ซีรีย์นิยายชุด:วายร้ายยอดรัก เรื่อง จารกรรม นำรัก ตอนที่ 3-2

คามินนั่งมองเหม่ออกไปนอกหน้าต่างพลางครุ่นคิดถึงเรื่องที่กันต์จัดประชุมด่วนเพื่อช่วยเหลือวายร้ายให้ได้เข้าไปทำงานที่สเปซมาร์สแล้วเขาก็ต้องถอนหายใจยาว ถึงแม้จะรู้ว่ามันเสี่ยงแค่ไหน แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าไม่ทางเลือกนอกจากเดินหน้าตามแผนการ โชคดีที่ติณห์หาทางรั้งวายร้ายที่อยู่อเมริกาไม่ให้เดินทางมาสมทบได้ ไม่อย่างนั้นงานของเขาคงจะเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัวแน่
เขาหลับตาลงอย่างอ่อนล้า แต่เพียงพักเดียวก็ต้องลืมตาขึ้นใหม่เมื่อได้ยินเสียงคนที่นั่งเบาะข้างๆพูดคุยกับใครบางคน และเสียงนั่นเขาก็รู้ดีว่าเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ยัยตัวแสบนั่น คนที่นั่งเบาะข้างๆเขาลุกขึ้นยืนพร้อมกับรอยยิ้มกว้างของคนที่มาใหม่
“ขอบคุณมาดามที่ยอมแลกที่นั่ง”

โรซาเลียขอบคุณคนที่มีน้ำใจยอมแลกที่กับตน เมื่อตนบอกว่าไม่สามารถจองที่นั่งติดกับพี่ชายได้ และตนเพิ่งจะเคยเดินทางครั้งแรกจึงกังวลกลัวจะหลงทาง อีกฝ่ายก็ใจดียอมแลกที่นั่งแต่โดยดี แต่จะว่าไปฝ่ายนั้นได้เปรียบ เพราะที่นั่งของเธอนั้นน่ะแถวพรีเมี่ยมส่วนที่นั่งแถวนี้น่ะมันโลว์คอสที่สุดในเครื่อง เธอขอเปลี่ยนที่นั่งก็ถือว่าฝ่ายนั้นโชคดีแล้ว
“ตามมาทำไม?”
คามินถามอย่างเหลืออดกับคนที่ตามตอแยไม่เลิก ถ้าคิดว่าเขาจะตกหลุมหน้าสวยๆตาใสๆแบบนี้ล่ะก็ฝันไปเถอะ เขาเจอมาเยอะแล้วผู้หญิงแบบนี้สวยแต่ร้าย เขาขออยู่ห่างๆดีกว่า เพราะทุกวันนี้แค่รับมือกับตัววายร้ายก็หนักหนาสาหัสพอแล้วสำหรับเขา
คนสวยแต่ร้ายเลิกคิ้วขึ้นกวนอารมณ์ ไม่ได้ตามมาสักหน่อย เครื่องบินลำเดียวกัน นั่งตรงไหนก็ไปพร้อมกัน เธอตามเขาที่ไหน
คามินส่ายหน้า เลิกสนใจคนที่ตามมากวนอารมณ์ เขาหลับตาลงอีกครั้ง และจมูกก็ได้กลิ่นน้ำหอมที่ลอยมาใกล้ๆปลายจมูกจนอดที่จะลืมตาขึ้นมองไม่ได้ แล้วก็ได้เห็นคนที่ชะเง้อผ่านเขาไปเพื่อมองออกไปนอกหน้าต่างโดยไม่ระมัดระวังตัวเอง เขาอยากจะเตือนเธอเหมือนกันว่าเป็นผู้หญิงให้ระมัดระวังตัวให้มากกว่านี้ ถ้าไปเจอผู้ชายฉวยโอกาสเข้าเธอจะทำอย่างไร เพราะเขาขยับตัวแค่นิดเดียวจมูกของเขาได้ชนกับแก้มเนียนใสของเธอแน่ แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่เธอก่อขึ้นตอนเช็คอินเขาก็หลับตาลงใหม่
