บอดีการ์ดของชีคนาซมีอาการเครียดขึงขึ้น
เมื่อเห็นคนกลุ่มใหญ่เดินตรงมา
แต่ชีคนาซกลับวางท่าสบายๆคล้ายกับไม่รับรู้สถานการณ์ตรงหน้า
ชายวัยกลางคนสวมชุดอาหรับเต็มยศ รูปร่างอ้วนฉุเพราะสุราและนารี
เดินมาท่ามกลางบอดีการ์ดนับสิบนายที่คอยอารักขาอย่างแน่หนา
เขาเดินตรงมาหาชีคนาซพร้อมรอยยิ้มที่บรรจงปั้นขึ้น
“ฮ่าๆๆ น้องข้า
ไม่นึกเลยว่าวันนี้ เราพี่น้องน้องจะบังเอิญมาเจอกันกลางตลาดเช่นนี้”ชีคอัลลามหัวเราะเสียงดังจนก้อนไขมันที่อยู่รอบเอวกระเพื่อมขึ้นลง
คนตัวเล็กแอบยิ้มในใจ ‘ฉันเองก็ไม่นึกว่าจะได้เจอศัตรูตัวฉกาจกลางตลาดเช่นกัน’
“ข้าก็เช่นกัน
ไม่นึกว่าท่านพี่จะอยู่ที่นี่ด้วย”
ชีคนาซเสแสร้งตอบ
เพราะความจริงเขารู้อยู่แก่ใจว่าชีคอัลลามมักมากบดานทำเรื่องชั่วร้ายอยู่ที่นี่
ทั้งลักพาตัวหญิงสาวมากมายมาเก็บไว้ในฮาเล็ม แล้วยังซ่องสุมกำลังพลไว้ปล้นสะดมเพื่อนำเงินไปถลุงในบ่อนการพนันอีก
“ข้ามาอยู่ที่นี่สักพักแล้วล่ะ”ชีคอัลลามบอก ก่อนจะกล่าวต่อไป
“เราพี่น้องนี่แทบจะไม่เคยได้รับประทานอาหารร่วมกันเลยสินะ
เอาอย่างนี้ดีไหม คืนนี้ข้าเชิญเจ้าไปที่คฤหาสน์ของข้า
เราสองพี่น้องจะได้สังสรรค์กันสักครา”
ชีคนาซหรี่ตาลงอย่างระแวง
คนอย่างชีคอัลลามจะไม่ทำอะไรที่ตนไม่ได้ประโยชน์แน่..เขากำลังคิดหาข้ออ้าง
“ดีจริง..ผมก็อยากเห็นคฤหาสน์ของท่านรัชทายาทว่าจะงดงามเพียงไรอยู่พอดี”
เสียงใสๆที่เอ่ยแทรกอย่างไม่รู้จักกาลเทศะทำให้ชีคนาซหันขวับไปมอง
ยิ่งเห็นท่ากระหยิ่มยิ้มย่องแบบเด็กๆของมัน ทำให้เขาอยากบีบคอมันยิ่งนัก
ชีคอัลลามมองไปยังต้นเสียงก็พบหนุ่มน้อยสง่างามที่สุดเท่าที่เคยพบมา...อ่า
งดงามไร้ที่ติเหมือนปฏิมากรรมชิ้นเอกที่ควรเก็บสะสมเอาไว้ เป็นสมบัติส่วนตัว
ชีคนาซ
อซีซาเห็นแววตาของชีคอัลลามแล้วรู้สึกขยะแขยงจนขนลุก
เขามองหน้าไอ้คนไม่รู้ความอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ มันไม่รู้หรือไรว่าการกระทำของมันนั้นจะนำภัยมาสู่ตนได้มากมายแค่ไหน
“เจ้าเป็นใครหรือหนุ่มน้อย?”ชีคอัลลามถามดวงตาเป็นประกายแวววาว
“คนสนิทของท่านชีคนาซ”มันแอบอ้างหน้าตาเฉย
คนที่ถูกแอบอ้างมองมันตาเขียว
เจอกันแค่วันเดียวนี่กลายเป็นคนสนิทไปแล้วหรือ แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยขัด
อยากรู้ว่ามันจะเล่นลูกไม้ใดอีก
ไผท มองเจ้านายตนอย่างหนักใจ
เขารู้ว่าต้องหาทางช่วยปาริฉัตต์ให้เร็วที่สุด
แต่ก็ไม่ควรเอาตัวเองไปเสี่ยงขนาดนั้น แต่เขาก็ห้ามปรามอะไรไม่ได้
“คฤหาสน์ของข้าต้องงดงามอยู่แล้ว...ข้าจะพาเจ้าไปเที่ยวชมให้ทั่วเลย”ชีคอัลลามพูดอย่างมีความนัย
แต่เด็กก็คือเด็ก
แค่ได้ยินว่าไปเที่ยวมันก็ดีใจจนเนื้อเต้น “ท่านต้องพาผมเที่ยวทั่วคฤหาสน์จริงๆนะ”มันรบเร้าขอคำสัญญา
ชีคอัลลามยิ้มสมใจ “แน่นอนข้าสัญญา..”
