟ็คท์
ฝันคงไม่จริง ได้แบบผิดสเป็ก
ต้องกลับไปเช็ค เป็นยังงี้ได้ไง
เพราะความจริงกับฝันไม่เหมือนกัน
หนีอะไรก็ได้อย่างนั้น
เขาว่าคนคู่แล้วไม่แคล้วกัน
ถือเป็นบุพเพที่ได้เจอ
**************
ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้นของแผนร้าย
ชายหนุ่มร่างสูงก้าวเดินอย่างรีบเร่ง ไปตามทางเดินหน้าห้องพักในคอนโดหรู
จนมาถึงห้อง 503 เขายกมือขึ้นเคาะประตู
ก๊อกๆๆๆ
เงียบไม่มีเสียงตอบรับ
ก๊อกๆๆๆ
เขาลองเคาะอีกครั้งพร้อมแรงกดที่เพิ่มขึ้น
เงียบเช่นเดิม ชายหนุ่มส่ายหน้าเบาๆ ก่อนใช้กุญแจสำรองที่มีไขประตูเข้าไป
เพียงแค่แง้มประตูกลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนกึกก็ลอยมาปะทะจมูก เขาเปิดประตูให้กว้างขึ้น
แล้วต้องถอนใจเฮือกใหญ่เมื่อเห็นสภาพในห้อง ขวดและแก้วเหล้าล้มระเกะระกะ ถุงขยะกระจายไปทั่วห้อง
ส่วนเจ้าของห้องนอนแผ่หลาอยู่บนพื้นกลางห้อง
ชายหนุ่มก้าวยาวๆเข้าห้อง ตรงไปเขย่าคนที่นอนแผ่อยู่ให้ตื่นขึ้นมา
“ไอ้พัทธ์ ตื่นได้แล้วโว้ย”
“อื่อ” คนหลับตอบรับพลางพลิกตัวหนี
“ตื่นโว้ย”คนปลุกไม่ยอมแพ้กลับเขย่าแรงขึ้นอีก
คนนอนแผ่งัวเงียขยี้ตา “ไอ้ชัย
มีอะไรวะ คนกำลังหลับสบาย เสือกปลุกทำไม?”ว่าแล้วก็ทำท่าจะหลับต่อ
“มึงต้องตื่นไปเรียนเดี๋ยวนี้ ถ้ามึงโดดอีกคาบ..หมดสิทธิ์สอบแน่”
คำขู่นั้นทำให้คนขี้เซาตาสว่างขึ้นทันที
“มึงเป็นบ้าอะไรวะ
ถึงได้กินเหล้าเมาหัวราน้ำแล้วโดดเรียนเป็นอาทิตย์แบบนี้”
อนพัทธ์ถอนใจเฮือกใหญ่ มองไปรอบๆห้อง โดยไม่สนใจตอบคำถามของเพื่อน เขาลุกขึ้นคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ
ชัยวัฒน์คิ้วขมวดมองตามก่อนถอนใจอีกครั้ง แล้วก็ลงมือเก็บขวดเหล้าที่ล้มระเกะระกะให้เข้าที่
เพียงห้านาทีอนพัทธ์ก็ออกมาจากห้องน้ำ เขาเหลือบมองนาฬิกาแขวนฝาผนัง
อีกสิบนาทีก็จะถึงเวลาเรียน ชายหนุ่มลงมือแต่งตัวเงียบๆ เมื่อเสร็จแล้วก็เดินนำออกจากห้องไป
ชัยวัฒน์เดินตาม แม้อยากรู้สาเหตุที่ทำให้เพื่อนต้องเป็นแบบนี้แต่เขาก็ไม่ได้เซ้าซี้ถาม
รอให้เพื่อนสบายใจกว่านี้หน่อยแล้วค่อยถามจะดีกว่า
ทั้งสองเดินตามกันไปเงียบๆจนถึงลานจอดรถ
“มึงจะไปกับกูไหม?”อนพัทธ์เอ่ยถามขึ้นเป็นครั้งแรก
ชัยวัฒน์นิ่วหน้านิ่งคิดก่อนพยักหน้ารับ
“อืม ไปกับมึงดีกว่า กูขี้เกียจขับรถเองวะ”ว่าแล้วก็เปิดประตูรถก้าวขึ้นไปนั่งคู่คนขับ
“ไอ้ทันเป็นไงบ้าง?”อนพัทธ์ถามขึ้นเมื่อขับรถออกจากคอนโดมาได้สักพัก
“เหมือนคนบ้า ยิ้มทั้งวัน
ถามอะไรมันก็ไม่ตอบ กูจะบ้าตาย คนหนึ่งก็เมาเหมือนหมา อีกคนก็เหมือนคนบ้า กูก็จะบ้าตามพวกมึงไปอีกคนแล้วนะเนี่ย”คนเล่าส่ายหน้าพร้อมถอนใจเซ็งๆ
อนพัทธ์รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจ
คนชนะย่อมมีความสุข คนแพ้ย่อมเป็นทุกข์ เขารู้ดี แต่ที่ไม่รู้คือ ‘สองคนนั่นไปคบกันตั้งแต่เมื่อไร?’