“จะเปลี่ยนที่นั่งกันไหม?”ชายหนุ่มถามทั้งที่ยังหลับตา
คนถูกถามขมวดคิ้วครุ่นคิด “ก็ดีเอ่อ ไม่ดีกว่า”
เธอรีบปฏิเสธเมื่อคิดได้ว่าเขาอาจจะลุกไปขอแลกที่นั่งกับใครให้เธอต้องวุ่นวายตามไปอีก ให้เขานั่งอยู่ด้านไหนอย่างนั้นแหละจะได้ลุกหนีไปไหนไม่ได้ คนที่ขี้เกียจตามคิดอย่างถี่ถ้วน
“ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยนั่งดีๆหน่อยได้ไหม?”คนหลับตาบอกอย่างเหลืออด
“ฉันนั่งไม่ดีตรงไหน?”คนที่นั่งดีๆอยู่แล้วถามกลับอย่างไม่พอใจ
“ก็แก้มคุณน่ะมาชนจมูกผม ถ้าอยากจะให้ผมจูบก็บอกกันตรงๆก็ได้ อย่าอ้อมค้อมวุ่นวาย ผมจะช่วยสงเคราะห์ให้แล้วจะได้นอนพัก ผมเหนื่อย”คนเหนื่อยบอกเสียงเพลีย
ตอนที่ได้ยินว่าแก้มของตนไปชนจมูกของเขา เจ้าของแก้มเนียนก็อับอายจนใบหน้าร้อนผ่าว แต่ประโยคต่อมา ไม่ได้ทำให้ร้อนแค่ใบหน้า แต่ทำให้เธอร้อนไปทั้งตัวแทบควันออกหูเพราะโมโห คนอย่างเธอนี่นะจะอยากให้เขาจูบจนต้องแกล้งมารสาไถไปให้ท่าเขา คิดแล้วน่าโมโหชะมัด เธอไม่น่าลุกจากที่นั่งพรีเมี่ยมเดินมานั่งที่นั่งโลว์คอสให้อารมณ์เสียเลย คนที่โมโหโกรธาสะบัดหน้าหนีไม่อยากมองหน้าคนพูดจากวนอารมณ์ให้หงุดหงิดยิ่งขึ้น
เมื่อเห็นเขาเงียบเสียงไปคนที่หงุดหงิดใจก็อดที่จะเหลือบมองไม่ได้ แล้วก็ต้องหงุดหงิดยิ่งขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายหลับไปแล้วหลังจากที่พูดจากวนอารมณ์คนอื่นจนขุ่นมัว จนคนที่ถูกทำให้โมโหโทโสอยากจะยื่นมือไปบีบจมูกเขาให้หายใจไม่ออกจะได้ไม่ต้องตื่นขึ้นมาพูดจากวนประสาทใครได้อีก แต่เมื่อทำไม่ได้ดังใจนึก ก็เลยได้แต่มองหน้าของอย่างพินิจพิจารณาแทน
ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่อย่างคนยุโรป แต่หน้าตาของเขาเหมือนเป็นลูกผสมระหว่างชาวตะวันออกกับตะวันตก ผิวของเขาขาวละเอียดแบบชาวตะวันออกแต่จมูกโด่งได้รูปสวยเหมือนชาวตะวันตก ใบหน้าจัดว่าหล่อเหลาสามารถเป็นนายแบบระดับโลกได้สบาย แต่เธอแน่ใจว่าเขาไม่ใช่นายแบบ เพราะเธอคุ้นเคยกับวงการเดินแบบไม่น้อย ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ใช่นางแบบอาชีพ แต่ก็เป็นนางแบบกิตติมศักดิ์ให้ห้องเสื้อชั้นนำเป็นบางครั้งบางคราว และเธอยังเรียนดีไซเนอร์อีกด้วย จึงไม่แปลกที่เธอจะรู้จักนายแบบนางแบบดังๆหลายคน เธอไม่รู้ว่าผู้ชายที่นอนหลับอยู่ข้างๆนี้ทำอาชีพอะไร แต่ถ้าจะให้เดา เขาน่าจะเป็นนักธุรกิจ เพราะท่าทางที่เขาเคร่งเครียดกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ช่างเหมือนกับพี่ชายของเธอไม่มีผิด แต่ช่างเถอะ เธอจะไปสนใจเขาทำไม เพราะไปถึงเวียนนาเมื่อไร เธอกับเขาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว และที่เธอตามติดเขาในตอนนี้เพราะแค่อาศัยเขาเป็นเกาะกำบังพวกขี้หลีเท่านั้น หญิงสาวคิดก่อนจะหลับตาลงบ้าง อีกเกือบชั่วโมงกว่าจะถึงเวียนนา เธอยังสามารถหลับต่อได้อีกสักพัก
คามินเหลือบมองคนหลับที่เอนหัวมาซบไหล่ของเขาอย่างสบายใจด้วยแววตาปลงๆ ไหล่เขานี่กลายเป็นหมอนหนุนของแม่คุณไปตั้งแต่เมื่อไรกัน เขาไม่ได้หลับเพียงแค่พักสายตาและไม่อยากจะพูดกับคนที่ตามตอแยให้หงุดหงิดใจโดยใช่เหตุ แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ คิดแล้วเขาก็ได้แต่ปลงกับดวงชะตาของตนในตอนนี้ดวงนารีราวีจริงๆ
คามินเขย่าปลุกคนขี้เซาให้ตื่นอีกครั้งเมื่อกัปตันประกาศว่าเครื่องจะลงแล้ว แต่เหมือนอีกฝ่ายจะหลับสบายเกินไปนอกจากไม่ยอมตื่นยังหันมากอดเขาเสียดื้อๆเหมือนเขาเป็นหมอนข้าง ถ้านอนอยู่บนพื้นหรือบนเตียงคงจะยกขาขึ้นมาก่ายเขาด้วยแน่ๆ
ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างปลงๆ เป็นสาวเป็นนางไม่ระวังตัวอย่างนี้ถ้าเกิดไปเจอพวกชีกอเข้าจะทำอย่างไร ถ้าเป็นน้องเป็นนุ่งเขาจะจับมาอบรมบ่มนิสัยเสียใหม่ ใช้ไม่ได้จริงๆ
“ตื่นได้แล้วแม่คุณ จะนอนไปถึงไหน ห๊า!”คำสุดท้ายตะโกนกรอกหูคนขี้เซา
ได้ผลคนที่นอนหลับสนิทสะดุ้งพรวดขึ้นทันที พร้อมกับทำหน้าลอกแลกตกใจกับเสียงสนั่นลั่นแก้วหู
“อะไรคะ? อะไร?”โรซาเลียถามหน้าตื่น เกิดอะไรขึ้น?