ชีคนาซกัดฟันกรอดอย่างโกรธจัด
ไอ้เด็กบ้า..ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
ไม่รู้หรือไงว่าการเดินเข้าไปในคฤหาสน์นั่นก็เหมือนการเดินเข้าไปในถ้ำเสือดีๆนั่นเอง
“ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าไปไหนทั้งนั้น”ชีคนาซบอกเสียงลอดไรฟัน
พยายามเก็บอาการไม่ให้ชีคอัลลามค้นพบจุดอ่อนของตัวเองได้
“ทำไมล่ะ ก็ไหนท่านว่า
ผมอยากไปที่ไหนก็ได้ไม่ใช่เหรอ”มันโมเมหน้าตาเฉย
ทั้งๆที่ตัวมันเองยังไม่รับคำของเขาเลย
ชีคนาซมองหน้าที่เหมือนไร้เดียงสานั่นแล้วคลางแคลงใจว่ามันไร้เดียงสาเหมือนที่เห็นจริงหรือเปล่า..
เพราะทุกการกระทำของมันช่างเจ้าเล่ห์เจ้ากลนัก.... ‘ไอ้ตัวร้ายนี่มันต้องการอะไรกันแน่’
“นั่นสิ น้องเรา
แค่ให้ไอ้ตัวเล็กนี่ไปเที่ยวบ้างก็คงไม่เป็นไรมั้ง”
ชีคอัลลามเอ่ยขึ้น....เขาวางแผนจะจัดการกับชีคนาซ
ที่คอยเป็นก้างขวางคอให้สิ้นซากตั้งแต่ได้ข่าวว่าชีคนาซจะเดินทางมาที่เมืองนี้
และตอนนี้เขาก็ได้เจอกับไอ้ตัวเล็กนี้อีก
นั่นหมายความว่าเขามีเหยื่ออันโอชะเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งชิ้นแล้ว
แค่คิดก็ตื่นเต้นจนแทบทนไม่ไหว
“นั่นสิ..”
มันรีบสนับสนุนชีคอัลลามเพราะกลัวจะไม่ได้ไปเที่ยว
ก่อนจะพูดประโยคเด็ดที่ทำให้ชีคนาซแทบควันออกหู
“หรือว่าท่าน..กลัวอะไร?”
ฮึ่ม..ไอ้ตัวร้าย ฝากไว้ก่อนเถอะ ชีคนาซขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
ยิ่งเห็นแววกระหยิ่มยิ้มย่องในตาสวยคู่นั้น เขาก็ยิ่งโมโห
เขารู้แล้วว่ามันเป็นไอ้ตัวร้ายที่เจ้าเล่ห์เพทุบายที่สุดเท่าที่เคยเจอมา
“ก็ได้
เมื่อเจ้าอยากไปนัก..ขอบคุณท่านพี่ คืนนี้ข้าจะไปที่คฤหาสน์ของท่าน”ชีคนาซกัดฟันตอบตกลง
ชีคอัลลามเดินเข้ามาจับมือร่ำลากับชีคนาซ
คนตัวเล็กถอยไปหลบด้านหลังของชีคนาซ มันเพียงแค่โค้งคำนับตามมารยาท
เมื่อชีคอัลลามและเหล่าบอดีการ์ดหันกลับ แววตาที่เคยรื่นรมย์กระหยิ่มยิ้มย่องแบบเด็กๆก็วาวโรจน์ขึ้นประดุจเปลวเพลิง
แต่เมื่อเห็นนาซีมมองมาแววตาแบบนั้นก็หายวับในทันใดกลับกลายมาเป็นดวงตาคู่ใสที่ไร้เดียงสาเหมือนเคย
นาซีมกวาดตามองสิ่งต่างๆอย่างระแวดระวัง
แต่สิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจของเขาก็คือ แววตาของแขกคนสำคัญของชีคนาซที่เขาเห็นเมื่อสักครู่
มันหมายความว่ายังไง..แววตาที่วาววับราวกับเจอศัตรูคู่อาฆาต..
‘ก็มิสเตอร์อาทิตย์ ไม่เคยเจอ
หรือรู้จักกับชีคอัลลามมาก่อนจะเป็นศัตรูกันได้อย่างไร’ ‘...แน่ใจหรือว่าทั้งคู่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน?’ นาซีมถามตัวเอง
สัญชาตญาณของนักฆ่าทำให้เขารู้ว่าคนตัวเล็กนี้ฝีมือไม่ธรรมดา
และลูกน้องที่มาด้วยแต่ละคนก็มีกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน โดยเฉพาะ ‘ไผท’
เขาเชื่อว่าคนๆนี้ต้องมีฝีมือพอๆกับตนอย่างแน่นอน
“เจ้าคงพอใจสินะ..ที่ได้ไปเที่ยวสมใจ”ชีคนาซถามประชดระหว่างเดินทางกลับคฤหาสน์
“ขอโทษที่ทำให้ท่านลำบากใจ
ถ้าท่านไม่อยากไป ก็ให้ผมกับคนของผมไปเองก็ได้”คนเจ้าเล่ห์บอก
รู้สึกผิดนิดหน่อยที่ดึงเขามาเจอกับเรื่องวุ่นวายเพราะจุดประสงค์ส่วนตัว
“บ้ารึ!..ให้เจ้าไปคนเดียวนี่นะ”ชีคนาซคำรามเสียงเขียว..ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ว่านั่นมันถ้ำเสือชัดๆ
ขืนปล่อยลูกแกะอย่างมันไปคนเดียว มันคงไม่มีวันได้กลับออกมาแน่
