คามินนั่งมองเหม่ออกไปนอกหน้าต่างพลางครุ่นคิดถึงเรื่องที่กันต์จัดประชุมด่วนเพื่อช่วยเหลือ‘วายร้าย’ให้ได้เข้าไปทำงานที่สเปซมาร์สแล้วเขาก็ต้องถอนหายใจยาว
ถึงแม้จะรู้ว่ามันเสี่ยงแค่ไหน
แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าไม่ทางเลือกนอกจากเดินหน้าตามแผนการ
โชคดีที่ติณห์หาทางรั้งวายร้ายที่อยู่อเมริกาไม่ให้เดินทางมาสมทบได้
ไม่อย่างนั้นงานของเขาคงจะเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัวแน่
เขาหลับตาลงอย่างอ่อนล้า
แต่เพียงพักเดียวก็ต้องลืมตาขึ้นใหม่เมื่อได้ยินเสียงคนที่นั่งเบาะข้างๆพูดคุยกับใครบางคน
และเสียงนั่นเขาก็รู้ดีว่าเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ‘ยัยตัวแสบ’นั่น คนที่นั่งเบาะข้างๆเขาลุกขึ้นยืนพร้อมกับรอยยิ้มกว้างของคนที่มาใหม่
“ขอบคุณมาดามที่ยอมแลกที่นั่ง”
โรซาเลียขอบคุณคนที่มีน้ำใจยอมแลกที่กับตน
เมื่อตนบอกว่าไม่สามารถจองที่นั่งติดกับพี่ชายได้
และตนเพิ่งจะเคยเดินทางครั้งแรกจึงกังวลกลัวจะหลงทาง อีกฝ่ายก็ใจดียอมแลกที่นั่งแต่โดยดี
แต่จะว่าไปฝ่ายนั้นได้เปรียบ
เพราะที่นั่งของเธอนั้นน่ะแถวพรีเมี่ยมส่วนที่นั่งแถวนี้น่ะมันโลว์คอสที่สุดในเครื่อง
เธอขอเปลี่ยนที่นั่งก็ถือว่าฝ่ายนั้นโชคดีแล้ว
“ตามมาทำไม?”
คามินถามอย่างเหลืออดกับคนที่ตามตอแยไม่เลิก
ถ้าคิดว่าเขาจะตกหลุมหน้าสวยๆตาใสๆแบบนี้ล่ะก็ฝันไปเถอะ
เขาเจอมาเยอะแล้วผู้หญิงแบบนี้‘สวยแต่ร้าย’ เขาขออยู่ห่างๆดีกว่า เพราะทุกวันนี้แค่รับมือกับตัววายร้ายก็หนักหนาสาหัสพอแล้วสำหรับเขา
‘คนสวยแต่ร้าย’เลิกคิ้วขึ้นกวนอารมณ์
ไม่ได้ตามมาสักหน่อย เครื่องบินลำเดียวกัน นั่งตรงไหนก็ไปพร้อมกัน เธอตามเขาที่ไหน
คามินส่ายหน้า
เลิกสนใจคนที่ตามมากวนอารมณ์ เขาหลับตาลงอีกครั้ง
และจมูกก็ได้กลิ่นน้ำหอมที่ลอยมาใกล้ๆปลายจมูกจนอดที่จะลืมตาขึ้นมองไม่ได้
แล้วก็ได้เห็นคนที่ชะเง้อผ่านเขาไปเพื่อมองออกไปนอกหน้าต่างโดยไม่ระมัดระวังตัวเอง
เขาอยากจะเตือนเธอเหมือนกันว่าเป็นผู้หญิงให้ระมัดระวังตัวให้มากกว่านี้