“เครื่องจะลงแล้ว”อีกฝ่ายตอบหน้าเฉย ไม่สนใจว่าตนนั้นทำให้ใครอีกคนตกอกตกใจขนาดไหน
โรซาเลียพยักหน้ารับรู้ แล้วก็ขมวดคิ้ว เมื่อกี้ทำไมเขาต้องตะโกนด้วย เล่นเอาเธอตกใจสะดุ้งตื่น กำลังฝันดีอยู่เชียว เจ้าชายกำลังจะจุมพิตเธออยู่แล้วตาบ้านี่ดันตะโกนขึ้นมาได้ ทำให้เจ้าชายตกใจเผ่นหนี เธอเลยไม่รู้เลยว่ารสจุมพิตนั้นจะหวานล้ำอย่างที่นิยายโรมานส์พวกนั้นบรรยายไว้หรือเปล่า
 เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก เดือนหน้าเธอก็จะอายุครบยี่สิบปีแล้ว แต่ไม่เคยเสียจุมพิตแรกให้ชายใดเลย เป็นเรื่องอับอายขายขี้หน้าที่เธอจะไม่ยอมให้เพื่อนคนไหนรู้เป็นอันขาด ไม่ใช่ว่าเธอขี้ริ้วจนไม่มีชายใดมาสนใจ แต่เป็นเพราะพี่ชายจอมหวงยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ส่งบอดีการ์ดหน้ายักษ์ตามคุมเธอแจตั้งแต่ชั้นอนุบาลยันมหาวิทยาลัย เพราะอายุที่ห่างกันถึงหนึ่งรอบเขาจึงทำตัวเหมือนพ่อมากกว่าพี่ ดังนั้นอย่าว่าแต่จุมพิตเลย แค่ชายหนุ่มเดินเฉียดใกล้น้องสาวเจ้าพ่อ บอดีการ์ดเหล่านั้นก็พร้อมจะจัดการชายหนุ่มพวกนั้นทันที แล้วอย่างนี้จะให้เธอไปมีแฟนเหมือนเพื่อนคนอื่นๆได้อย่างไร เพื่อนๆเปลี่ยนแฟนไปแล้วไม่ต่ำกว่าสามสี่คน ส่วนเธอยังแห้งเหี่ยวหัวโตอยู่เดียวดายจนบัดนี้ ฮึ่ม มาเวียนนาคราวนี้แหละ เธอต้องมีแฟนให้ได้ ไหนๆก็ดันทุรังมาตามลำพังได้แล้ว ยังไงซะเธอก็จะหาทางออกจากกรงทองของพี่ชายให้ได้ สาวน้อยคิดอย่างมุ่งมั่น
เมื่อลงจากเครื่องและไปยืนรอรับกระเป๋าที่สายพาน คามินก็ต้องถอนหายใจยาวอีกรอบกับกระเป๋าแม่คุณที่ขนมามากมายเกือบสิบใบ จะให้เขานิ่งดูดายไม่ช่วยเหลือเหมือนตอนเช็คอินก็ทำไม่ได้ ถึงแม้จะไม่รู้จัก แต่ก็เหมือนคนคุ้นเคยเพราะอีกฝ่ายตามตอแยไม่หยุด แล้วจะให้เขายืนดูคนที่จัดการกระเป๋าเหล่านั้นอย่างทุลักทุเลอยู่เฉยๆคงไม่ไหว เขาไม่ได้ใจดำขนาดนั้น ชายหนุ่มจำใจยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือคนที่ทำอะไรเกินตัวตรงหน้า
โรซาเลียชะงัก เมื่อจู่ๆก็มีคนมาช่วยยกกระเป๋าหลายใบพวกนั้นวางซ้อนกันบนรถเข็น และยิ่งแปลกใจมากขึ้นเมื่อคนๆนั้นคือคนที่ชอบทำหน้าดุใส่เธอ ถึงแม้หน้าตาของเขาขณะช่วยยกกระเป๋าจะงอเป็นม้าหมากรุกเหมือนเดิมก็เถอะ แต่อย่างน้อยเขาก็มีน้ำใจล่ะ ไม่เหมือนตอนแรกที่เจอกัน ที่เขายืนมองเฉยแถมยังทำหน้าเยาะเย้ยเธออีก
“แล้วจะไปยังไง?”