“ทำไมเจ้าถึงอยากไปเที่ยวคฤหาสน์ชีคอัลลามนัก”ชีคนาซถามอย่างหงุดหงิด
“ก็แค่เคยได้ยินมาว่า..กษัตริย์ประเทศท่านร่ำรวยมาก
ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆทำจากทองคำทั้งหมด ผมก็เลยอยากไปพิสูจน์แค่นั้นเอง”คนตอบให้เหตุผลง่ายๆ แต่ไม่น่าเชื่อถือ
“ชีคอัลลามไม่ใช่กษัตริย์”ชีคนาซขัดขึ้น
“แต่ก็เป็นรัชทายาท”มันแย้ง
ชีคนาซหรี่ตาลง “รู้สึกว่าเจ้าจะรู้เรื่องในประเทศของข้าดีนะ”เขาถามอย่างระแวง
คนตัวเล็กกลับยักไหล่ก่อนตอบเหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญ
“ถ้าเรื่องแค่นี้ยังไม่รู้ แล้วท่านคิดว่าบริษัทจะยอมให้ผมมาเป็นตัวแทนเจรจาให้ขายหน้ารึ”
ชีคนาซถอนใจ... ก็จริงของมัน ถ้าเรื่องแค่นี้มันยังไม่รู้
มันคงเป็นตัวแทนของบริษัทยักษ์ใหญ่ไม่ได้แน่...แต่ที่เขายังสงสัยคือมันจะรู้ไหมว่าเขากับชีคอัลลามไม่ถูกกันอย่างรุนแรง
หรือเรียกว่าเป็นศัตรูกันก็คงไม่ผิด
ถึงแม้เรื่องนี้จะไม่เป็นที่เปิดเผย แต่ก็ใช่ว่าจะเปิดได้สนิท
แล้วคนอย่างมันจะไม่รู้อะไรระแคะระคายเลยจะเป็นไปได้หรือ
“ท่านไม่เชื่อที่ผมพูด?”อาทิตยาถามขึ้นเมื่อเห็นชีคนาซยังคงนิ่วหน้า
“แล้วเจ้าคิดว่าข้าควรเชื่อเจ้าไหมล่ะ?”ชีคนาซถามกลับ
“ก็ขึ้นอยู่กับท่าน ผมเชื่อว่าท่านคงมีวิจารณญาณดีพอ”คนตอบไม่ยอมตอบรับหรือปฏิเสธ โยนความรับผิดชอบทั้งหมดไปให้เขาเสีย
ชีคนาซถึงกลับถอนหายใจในความเจ้าเล่ห์ของมัน
เขาไม่แน่ใจว่าควรเชื่อใจมันไหม...บางครั้ง
มันก็ดูจริงใจไร้เดียงสาแต่บางครามันกลับเจ้าเล่ห์เจ้ากลจนเขาตามไม่ทัน
เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องมารับมือกับคนแบบนี้ ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงสั่งให้บอดีการ์ดจับไปทรมานเค้นถามความจริงแล้ว
แต่กับมัน...แค่คิดถึงเครื่องทรมานเขาก็เจ็บปวดหัวใจ ไม่อยากให้มันมีรอยขีดข่วนแม้เพียงปลายก้อย
“เอ่อ จริงสิ
ผมต้องเอากำไลไปให้เลขาของผมก่อน”
คนเป็นแขกบอกเมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์
ดูมันเป็นห่วงเป็นใยเลขาสาวเหลือเกิน
“ท่านพร้อมจะออกเดินทางเมื่อไร
ให้คนไปบอกผมด้วย”
คนเป็นแขกสั่ง ก่อนเดินจากไปอย่างรีบเร่ง
ปล่อยให้ชีคนาซมองตามอย่างหงุดหงิด ....หงุดหงิดที่มันบังอาจมาออกคำสั่งกับเขา
....หงุดหงิดที่เห็นมันเป็นห่วงเป็นใยเลขาสาวคนนั้น
ที่มันไม่ยอมให้นางระบำไปปรนนิบัติอาจจะเป็นเพราะมีเลขาสาวคนนั้นคอยปรนนิบัติอยู่แล้วก็ได้
ชีคนาซส่ายหน้าสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากสมอง
เขาสิ่งเขาต้องทำในตอนนี้คือคิดหาวิธีรับมือกับชีคอัลลามคืนนี้ต่างหาก
****
ทันที่เข้าไปรวมกันอยู่ในห้องของจินนี่
อาทิตยาก็ดึงกำไลนั้นออกมา ดูไปมันก็แค่กำไลธรรมดาอันหนึ่ง
แต่พอหมุนตามรหัสที่อยู่บนถุงกระดาษเก่าซอมซ่อนั่น
กำไลนั่นก็คลายเกลียวออกจากกันเผยให้เห็นชิปชิ้นเล็กๆที่ซ่อนอยู่ภายใน
เมื่อนำชิปนั้นใส่คอมพิวเตอร์
แผนผังคฤหาสน์ของชีคอัลลามอย่างละเอียด รวมทั้งจำนวนเวรยามตามจุดต่างๆ ก็ปรากฏขึ้น
“ทำไมชีคอัลลามถึงต้องมีบอดีการ์ดมากมายขนาดนี้นะ”อาทิตยาปรารภพร้อมขมวดคิ้ว
“ผมได้ยินมาว่า
โจรทะเลทรายที่คอยปล้นสะดมคาราวานพ่อค้าเร่แถบนี้ อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับชีคอัลลาม”ไผทบอกเบาๆ
อาทิตยาพยักหน้ารับรู้.. ‘คนเลว..สามารถทำเลวได้อย่างไม่จำกัดจริงๆ’