เขาเป็นเพื่อนกับวทันยูมาตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง
เป็นเพื่อนซี้ ที่ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ผู้หญิงที่วทันยูคบเขาก็รู้จักดีทุกคน
บางคนยังเคยถ่ายโอนให้กันด้วยช้ำ
เพราะเขากับวทันยูหน้าตาดีทั้งคู่จึงมีสาวๆมาให้เลือกมากมายโดยที่ไม่เคยมีปัญหาเรื่องแย่งผู้หญิงกัน
เขาคิดเสมอว่ารู้จักเพื่อนดีที่สุด แต่ภาพที่เห็นวันนั้นทำให้ความเชื่อของเขาพังทลายลงจนไม่มีชิ้นดี
วันนั้น... หลังจากที่เขาฟื้นจากการดื่มฉลองให้กับการอกหักรอบสองจากผู้หญิงคนเดียวกัน
เขาก็นึกได้ว่าต้องเอาหนังสือไปคืนห้องสมุด ไม่อย่างนั้นต้องโดนปรับ
ด้วยความเสียดายค่าปรับเกือบร้อย เขาจึงจำใจหอบหนังสือกองโตไปที่ห้องสมุดทั้งๆที่หัวยังปวดตุ๊บๆ
เมื่อส่งหนังสือให้บรรณารักษ์แล้วเขาตั้งใจว่าจะกลับไปนอนต่อให้สมใจ แต่เมื่อหันหลังกลับก็ต้องตกใจแทบช็อค
นักศึกษาชายหญิงคู่หนึ่งเดินเคียงข้างกันผ่านหน้าเขาไปโดยไม่สนใจเขาที่ยืนนิ่งเหมือนถูกสาป
ฝ่ายชายกำลังคุยจ้อหน้าระรื่นเปี่ยมสุข ฝ่ายหญิงเองก็ดูมีความสุขไม่แพ้กัน
มือของคนทั้งคู่จับจูงกันไม่วาง บ่งบอกฐานะของคนทั้งสองได้ดีกว่าคำพูดใดๆ ถึงแม้มันจะเป็นภาพที่เห็นได้ทั่วไปในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้
แต่ที่ทำให้เขาตกตะลึงแทบลืมหายใจก็คือหญิงสาวคนนั้น เธอคือคนเดียวกันกับคนที่เพิ่งหักอกเขา ส่วนผู้ชายก็คือเพื่อนสนิทของเขา
คนที่นั่งกินเหล้าเป็นเพื่อน ตอนที่เขาอกหัก
‘สองคนนี้คบกันตั้งแต่เมื่อไหร่?’