คามินถามเมื่อจัดการกับกระเป๋าของตนเองกับกระเป๋าของเจ้าหล่อนใส่รถเข็นสองคันเสร็จ
“แท็กซี่”โรซาเลียตอบ ตอนมาเธอก็มาแท็กซี่ ตอนนี้ก็คงต้องไปแท็กซี่เหมือนเดิม
คามินส่ายหน้า คิดถึงภาพหญิงสาวที่ขนกระเป๋าเหล่านี้ขึ้นและลงรถแท็กซี่ก็รู้ว่ามันจะทุลักทุเลขนาดไหน เขาถอนหายใจยาว ก่อนจะพยักหน้าให้คนที่ยืนมองตาแป๋วอยู่ไม่ห่าง
“ตามมา”
ว่าแล้วชายหนุ่มก็จัดการเข็นรถเข็นคันที่มีกระเป๋าเยอะกว่าเดินนำ ปล่อยให้หญิงสาวที่กำลังยืนงง รีบเข็นรถคันที่มีกระเป๋าเพียงไม่กี่ใบเดินตาม และเมื่อมาถึงทางออกบอดีการ์ดสองนายก็มาช่วยกันขนกระเป๋าจากรถเข็นทั้งสองคันไปขึ้นรถที่จอดรอรับ
โซราเลียยืนมองตามเขาที่ไปยืนบงการบอดีการ์ดให้ขนกระเป๋าเธอใส่ไว้ที่เบาะหลังเพราะว่าใส่ท้ายรถไม่หมด หลังจากเรียบร้อยแล้วบอดีการ์ดคนหนึ่งก็เดินไปเปิดประตูหน้ารอ พร้อมกับก้มหัวให้เธอ หญิงสาวจึงเดินไป และก้าวขึ้นนั่งเบาะหน้าซึ่งไม่รู้ว่าใครจะเป็นคนขับ เขาหรือว่าบอดีการ์ดคนใดคนหนึ่ง และคนที่เหลือคงต้องรอรถคันใหม่มารับหรือไม่ก็นั่งแท็กซี่กลับเพราะเบาะหลังนั่งไม่ได้แล้วเพราะแค่กระเป๋าก็เต็มหมด เธอเพิ่งจะรู้คราวนี้เองว่ากระเป๋าที่ตนนั้นขนมามันมากมายเกินไป
คามินก้าวเข้ามานั่งในตำแหน่งคนขับ พร้อมกับสั่งให้บอดีการ์ดโบกแท็กซี่กลับไปเอง จากนั้นเขาก็หันมาถามแขกที่ไม่ได้รับเชิญถึงจุดหมายปลายทางของอีกฝ่าย จะได้ไปส่งให้เสร็จแล้วเขาจะได้เป็นอิสระจากตัวยุ่งสักที
ระหว่างทางทั้งคู่ต่างนั่งเงียบจนถึงจุดหมายปลายทางที่โรซาเลียบอกไว้ คามินก้าวลงจากรถจะจัดการขนกระเป๋าของหญิงสาวลงจากรถเอง แต่รถแท็กซี่ของบอดีการ์ดวิ่งมาจอดต่อท้าย และสองคนนั้นก็รีบลงมาทำหน้าที่ลูกน้องที่ดี ช่วยกันขนกระเป๋าของหญิงสาวลงจากลงอย่างรวดเร็วโดยไม่ให้เจ้านายลำบากมาจัดการเอง
โรซาเลียลงจากรถไปยืนอยู่ตรงบันไดทางขึ้นคอนโดมีเนี่ยมหรูมองดูกองกระเป๋าของตัวเองที่ถูกบอดีการ์ดของคนหน้าดุขนลงจากรถและบอยเบล์ของคอนโดมาช่วยขนเข้าไปข้างใน
“ไปล่ะ”
คนที่หมดธุระโบกมือลาง่ายๆ ก่อนจะก้าวเข้าไปนั่งเบาะหลังที่ตอนนี้โล่งเพราะไม่มีกระเป๋าเข้าไปสุมกองไว้แล้ว บอดีการ์ดสองนายก็รีบตามเจ้านายขึ้นรถไปทำหน้าที่สารถี และออกรถทันทีหลังจากจัดการส่งแขกเสร็จ
โรซาเลียมองตามรถที่แล่นออกไปอย่างขัดใจ เขาไม่ยอมรอแม้กระทั่งคำขอบใจของเธอ ช่างเป็นผู้ชายมารยาทแย่ที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอมา แต่ก็ช่างเถอะ เขาอุตส่าห์ขับรถมาส่งและยังช่วยยกกระเป๋าให้ก็ถือว่ามีน้ำใจนิดหน่อย หญิงสาวยักไหล่ก่อนที่จะก้าวเข้าด้านในด้วยมาดนางพญา 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น