เมื่อเชื่อมต่อสัญญาณกับทุกส่วนเรียบร้อยแล้ว
อาทิตยาก็ชี้นิ้วลงตรงห้องๆหนึ่งของคฤหาสน์
“ปาริฉัตต์น่าจะอยู่...ตรงนี้”
“พวกนายรออยู่ข้างนอก
ได้รับสัญญาณเมื่อไรค่อยบุกขึ้นไป”
“เจ้านายคิดว่าจะลงมือคืนนี้เลยหรือครับ?”ไผทถามอย่างตกใจ
“ใช่...ไหนๆก็เข้าข้างในได้แล้ว
เราจะรอไปทำไม”
“งั้นผมไปด้วย”ไผทอาสา เป็นตายยังไงเขาก็ไม่ยอมปล่อยให้เธอเข้าไปเพียงคนเดียวแน่
“ไม่..เราว่าไอ้ชีคบ้ากามนั่นต้องใช้แผนสกปรกแน่
คอยเราอยู่ด้านนอกเถอะ”
“งั้นให้ผมเข้าไป เจ้านายรออยู่ข้างนอก”ไผทบอกอย่างเด็ดเดี่ยว
“ไอ้ชีคบ้ากามนั่นชวนเราไม่ใช่เธอ...อย่าห่วงเลย
ชีคนาซก็อยู่ด้วย
เราเชื่อว่าเขาช่วยเราได้”เธอบอกอย่างมั่นใจ
“แต่มันเสี่ยงเกินไป”ไผทยังไม่เห็นด้วย
“เราต้องเสี่ยง
เอาผงยาพิษออกมา... ส่วนพวกนายไปเตรียมอาวุธให้พร้อม ถ้าจำเป็นเราจะถล่มคฤหาสน์นั่นให้ราบเป็นหน้ากองไปเลย”
ดวงตาคนพูดวาวโรจน์ดุจพระเพลิง ‘กันต์’ได้ฟังดังนั้นก็ตกใจ เขาพยายามจะคัดค้าน แต่ก็ไม่เป็นผล
เมื่อคนตัวเล็กยืนยันแผนเดิม
ทำให้คนที่อยู่ที่เมืองไทยแทบอยากจะบินมาที่นี่ในทันใด แต่ก็เป็นไปไม่ได้
เขาจึงทำได้แค่ฮึดฮัดอยู่ที่โน้นคนเดียว
ไผทสงบนิ่งอึดใจหนึ่ง ก่อนจะเริ่มอธิบาย ‘แผนปฏิบัติการ’ช้า.. ชัด..ให้ทุกคนได้ทราบ หน่วยข่าวและหน่วยจู่โจมที่ทยอยมาถึงและกระจายอยู่ตามจุดต่างๆทั่วเมืองดาเรนเริ่มเคลื่อนไหวตามแผน
คนที่อยู่ในห้องก็จดจำตำแหน่งของตน...เพราะทุกคนรู้ดี...พลาด คือ ตาย
********
“อาบีร
ได้เรื่องไอ้ตัวเล็กหรือยัง?”
ชีคนาซโทรศัพท์ถึงท่านที่ปรึกษา
เพื่อถามถึงผลการตรวจสอบ ‘อาทิตย์
สุริยะ’
“ครับ..มิสเตร์อาทิตย์ เป็นผู้จัดการสาขาของทีเค
กรุ๊ปประจำประเทศไทยครับ”
ชีคนาซขมวดคิ้วกับข่าวที่ได้รับ เป็นผู้จัดการประสาขาเชียวรึ
มิน่ามันถึงมาเจรจาเองหลังจากครั้งแรกล้มเหลว...แต่ผู้จัดการประสาขานี่ไม่ใหญ่โตเกินไปหรือสำหรับเด็กอย่างนั้น
“มันอายุเท่าไหร่?”ชีคนาซถามต่อ
“ยี่สิบหกปีครับ”
“ยี่สิบหกปี!”ชีคนาซอุทานอย่างประหลาดใจยิ่ง มันนี่นะอายุยี่สิบหกปี ถ้าบอกว่าสิบหกปียังจะน่าเชื่อมากกว่า
‘ผมไม่ใช่เด็ก’ มิน่าล่ะ พอถูกว่าเป็นเด็กมันถึงได้โมโหโทโสขนาดนั้น...แต่ยี่สิบหกปีนี่ก็มากเกินไป
“มันเรียนจบมาจากไหน?”
“เอ่อ..ข้อมูลเข้าถึงยากมากครับ
ระบบป้องกันของทางโน้นดีมากเลยครับ ผมขอเวลาตรวจสอบสักระยะ”
อาบีรกล่าวอย่างกังวล เขาไม่กล้าบอกว่า
ข้อมูลที่ได้มาอาจจะไม่เป็นความจริง
เพราะเหมือนกับทางเทคีจะรู้อยู่แล้วว่าทางนี้จะสืบกลับไป
จึงเตรียมข้อมูลเอาไว้ให้แค่นี้ และล็อคข้อมูลอื่นๆทั้งหมด
แม้แต่แฮกเกอร์ตัวฉกาจของบาฮจายังเจาะหาข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้เลย
“อืม..โอเค เช็คให้ละเอียดล่ะ”
“ครับ”อาบีรรับคำ
เมื่อวางโทรศัพท์ลง นาซีมก็เดินเข้ามาหา
“ท่านชีคครับ”นาซีมขมวดคิ้วอย่างกังวล
“มีอะไร?”
ชีคนาซขมวดคิ้วถามกลับเมื่อเห็นท่าทางของคนบอดีการ์ดสนิท
อาการแบบนี้แทบจะไม่เคยปรากฏบนใบหน้าที่เย็นชาราวกับฉาบด้วยน้ำแข็งขั้วโลกเหนือของนาซีมมาก่อน
“ผมคิดว่า..สถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจ”นาซีมบอก
ชีคนาซพยักหน้า..เขารู้
ชีคอัลลามเป็นบุคคลที่กลิ้งกลอกยิ่ง
และการที่เดินเข้าถ้ำเสือแล้วจะออกมาอย่างไร้รอยขีดข่วนก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
“แล้วเจ้ามีแผนรับมือไหม?”