ชายหนุ่มรู้สึกราวกับถูกค้อนยักษ์ที่มองไม่เห็นทุบกระหน่ำลงบนหัว
จนสมองเบลอคิดอะไรไม่ออก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขากลับมาถึงห้องพักได้อย่างไร
เมื่อเข้าห้องและพบขวดเหล้าที่ยังไม่หมด เขายกก็มันขึ้นกรอกปากไม่เสียเวลาผสมโซดาเลยด้วยซ้ำ
ดื่มมันราวกับคนใกล้ตายเพราะขาดน้ำ จนกระทั่งเมาหัวทิ่มหลับไปในที่สุด ตื่นขึ้นทีไรเขาก็ควานหาขวดเหล้ายกขึ้นกรอกปากจนหลับไปอีกโดยไม่สนใจวันเวลาที่ผ่านไป
เขารับรู้เพียงเลือนลางว่ามีคนมาหา มาคุย มากินเหล้าด้วยแต่เขาเฝ้าบอกตัวเองว่าภาพที่เห็นนั้นเป็นเพียงความฝัน
เขาอยากหลับไปชั่วนิรันดร์ จะได้ไม่ต้องมารับรู้ความจริงที่แสนโหดร้าย
อกหักนั้นไม่เจ็บเท่าไร แต่ถูกเพื่อนที่ไว้ใจที่สุดหักหลังนี่สิมันเลวร้ายเกินกว่าจะยอมรับได้
ชายหนุ่มบังคับพวงมาลัยตามสัญชาตญาณอย่างไร้สติ
“เฮ้ย! ไอ้พัทธ์
ระวังขวานะโว้ย ซ้ายๆๆ เฮ้ย!เบรคคคค โว้ย!ขับรถให้ดีๆหน่อยสิวะ
กูยังไม่มีธุระกับยมบาลตอนนี้นะโว้ย”
ชัยวัฒน์เอะอะโวยวายตลอดทาง เมื่อรถที่เขานั่งส่ายไปมาราวกับงูเลื้อย
จนรถคันอื่นต้องหักหลบพร้อมบีบแตรไล่กันระนาว
อนพัทธ์ปรายตามองถนนแวบหนึ่งก่อนจะหักพวงมาลัยเลี้ยวขวับเข้าจอดข้างตึกเรียน
ทำเอาคนที่นั่งมาด้วยตาเหลือกยกมือทาบอกหัวใจแทบวาย เมื่อรถจอดสนิทชัยวัฒน์ก็สูดลมหายใจเข้ายาวๆอย่างโล่งอกที่มีชีวิตรอดมาได้
“กูจะไม่นั่งรถที่มึงขับอีก..ตลอดชีวิต”
คนที่เพิ่งรอดตายอย่างหวุดหวิดชี้หน้าคนขับแล้วเปิดประตูก้าวลงรถก่อนจะกระแทกประตูปิดตามหลังเหมือนจะให้มันพังคามือตามอารมณ์ที่ยังค้างคาใจ
แล้วเดินดุ่มนำหน้าขึ้นบันไดไปอย่างหงุดหงิด
“ขอคุยด้วยหน่อยสิ”
ทันทีที่อนพัทธ์โผล่หน้าเข้าไปในห้องเรียน
คนที่ไม่อยากเจอหน้าที่สุดก็เอ่ยทักราวกับรู้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องมา
“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับนาย”อนพัทธ์ตอบเสียงเย็นหมางเมิน
“ขอร้องล่ะพัทธ์ ขอให้ฉันได้อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นได้ไหม?”วทันยูขอร้องด้วยสายตาจริงจัง
“ไม่จำเป็น มันไม่เกี่ยวกับฉัน”อนพัทธ์สะบัดหน้าหนี
“เราเป็นเพื่อนกันนะพัทธ์
ฉันไม่อยากให้เรื่องนี้ทำให้เราต้องแตกคอกัน”วทันยูถอนใจพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ
อนพัทธ์หันขวับกลับมาดวงตาวาวอย่างโกรธจัด
“นายยังมีหน้ามาบอกว่าเป็นเพื่อนกันอีกเหรอ เพื่อนเขาทำกับเพื่อนอย่างนี้เหรอ”
ชัยวัฒน์มองคนโน้นทีคนนี้ทีอย่างแปลกใจ
ก่อนเขาจะเดินเข้าไปตบบ่าอนพัทธ์เบาๆ
“เฮ้ย ใจเย็นๆไอ้พัทธ์
กูไม่รู้ว่าพวกมึงมีเรื่องอะไรกัน แต่พวกมึงน่าจะคุยกันให้เคลียร์เลยดีกว่า ลูกผู้ชายขอกันกินยังมากกว่านี้น่า”
คำพูดของชัยวัฒน์ทำให้อนพัทธ์ชะงัก ‘นั่นสิ
เรื่องที่เขาอยากรู้ที่สุดก็คือเขาสองคบกันได้ยังไงไม่ใช่หรือ?’