ถ้าไปเจอผู้ชายฉวยโอกาสเข้าเธอจะทำอย่างไร เพราะเขาขยับตัวแค่นิดเดียวจมูกของเขาได้ชนกับแก้มเนียนใสของเธอแน่
แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่เธอก่อขึ้นตอนเช็คอินเขาก็หลับตาลงใหม่
“จะเปลี่ยนที่นั่งกันไหม?”ชายหนุ่มถามทั้งที่ยังหลับตา
คนถูกถามขมวดคิ้วครุ่นคิด
“ก็ดี…เอ่อ ไม่ดีกว่า”
เธอรีบปฏิเสธเมื่อคิดได้ว่าเขาอาจจะลุกไปขอแลกที่นั่งกับใครให้เธอต้องวุ่นวายตามไปอีก
ให้เขานั่งอยู่ด้านไหนอย่างนั้นแหละจะได้ลุกหนีไปไหนไม่ได้
คนที่ขี้เกียจตามคิดอย่างถี่ถ้วน
“ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยนั่งดีๆหน่อยได้ไหม?”คนหลับตาบอกอย่างเหลืออด
“ฉันนั่งไม่ดีตรงไหน?”คนที่นั่งดีๆอยู่แล้วถามกลับอย่างไม่พอใจ
“ก็แก้มคุณน่ะมาชนจมูกผม
ถ้าอยากจะให้ผมจูบก็บอกกันตรงๆก็ได้ อย่าอ้อมค้อมวุ่นวาย ผมจะช่วยสงเคราะห์ให้แล้วจะได้นอนพัก
ผมเหนื่อย”คนเหนื่อยบอกเสียงเพลีย
ตอนที่ได้ยินว่าแก้มของตนไปชนจมูกของเขา
เจ้าของแก้มเนียนก็อับอายจนใบหน้าร้อนผ่าว แต่ประโยคต่อมา ไม่ได้ทำให้ร้อนแค่ใบหน้า
แต่ทำให้เธอร้อนไปทั้งตัวแทบควันออกหูเพราะโมโห คนอย่างเธอนี่นะจะอยากให้เขาจูบจนต้องแกล้งมารสาไถไปให้ท่าเขา
คิดแล้วน่าโมโหชะมัด เธอไม่น่าลุกจากที่นั่งพรีเมี่ยมเดินมานั่งที่นั่งโลว์คอสให้อารมณ์เสียเลย
คนที่โมโหโกรธาสะบัดหน้าหนีไม่อยากมองหน้าคนพูดจากวนอารมณ์ให้หงุดหงิดยิ่งขึ้น
เมื่อเห็นเขาเงียบเสียงไปคนที่หงุดหงิดใจก็อดที่จะเหลือบมองไม่ได้
แล้วก็ต้องหงุดหงิดยิ่งขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายหลับไปแล้วหลังจากที่พูดจากวนอารมณ์คนอื่นจนขุ่นมัว
จนคนที่ถูกทำให้โมโหโทโสอยากจะยื่นมือไปบีบจมูกเขาให้หายใจไม่ออกจะได้ไม่ต้องตื่นขึ้นมาพูดจากวนประสาทใครได้อีก
แต่เมื่อทำไม่ได้ดังใจนึก ก็เลยได้แต่มองหน้าของอย่างพินิจพิจารณาแทน
ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่อย่างคนยุโรป
แต่หน้าตาของเขาเหมือนเป็นลูกผสมระหว่างชาวตะวันออกกับตะวันตก
ผิวของเขาขาวละเอียดแบบชาวตะวันออกแต่จมูกโด่งได้รูปสวยเหมือนชาวตะวันตก ใบหน้าจัดว่าหล่อเหลาสามารถเป็นนายแบบระดับโลกได้สบาย