ชีคนาซถาม..เมื่อรับคำเชิญไปแล้ว
แล้วกลับคำไม่ไปนั้น..เป็นไปไม่ได้ ไม่เช่นนั้นคนทั้งประเทศคงพากันเย้ยหยัน ‘มัจจุราช’เช่นเขาว่าขี้ขลาดตาขาวอย่างแน่นอน..และคนอย่างเขาก็ไม่เคยยอมให้ใครดูถูกได้ด้วย
“ครับ...”
นาซีมบอกแผนการออกไป ชีคนาซพยักหน้าก่อนจะยิ้มอย่างหมายมาด
เขาวางกำลังแทรกซึมไว้ในกองกำลังของชีคอัลลามเกินครึ่ง
ทุกการเคลื่อนไหวของชีคอัลลามเขารู้หมด
เพียงแต่ไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่นเท่านั้น..บางทีอาจจะถึงเวลาที่เขาสมควร ‘เอาคืน’แล้วกระมัง
นาซีมลังเลว่าเขาควรรายงานสิ่งที่เขาเห็นในตลาดหรือไม่..หรือควรรอข่าวกรองให้แน่นอนก่อน
“ให้ไอ้ตัวเล็กรออยู่ที่นี่ดีไหม?”ชีคนาซถามเป็นเชิงปรึกษาอย่างกังวลใจ
นาซีมตกใจกับคำถามนั้น
เพราะปกติชีคนาซมักจะตัดสินใจเองทั้งหมดไม่เคยถามความคิดเห็นของใคร
แม้กระทั่งท่านที่ปรึกษา แต่ครั้งนี้ทำไมจู่ๆท่านถึง...นาซีมไม่สามารถตอบคำถามนั้นได้
“เฮ้อ..มันคงอาละวาดจนคฤหาสน์ข้าพังแน่ๆ”ชีคนาซบอกพลางถอนใจ ไม่รู้จะจัดการกับไอ้ตัวร้ายนั้นอย่างไรดี
นาซีมเพิ่งประจักษ์ตอนนี้เองว่าท่านชีค ‘แคร์’คนตัวเล็กนั้นแค่ไหน
เขายิ่งต้องรีบเช็คข่าวให้เร็วที่สุด เพราะถ้า ‘คนนั้น’
มุ่งร้ายเขาจะหาทางรับมือได้ทัน....
***************
“ท่านชีคครับ”อิลฮามบอดีการ์ดคนสนิทของชีคอัลลามเรียกเบาๆ
ชีคอัลลามที่กำลังนัวเนียกับสาวงามกว่าสิบนางในห้องโถงขนาดใหญ่ในคฤหาสน์
ชะงักกิจกรรม ก่อนเงยหน้าขึ้นมองผู้ที่กล้ามาขัดความสำราญด้วยสายตาขุ่นเขียว
“ว่ามา..ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญ
...คงรู้นะว่าหัวของเจ้าจะไปอยู่ที่ไหน”ชีคอัลลามตวาดอย่างมีโทสะ
อิลฮามก้มคำนับ ก่อนรายงานข่าว“ผู้หญิงที่มาจากเมืองไทย
อาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
“เป็นอะไร?”ชีคอัลลามถามถึงเหยื่อรายล่าสุด
“ผมไม่แน่ใจ กำลังให้หมอเช็คดูอยู่ว่าเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่หรือเปล่า?”อิลฮามรายงานอย่างกังวลใจ
“อะไรนะ!”ชีคอัลลามอุทานอย่างตกใจ
ของเล่นชิ้นใหม่ที่เขาลงทุนหอบหิ้วมาจากแดนไกล กลับกลายเป็นตัวเชื้อโรคหรือนี่
“งั้นก็จัดการให้เรียบร้อย
อย่าปล่อยให้มาแพร่เชื้อในคฤหาสน์ของข้าได้”
ชีคอัลลามสั่งอย่างขยะแขยง
เขามีหญิงสาวมากมาย ถ้าจะกำจัดใครสักคนก็ไม่ได้ทำเขาเสียดายอะไรเลย
ตรงข้ามคฤหาสน์ของเขาจะมีห้องว่างเพิ่มขึ้นอีก แต่ที่น่าเสียดายคือเขายังไม่ได้ลิ้มลองเลยสักครั้งนี่สิ
แต่เอาเถอะ คืนนี้เขาจะได้หนุ่มน้อยหน้าสวยมาแทนที่แล้ว เขาจะไปเสียดายทำไมกับตัวเชื้อโรคอย่างนั้น
อิลฮามคำนับรับคำ
ดวงตาที่หลุบต่ำนั้นวาวโรจน์ เมื่อนึกถึงใครคนหนึ่งซึ่งเขาหาตัวไม่เจอ
คงจะมีชะตาไม่ต่างจากหญิงสาวที่เขาเข้ามารายงานในขณะนี้
ถูกกำจัดทิ้งอย่างง่ายดายเมื่อหมดความหมาย
สำหรับชีคอัลลามแล้ว เขาสามารถสั่งฆ่าใครก็ได้
ตามอารมณ์ของตัวเองโดยไม่สนใจเหตุผลใดๆ
แต่สิ่งที่เขาปรารถนาจากทุกคนคือความจงรักภักดี..ชนิดที่พร้อมยอมตายแทนตนได้...เพราะความเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจของเขานี่เองทำให้เหล่าบอดีการ์ดเกินกว่าครึ่งแปรพักตร์ไปเข้ากับชีคนาซเมื่อฝ่ายชีคนาซยื่นข้อเสนอมา
เพราะทุกคนรู้ดีว่าชีคนาซรักษาคำสัตย์ยิ่งชีพ