“ก็ได้ งั้นไปคุยกันตรงโน้น ”ตอบตกลงอย่างไว้เชิง ก่อนเดินนำหน้าไป
ตรงโน้น คือระเบียงข้างห้องเรียนซึ่งปลอดคน
วทันยูเดินตามอนพัทธ์ไปเงียบๆ
“นายรู้จักกับเธอมานานแล้วหรือ?”อนพัทธ์เอ่ยถาม หลังจากยืนนิ่งสงบสติอารมณ์อยู่พักใหญ่
“ถ้าเป็นทางการล่ะก็ วันที่นายเป็นคนแนะนำนั่นแหละเป็นครั้งแรก”วทันยูตอบเบาๆ
“หมายความว่าไง? นายเคยรู้จักเธออย่างไม่เป็นทางการมาก่อนงั้นเหรอ?”อนพัทธ์เลิกคิ้วอย่างสงสัยพลางแหนบแนม
“ก็แค่เคยเห็นหน้าแต่ไม่รู้จัก”
“อย่าบอกนะว่านายรู้จักกับเธอไม่ถึงสองเดือนแต่กลับจีบติด”
อนพัทธ์หรี่ตาลงน้ำเสียงมีแววเยาะเย้ย
ไม่แน่ใจว่าเขาเยาะเย้ยคนที่กำลังเผชิญหน้าอยู่ขณะนี้หรือตัวเองกันแน่
วทันยูส่ายหน้า“จะว่าจีบก็ไม่เชิงหรอก
เพราะฉันคิดว่าเธอคบกับนายอยู่ ก็เลยไม่กล้า”
น้ำเสียงจริงใจนั้นทำให้คนฟังตาโต
“ถ้าไม่จีบแล้วมาคบกันได้ไง
อย่าบอกนะว่านายยังไม่ได้คบกับเธอ”
วทันยูพยักหน้า “เราเพิ่งจะคบกัน
ก็วันที่นายอกหักนั่นแหละ”
“นายมีนัดกับเธอ
แล้วทำไมนายต้องมาพูดให้ฉันเข้าใจผิดด้วยวะ?”อนพัทธ์ตาวาวตะคอกถามอย่างหงุดหงิด
“เฮ้ย!
ใจเย็นสิวะ ฉันก็ไม่รู้ว่าเรื่องของฉันกับเธอจะลงเอยแบบนี้”วทันยูรีบปรามก่อนเพื่อนจะโมโหจนฟิวส์ขาด
“หมายความว่าไง”อนพัทธ์ถามอย่างหงุดหงิด
“คือฉันไปเจอเธอที่ห้องสมุด..แล้วก็ช่วยติวหนังสือให้
แล้วเราก็คุยกันมาเรื่อยๆ”
อนพัทธ์เลิกคิ้วขึ้น “ก็ไหนว่าไม่ได้จีบ”
ไม่จีบ..จะคบกันได้ยังไง ทั้งๆที่เขาพยายามตามจีบเธออยู่ตั้งหลายปีเธอยังไม่ยอมใจอ่อนเลย
“ก็ไม่ได้จีบ..แค่คุยกันแบบเพื่อนธรรมดา
ต่อมาฉันคิดว่านายกับเธอไปกันได้ดีแล้วจึงไม่อยากเข้าไปแทรก ก็ที่ฉันจะเป็นจะตายนั่นแหละ”
คำสารภาพนั้นทำให้อนพัทธ์ตาโต ..ใช่
วทันยูมีอาการปางตายเกือบเดือนโดยที่เพื่อนๆไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น
และเจ้าตัวก็ไม่ยอมปริปากบอก
“จนกระทั่งวันนั้น ฉันทนคิดถึงเธอไม่ไหวก็เลยไปที่ห้องสมุด
แล้วไปเจอนายทะเลาะกับยัยพิมพ์เข้า ฉันเห็นเธอร้องไห้ ก็เลยคิดว่าเธอร้องไห้เพราะนาย”
อนพัทธ์คิดตาม วทันยูไม่ใช่คนชอบโกหก
และวันนั้นเขาจำได้ว่าวทันยูโกรธเขาจริงๆ
“แล้วนายคบกับเธอได้ยังไง?”เขาถามสิ่งที่ค้างคาใจ
“ก็นายบอกว่าเธอร้องไห้เพราะคนอื่น
ไม่ใช่นาย ฉันก็เลยไปถามความจริงจากเธอ”
อนพัทธ์ตาโตอย่างคาดไม่ถึง “แล้วเธอก็บอกว่าชอบนาย