แต่เธอแน่ใจว่าเขาไม่ใช่นายแบบ เพราะเธอคุ้นเคยกับวงการเดินแบบไม่น้อย ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ใช่นางแบบอาชีพ
แต่ก็เป็นนางแบบกิตติมศักดิ์ให้ห้องเสื้อชั้นนำเป็นบางครั้งบางคราว และเธอยังเรียนดีไซเนอร์อีกด้วย
จึงไม่แปลกที่เธอจะรู้จักนายแบบนางแบบดังๆหลายคน
เธอไม่รู้ว่าผู้ชายที่นอนหลับอยู่ข้างๆนี้ทำอาชีพอะไร แต่ถ้าจะให้เดา
เขาน่าจะเป็นนักธุรกิจ เพราะท่าทางที่เขาเคร่งเครียดกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ช่างเหมือนกับพี่ชายของเธอไม่มีผิด
แต่ช่างเถอะ เธอจะไปสนใจเขาทำไม เพราะไปถึงเวียนนาเมื่อไร
เธอกับเขาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว และที่เธอตามติดเขาในตอนนี้เพราะแค่อาศัยเขาเป็นเกาะกำบังพวกขี้หลีเท่านั้น
หญิงสาวคิดก่อนจะหลับตาลงบ้าง อีกเกือบชั่วโมงกว่าจะถึงเวียนนา
เธอยังสามารถหลับต่อได้อีกสักพัก
คามินเหลือบมองคนหลับที่เอนหัวมาซบไหล่ของเขาอย่างสบายใจด้วยแววตาปลงๆ
ไหล่เขานี่กลายเป็นหมอนหนุนของแม่คุณไปตั้งแต่เมื่อไรกัน เขาไม่ได้หลับเพียงแค่พักสายตาและไม่อยากจะพูดกับคนที่ตามตอแยให้หงุดหงิดใจโดยใช่เหตุ
แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ คิดแล้วเขาก็ได้แต่ปลงกับดวงชะตาของตนในตอนนี้‘ดวงนารีราวี’จริงๆ
คามินเขย่าปลุกคนขี้เซาให้ตื่นอีกครั้งเมื่อกัปตันประกาศว่าเครื่องจะลงแล้ว
แต่เหมือนอีกฝ่ายจะหลับสบายเกินไปนอกจากไม่ยอมตื่นยังหันมากอดเขาเสียดื้อๆเหมือนเขาเป็นหมอนข้าง
ถ้านอนอยู่บนพื้นหรือบนเตียงคงจะยกขาขึ้นมาก่ายเขาด้วยแน่ๆ
ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างปลงๆ
เป็นสาวเป็นนางไม่ระวังตัวอย่างนี้ถ้าเกิดไปเจอพวกชีกอเข้าจะทำอย่างไร
ถ้าเป็นน้องเป็นนุ่งเขาจะจับมาอบรมบ่มนิสัยเสียใหม่ ใช้ไม่ได้จริงๆ
“ตื่นได้แล้วแม่คุณ
จะนอนไปถึงไหน ห๊า!”คำสุดท้ายตะโกนกรอกหูคนขี้เซา
ได้ผล…คนที่นอนหลับสนิทสะดุ้งพรวดขึ้นทันที
พร้อมกับทำหน้าลอกแลกตกใจกับเสียงสนั่นลั่นแก้วหู
“อะไรคะ?
อะไร?”โรซาเลียถามหน้าตื่น เกิดอะไรขึ้น?