และที่สำคัญไม่มีใครอยากจะเป็นโจรคอยปล้นฆ่าผู้คนอย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้โดยไม่รู้ว่าตังเองจะถูกชีคลลามสั่งเก็บเมื่อใดด้วย
“ไปจัดการได้เลย”
ชีคอัลลามสั่งบอดีการ์ดคู่ใจอย่างไว้วางใจ เพราะอิลฮามทำงานกับเขามานานปีและภักดีกับเขาที่สุด
อิลฮามโค้งคำนับ ก่อนจะหันหลังเดินจากไป รีบไปจัดการ
‘เหยื่อรายใหม่’ตามคำสั่ง ให้เสร็จก่อนค่ำเพราะเขารู้ว่าคืนนี้จะเกิดอะไรขึ้น
เขาจึงต้องใจจะจัดการเรื่องบางเรื่องให้เสร็จสิ้นก่อน จะเข้าปฏิบัติการในคืนนี้
***************
สิบปีก่อน
ณ
หมู่บ้านเล็กๆ อยู่ห่างจากเมืองดาเรนราวสิบไมล์
มีเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลากับภรรยาสาวแสนสวย
ทั้งคู่ได้ปลูกกระท่อมหลังเล็กๆอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
จนกระทั่งวันหนึ่งได้มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันฟันเกิดขึ้น
โจรทะเลทรายนับสิบบุกเข้ามาในหมู่บ้านเพื่อปล้นสะดมพร้อมทั้งฉุดลากหญิงสาวมากมายไปด้วย
และหนึ่งในนั้นคือภรรยาสาวของเด็กหนุ่ม เขาพยายามจะช่วยเหลือภรรยาอย่างสุดกำลัง
แต่ชาวบ้านธรรมดาเช่นเขาหรือจะสู้พวกโจรที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีและมีอาวุธครบมือได้
เขาถูกฟันที่หน้าอกและถูกโยนเข้าไปในกระท่อมที่กลายเป็นกองเพลิง...โชคดีที่ตำรวจหน่วยราดตระเวนอยู่บริเวณใกล้ๆ
รีบมาช่วยเหลือ
เขาถูกลากออกมาจากกองเพลิงได้อย่างหวุดหวิด...เขาไม่ตายแต่โดนไฟลวกทั้งตัว
เมื่อรักษาตัวจนหายดีแล้ว
เขาก็ออกจากโรงพยาบาลพร้อมกับรอยแผลเป็นอันน่าเกลียดทั่วทั้งร่างโดยเฉพาะบนใบหน้า
จากชายหนุ่มที่เคยหล่อเหลาที่สุดในหมู่บ้านกลับกลายเป็นชายอัปลักษณ์ที่สุด เขาซมซานไปเรื่อยๆอย่างหมดอาลัยในชีวิต
และได้เจอกองคาราวานพ่อค้าเร่จิตใจดีได้รับเขาเข้าร่วมกองคาราวานด้วย
แม้เขาจะรู้สึกหมดสิ้นทุกอย่างแต่ก็ยังไม่สิ้นหวังเรื่องภรรยา เขาพยายามเสาะหาข่าวของเธอ
จากเมืองหนึ่งสู่เมืองหนึ่ง จากวันกลายเป็นเดือน เปลี่ยนเป็นปี ปีแล้วปีเล่า
และในที่สุดโชคชะตาก็ดลบันดาลให้เขาได้พบกับนางอีกครั้ง
เมื่อกองคาราวานพ่อค้าเดินทางกลับมาค้าขายยังเมืองดาเรน
ชีคอัลลามได้เรียกพวกพ่อค้าเหล่านั้นให้นำเสื้อผ้าแพรพรรณไปให้ผู้หญิงที่เก็บไว้ในฮาเล็มของตนได้เลือกซื้อ
เขาได้ติดตามเข้าไปด้วยในฐานะกรรมกรแบกหาม
และเขาได้พบนางในนั้น นางแต่งกายด้วยเสื้อผ้าประณีตงดงาม
ไม่ใช่ผ้าป่านเนื้อหยาบที่เขาเคยเห็นจนชินตา
ทั้งตัวประดับตกแต่งไปด้วยเครื่องประดับล้ำค่านั่นยิ่งทำให้นางงดงามยิ่งกว่าที่เคยเห็น
.... นางยิ้มแย้มอย่างเป็นสุขและดูนางไม่ทุกข์ร้อนเลยว่า ชายคนที่นางเคยสาบานว่าจะรักไปจนชั่วฟ้าดินสลายจะยังมีชีวิตอยู่หรือ..ตายไปแล้ว
เขามองนางที่กำลังเลือกซื้อเสื้อผ้าเครื่องประดับต่างๆพลางพูดคุยชี้ชวนกับเหล่าหญิงงามนับสิบอย่างสนุกสนานด้วยแววตาปวดร้าว
ขณะนางกำลังสุขสบายอยู่ในคฤหาสน์อันงดงามวิจิตร ได้แต่งกายงดงาม
มีคนรับใช้คอยปรนนิบัติ
แต่เขากลับพยายามดิ้นรนค้นหานางจนแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับด้วยความรักความห่วงใยกลัวนางจะทุกข์ทรมานเช่นเดียวกับเขา
เมื่อได้มาพบความจริงเช่นนี้เขาก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี
และแล้วเขาก็ตัดสินใจ..เมื่อพระเจ้าบันดาลให้เขาได้พบกับนางอีกครั้ง
แสดงว่าเขากับนางยังไม่สิ้นวาสนาต่อกัน เขาต้องหาทางบอกนางให้ได้
บางทีเมื่อนางรู้ว่าเขายังไม่ตาย นางอาจจะอยากกลับไปอยู่กับเขาอีกครั้งก็ได้
เพราะเขาเชื่อมั่นว่าความรักที่ทั้งคู่มีให้กันนั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าเงินทองจะซื้อได้
เขาพยายามหาทางเข้าไปใกล้ชิดนางอันเป็นรักทุกลมหายใจ
เหมือนพระเจ้าจะเข้าข้างเขาเมื่อนางเรียกหาเครื่องประดับที่เขาถืออยู่ไปทดลองสวมใส่..เขาประคองถาดใส่เครื่องประดับเดินไปหานางด้วยหัวใจระทึก
เมื่อคนอื่นเผลอเขาก็ขยับเข้าใกล้และกระซิบข้างหูนางอย่างแผ่วเบา
“ฟาราฮ ข้ายังไม่ตาย”
นางสะดุ้งสุดตัว เมื่อหันมาเจอหน้าอัปลักษณ์ของเขาใบงามก็แตกตื่นจนซีดเผือดราวกับเจอผี
“เจ้า..เจ้า”นางระร่ำระรักปากสั่นระริก
“เป็นอะไรไปรึฟาราฮ?”หญิงงามที่นั่งใกล้ๆถามขึ้นอย่างแปลกใจ
คำถามนั้นทำให้คนอื่นๆพลอยหันมามองอย่างสนใจด้วย
ฟาราฮร้อนใจยิ่ง ตอนนี้นางเป็น ‘คนโปรด’ของชีคอัลลามแล้ว ไม่ว่านางต้องการสิ่งใดท่านชีคจะสั่งคนนำมาให้นางในทันที
แต่ตอนนี้ ผู้ชายที่นางคิดว่าตายไปแล้วในกองเพลิงครั้งนั้นกลับมาปรากฏกายอีกครั้งพร้อมกับใบหน้าอันอัปลักษณ์น่าเกลียดน่ากลัวยิ่ง
นางติดความหรูหราสุขสบายเสียแล้ว
จะให้กลับไปใช้ชีวิตอดมื้อกินมื้อแบบเดิมกับคนหน้าผีแบบนี้ นางคงทนไม่ได้แน่
เมื่อตัดสินใจได้ดังนั้นนางจึง....
“ไอ้ทาสอัปลักษณ์คนนี้มันลวนลามข้า”
คำพูดของนางเหมือนอัสนีบาตฟาดลงกลางใจ
เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะได้ยินวาจาเช่นนี้จากปากนางที่เขารักยิ่งกว่าชีวิต
เขาไม่สามารถกล่าววาจาใดได้อีก มีเพียงน้ำตาของลูกผู้ชายเท่านั้นไหลรินอย่างชอกช้ำ
ทาสร่างยักษ์กรูกันเข้ามาลากตัวเขาออกไป
พวกมันรุมประชาทัณฑ์เขาจนหมดสติแล้วจึงจับเขาไปโยนทิ้งที่นอกเมือง เมื่อฟื้นขึ้นมาเขาก็เดินสะเปะสะปะไปเรื่อยอย่างคนไร้สติ.....จนกระทั่งเขาได้เดินไปชนกับคนกลุ่มหนึ่งเข้า...และนั่นคือจุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตเขา
เขาได้ไปอยู่กับ ‘คนกลุ่มนั้น’และได้รับการฝึกฝนจนกลายเป็นนักฆ่าที่ไร้หัวใจ...ทำงานตามเจ้านายสั่งราวกับหุ่นยนต์ ...สิ่งเดียวที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ต่อคือการรอเวลา
‘เอาคืน’เท่านั้น
************
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
คนที่เดินไปเปิดประตูให้สัญญาณว่าชีคนาซมา ทุกคนรีบเคลียร์พื้นที่อย่างรวดเร็ว
เมื่อชีคนาซเดินเข้ามาในห้อง ก็เห็นไอ้ตัวเล็กกำลังมัวมันกับการตีไพ่อยู่กลางเตียง
“ก็ไหนว่าไม่ชอบเล่นการพนันไง?”ชีคนาซกระเซ้ายิ้มๆพลางทิ้งตัวลงนั่งข้างๆคนตัวเล็ก
“เค้าเรียกว่าการซ้อมมือต่างหาก”คนที่ไม่ชอบเล่นพนันแก้ตัว
ก่อนจะทิ้งไพ่ในมือลงทั้งหมดเป็นความหมายว่าหยุดเล่น
“คนของผมไม่อยากไปงานเลี้ยงคืนนี้
เมืองนี้มีร้านอาหารที่มีโชว์เหมือนวันนั้นบ้างไหม?”มันถามตรงๆ
ไม่อ้อมค้อม
“เจ้าจะไปรึ?”ชีคนาซแกล้งถาม
“บอกว่า...คนของผม”คนตอบแหวอย่างหงุดหงิด
“คือว่าวันนั้นผมกลับมาเล่าให้พวกเด็กๆฟัง
แล้วพวกเขาอยากจะดูบ้างน่ะครับ”ไผทอธิบายยิ้มๆ
“มี แต่เป็นร้านเล็กๆ
ไม่เหมือนที่ดูรฮาล”นาซีมบอก