อย่างงั้นเหรอ”เจ้าหญิงน้ำแข็งอย่างอรปรียาเนี่ยนะบอกว่าชอบคนอื่นก่อน
“ก็...ไม่ได้บอกตรงๆหรอก...แค่ยอมรับว่าเข้าใจผิด
เรื่องฉันกับยัยม้าน่ะ”วทันยูสารภาพเขินๆ
อนพัทธ์ส่ายหน้าฝืนยิ้ม “ฮึ..แค่นั้นก็รู้แล้วล่ะว่าเธอชอบนาย”
“ เฮ่อ...ช่างมันเถอะ ถึงไม่ใช่นาย ฉันก็ไม่ใช่คนที่เธอรักอยู่ดี”อนพัทธ์พูดอย่างปลงๆ
“ขอบใจนะพัทธ์ที่นายเข้าใจ
อรเขาก็เป็นห่วงนายมากนะ และฝากฉันมาขอโทษนายด้วย”
อนพัทธ์ยิ้มเศร้า “ฝากบอกเธอว่า
ฉันไม่เคยโกรธเธอเลย เรื่องของหัวใจ
ใครบังคับได้บ้าง นายเป็นผู้ชายที่โชคดี ดูแลเธอให้ดีๆนะ”
“แน่นอน..ฉันสัญญา”ประโยคสุดท้ายหนักแน่นด้วยสัญญาของลูกผู้ชาย
อนพัทธ์ยิ้มเศร้า เขารู้ดีว่าเพื่อนทำได้แน่
เขาควรจะดีใจใช่ไหมที่คนที่เขารักทั้งคู่มีความสุข แต่มันช่างยากจริงๆที่จะเอ่ยแสดงความยินดีออกมา
ขอเวลาทำใจสักพัก บางทีเวลาอาจจะให้ความเจ็บปวดนี้คลายลง
แล้วเขาคงกล่าวแสดงความยินดีกับทั้งคู่ได้อย่างเต็มปาก
สองหนุ่มเดินตามกันเข้าห้องเรียนด้วยสีหน้าดีขึ้น
ทำให้ชัยวัฒน์ที่มองมาถอนใจอย่างโล่งอก
เมื่อหมดชั่วโมงนักศึกษาต่างทยอยเดินตามกันออกจากห้องเรียน
อนพัทธ์เดินออกจากห้องแล้วต้องชะงักเมื่อหันไปสบตากับคนที่เพิ่งก้าวออกมาจากห้องเรียนติดกัน
หญิงสาวตาคม ดัดผมเป็นลอนสลวยสีน้ำตาลแดงชะงักนิดหนึ่งเมื่อหันมาสบตากับคนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องข้างเคียง ตาคมขุ่นขึ้นทันทีที่สบตากันและแล้วริมฝีปากบางก็แสยะยิ้มเยาะเย้ยส่งให้
ก่อนสะบัดหน้าเดินจากไป
อนพัทธ์กำหมดแน่นรู้สึกโกรธจนตัวสั่น อยากวิ่งไปกระชากคนที่เพิ่งเดินจากไป
เค้นคอถามว่าเขาทำอะไรให้ถึงได้จงเกลียดจงชังเขานัก
“ใครวะไอ้พัทธ์? ทำไมยิ้มให้มึงแปลกๆ”ชัยวัฒน์ที่เดินตามออกมาเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
“มึงคอยดูนะไอ้ชัย
ภายในหนึ่งเดือนกูจะทำให้ยัยนี่วิ่งตามตูดกูต้อยๆให้ได้
จากนั้นกูจะถีบหัวส่งให้มึงดู”คนพูดกัดฟันอย่างโกรธจัด
“กูว่ามันไม่ง่ายนะโว้ย”พยานจำเป็นทักท้วง
“ถ้ากูทำไม่ได้
กูจะยอมก้มกราบตีนมึง”อนพัทธ์บอกเสียงเข้ม ก่อนเดินตึงตังจากไป
“ฮึๆๆ
แล้วกูจะคอยวันที่มึงมากราบตีนกู”ชัยวัฒน์หัวเราะฮึๆ
กับตัวเองพร้อมกับเดินตามเพื่อนไปอย่างอารมณ์ดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น