“เครื่องจะลงแล้ว”อีกฝ่ายตอบหน้าเฉย
ไม่สนใจว่าตนนั้นทำให้ใครอีกคนตกอกตกใจขนาดไหน
โรซาเลียพยักหน้ารับรู้
แล้วก็ขมวดคิ้ว เมื่อกี้ทำไมเขาต้องตะโกนด้วย เล่นเอาเธอตกใจสะดุ้งตื่น
กำลังฝันดีอยู่เชียว เจ้าชายกำลังจะจุมพิตเธออยู่แล้วตาบ้านี่ดันตะโกนขึ้นมาได้ ทำให้เจ้าชายตกใจเผ่นหนี
เธอเลยไม่รู้เลยว่ารสจุมพิตนั้นจะหวานล้ำอย่างที่นิยายโรมานส์พวกนั้นบรรยายไว้หรือเปล่า
เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก เดือนหน้าเธอก็จะอายุครบยี่สิบปีแล้ว
แต่ไม่เคยเสียจุมพิตแรกให้ชายใดเลย เป็นเรื่องอับอายขายขี้หน้าที่เธอจะไม่ยอมให้เพื่อนคนไหนรู้เป็นอันขาด
ไม่ใช่ว่าเธอขี้ริ้วจนไม่มีชายใดมาสนใจ แต่เป็นเพราะพี่ชายจอมหวงยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ส่งบอดีการ์ดหน้ายักษ์ตามคุมเธอแจตั้งแต่ชั้นอนุบาลยันมหาวิทยาลัย
เพราะอายุที่ห่างกันถึงหนึ่งรอบเขาจึงทำตัวเหมือนพ่อมากกว่าพี่ ดังนั้นอย่าว่าแต่จุมพิตเลย
แค่ชายหนุ่มเดินเฉียดใกล้น้องสาวเจ้าพ่อ บอดีการ์ดเหล่านั้นก็พร้อมจะจัดการชายหนุ่มพวกนั้นทันที
แล้วอย่างนี้จะให้เธอไปมีแฟนเหมือนเพื่อนคนอื่นๆได้อย่างไร เพื่อนๆเปลี่ยนแฟนไปแล้วไม่ต่ำกว่าสามสี่คน
ส่วนเธอยังแห้งเหี่ยวหัวโตอยู่เดียวดายจนบัดนี้ ฮึ่ม มาเวียนนาคราวนี้แหละ เธอต้องมีแฟนให้ได้
ไหนๆก็ดันทุรังมาตามลำพังได้แล้ว ยังไงซะเธอก็จะหาทางออกจากกรงทองของพี่ชายให้ได้
สาวน้อยคิดอย่างมุ่งมั่น
เมื่อลงจากเครื่องและไปยืนรอรับกระเป๋าที่สายพาน
คามินก็ต้องถอนหายใจยาวอีกรอบกับกระเป๋าแม่คุณที่ขนมามากมายเกือบสิบใบ จะให้เขานิ่งดูดายไม่ช่วยเหลือเหมือนตอนเช็คอินก็ทำไม่ได้
ถึงแม้จะไม่รู้จัก แต่ก็เหมือนคนคุ้นเคยเพราะอีกฝ่ายตามตอแยไม่หยุด
แล้วจะให้เขายืนดูคนที่จัดการกระเป๋าเหล่านั้นอย่างทุลักทุเลอยู่เฉยๆคงไม่ไหว
เขาไม่ได้ใจดำขนาดนั้น ชายหนุ่มจำใจยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือคนที่ทำอะไรเกินตัวตรงหน้า
โรซาเลียชะงัก
เมื่อจู่ๆก็มีคนมาช่วยยกกระเป๋าหลายใบพวกนั้นวางซ้อนกันบนรถเข็น
และยิ่งแปลกใจมากขึ้นเมื่อคนๆนั้นคือคนที่ชอบทำหน้าดุใส่เธอ
ถึงแม้หน้าตาของเขาขณะช่วยยกกระเป๋าจะงอเป็นม้าหมากรุกเหมือนเดิมก็เถอะ
แต่อย่างน้อยเขาก็มีน้ำใจล่ะ ไม่เหมือนตอนแรกที่เจอกัน
ที่เขายืนมองเฉยแถมยังทำหน้าเยาะเย้ยเธออีก
“แล้วจะไปยังไง?”
คามินถามเมื่อจัดการกับกระเป๋าของตนเองกับกระเป๋าของเจ้าหล่อนใส่รถเข็นสองคันเสร็จ
“แท็กซี่”โรซาเลียตอบ
ตอนมาเธอก็มาแท็กซี่ ตอนนี้ก็คงต้องไปแท็กซี่เหมือนเดิม
คามินส่ายหน้า
คิดถึงภาพหญิงสาวที่ขนกระเป๋าเหล่านี้ขึ้นและลงรถแท็กซี่ก็รู้ว่ามันจะทุลักทุเลขนาดไหน
เขาถอนหายใจยาว ก่อนจะพยักหน้าให้คนที่ยืนมองตาแป๋วอยู่ไม่ห่าง
“ตามมา”
ว่าแล้วชายหนุ่มก็จัดการเข็นรถเข็นคันที่มีกระเป๋าเยอะกว่าเดินนำ
ปล่อยให้หญิงสาวที่กำลังยืนงง รีบเข็นรถคันที่มีกระเป๋าเพียงไม่กี่ใบเดินตาม และเมื่อมาถึงทางออกบอดีการ์ดสองนายก็มาช่วยกันขนกระเป๋าจากรถเข็นทั้งสองคันไปขึ้นรถที่จอดรอรับ
โซราเลียยืนมองตามเขาที่ไปยืนบงการบอดีการ์ดให้ขนกระเป๋าเธอใส่ไว้ที่เบาะหลังเพราะว่าใส่ท้ายรถไม่หมด
หลังจากเรียบร้อยแล้วบอดีการ์ดคนหนึ่งก็เดินไปเปิดประตูหน้ารอ
พร้อมกับก้มหัวให้เธอ หญิงสาวจึงเดินไป
และก้าวขึ้นนั่งเบาะหน้าซึ่งไม่รู้ว่าใครจะเป็นคนขับ
เขาหรือว่าบอดีการ์ดคนใดคนหนึ่ง
และคนที่เหลือคงต้องรอรถคันใหม่มารับหรือไม่ก็นั่งแท็กซี่กลับเพราะเบาะหลังนั่งไม่ได้แล้วเพราะแค่กระเป๋าก็เต็มหมด
เธอเพิ่งจะรู้คราวนี้เองว่ากระเป๋าที่ตนนั้นขนมามันมากมายเกินไป
คามินก้าวเข้ามานั่งในตำแหน่งคนขับ
พร้อมกับสั่งให้บอดีการ์ดโบกแท็กซี่กลับไปเอง จากนั้นเขาก็หันมาถามแขกที่ไม่ได้รับเชิญถึงจุดหมายปลายทางของอีกฝ่าย
จะได้ไปส่งให้เสร็จแล้วเขาจะได้เป็นอิสระจากตัวยุ่งสักที
ระหว่างทางทั้งคู่ต่างนั่งเงียบจนถึงจุดหมายปลายทางที่โรซาเลียบอกไว้
คามินก้าวลงจากรถจะจัดการขนกระเป๋าของหญิงสาวลงจากรถเอง
แต่รถแท็กซี่ของบอดีการ์ดวิ่งมาจอดต่อท้าย
และสองคนนั้นก็รีบลงมาทำหน้าที่ลูกน้องที่ดี
ช่วยกันขนกระเป๋าของหญิงสาวลงจากลงอย่างรวดเร็วโดยไม่ให้เจ้านายลำบากมาจัดการเอง
โรซาเลียลงจากรถไปยืนอยู่ตรงบันไดทางขึ้นคอนโดมีเนี่ยมหรูมองดูกองกระเป๋าของตัวเองที่ถูกบอดีการ์ดของคนหน้าดุขนลงจากรถและบอยเบล์ของคอนโดมาช่วยขนเข้าไปข้างใน
“ไปล่ะ”
คนที่หมดธุระโบกมือลาง่ายๆ
ก่อนจะก้าวเข้าไปนั่งเบาะหลังที่ตอนนี้โล่งเพราะไม่มีกระเป๋าเข้าไปสุมกองไว้แล้ว
บอดีการ์ดสองนายก็รีบตามเจ้านายขึ้นรถไปทำหน้าที่สารถี และออกรถทันทีหลังจากจัดการส่งแขกเสร็จ
โรซาเลียมองตามรถที่แล่นออกไปอย่างขัดใจ
เขาไม่ยอมรอแม้กระทั่งคำขอบใจของเธอ ช่างเป็นผู้ชายมารยาทแย่ที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอมา
แต่ก็ช่างเถอะ เขาอุตส่าห์ขับรถมาส่งและยังช่วยยกกระเป๋าให้ก็ถือว่ามีน้ำใจ‘นิดหน่อย’ หญิงสาวยักไหล่ก่อนที่จะก้าวเข้าด้านในด้วยมาดนางพญา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น