แม้นาซีมจะบอกอย่างนั้นแต่คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในห้องก็ดูคึกคักขึ้นมาทันที..เว้นแต่คนตัวเล็กที่นั่งมองอย่างหมั่นไส้
“ถ้าเจ้าอยากไปกับพวกเขาก็ได้นะ”ชีคนาซบอก เพื่อหาทางกัน‘มัน’ออกจากงานเลี้ยงอันตรายในคืนนี้
“ฮึ ผมไม่ชอบ” คนไม่ชอบบอกเสียงสะบัด แค่วันนั้นยังหลอนไม่หายเลย
“แว่นตาของเราล่ะ”อาทิตาถาม จินนี่รีบนำกล่องแว่นตามาให้ ก่อนจะถอยกลับไปนั่งสงบเสงี่ยมอยู่ที่เดิม
“เจ้าสายตาไม่ดีรึ?”ชีคนาซถามอย่างแปลกใจ
“ใช่ มันสั้นนิดหน่อย”
คนสายตาสั้นบอกก่อนสวมแว่นตาลงบนหน้า
นั่นยิ่งทำให้ดูเด็กลงไปอีก...ยี่สิบหกปีมันยังหน้าเด็กขนาดนี้..แล้วตอนมันอายุสิบหก..หน้าตามันไม่เหมือนเด็กหกขวบเลยรึ..ชีคนาซคิดอย่างขำๆ
“แล้วนางล่ะ..จะให้อยู่ที่นี่คนเดียวรึ?”ชีคนาซถามถึงหญิงสาวคนเดียวที่หลบไปนั่งสงบอยู่ที่มุมห้อง
“ไผทจะพาไปเที่ยวด้วย”
คนตัวเล็กว่า
“อ้าว เจ้าไม่ตามไปด้วยเหรอ?”ชีคนาซถามอย่างแปลกใจ ที่จู่ๆบอดีการ์ดก็ไม่ยอมทำหน้าที่ของตน
“ฮึ
ไม่จำเป็นต้องมีใครมาคอยตามคุ้มครองผมหรอก ผมคุ้มครองตัวเองได้” คนคุ้มครองตัวเองได้บอกอย่างหงุดหงิด
“ผมขอตามไปแล้ว แต่..”
ไผทพยักพเยิดไปทางคนตัวร้ายเป็นเชิงใบ้ให้ชีคนาซรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เขาถึงไม่ตามไปด้วย
ชีคนาซพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ไม่ต้องห่วง
ข้าจะช่วยดูแลให้เอง”
“ผมให้เด็ก จองร้านให้แล้ว”นาซีมบอก หลังจากที่บอดีการ์ดเดินเข้ามารายงาน
กลุ่มนักท่องราตรีทั้งหลายลุกขึ้นยืนอย่างกระฉับกระเฉง
ก่อนจะทยอยเดินตามบอดีการ์ดคนนั้นออกไปอย่างร่าเริง
“ผมอยากได้น้ำร้อน สำหรับชงชาสักถ้วย”
ไอ้ตัวเล็กบอกเมื่อเดินมาถึงห้องรับแขก
“ชงชา ?”ชีคนาซเลิกคิ้ว ถามอย่างแปลกใจ
“ใช่ ระบบย่อยของผมไม่ค่อยดี
ต้องดื่มชาก่อนทานอาหาร”คนเป็นแขกบอก
“ไปเอาชุดชงชามาสิ”
ชีคนาซหันไปสั่งคนรับใช้ที่รอรับใช้อยู่ไม่ไกล
คนรับใช้โค้งคำนับและรีบออกไปจัดการตามคำสั่ง เพียงครู่เดียวก็กับมาพร้อมชุดน้ำชา
คนตัวเล็กนั่งรอให้คนรับใช้รินน้ำร้อนลงในถ้วย
“ทำไม มื้อก่อนๆไม่เห็นเจ้าดื่มล่ะ?”ท่านชีคที่นั่งลงข้างๆ
ถามอย่างแปลกใจ
“ก็เพราะไม่ได้ดื่มนะสิ ผมถึงกินอะไรไม่ค่อยได้”คนตอบให้เหตุผลว่าที่ตนรับประทานอาหารได้น้อยเพราะอะไร
อาทิตยาหยิบห่อกระดาษเล็กๆออกจากกระเป๋าเสื้อ
ก่อนจะฉีกซองและเทผงบางอย่างลงไป ทันทีที่ผงนั้นผสมน้ำกลิ่นหอมหวานรุนแรงก็ฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง
เธออมยิ้มอย่างพอใจก่อนจะใช้ช้อนคนช้าๆให้ผงนั้นละลาย
“ชาอะไร หอมจัง?”ชีคนาซถาม
“ชาสูตรพิเศษ นี่คนของผมคิดค้นขึ้นเองเลยนะ”เจ้าของผลิตภัณฑ์ยิ้มอย่างภูมิใจ
พร้อมกับยก ‘ชาสูตรพิเศษ’ขึ้นจิบ แล้วหลับตาพริ้มคล้ายหลงใหลในรสชาติ
“ข้าลองบ้างสิ?”ชีคนาซขอลองอย่างสนใจ
เจ้าของสูตรคงจะหวง คิ้วเรียวจึงขมวดเข้าหากัน
“นิดเดียวนะ” บอกพร้อมกับยื่นด้วยชาของตนมาให้คนขอลอง
ชีคนาซ ลองจิบ ‘นิดเดียว’ตามที่จะเจ้าของชาบอก
รสหวานซาบซ่านที่ปลายลิ้นแล้วลามเลียไปทั่วปากและลำคอ ความหวานหอมที่อธิบายไม่ถูก
รู้แต่ว่าอร่อยติดใจ จนเผลอยกถ้วยชาที่อยู่ในมือขึ้นชดอีกอึกใหญ่
“อ๊ะ!”เจ้าของชาอุทาน
ถลึงตาดุคนที่บังอาจมาแย่งชาถ้วยโปรด
ชีคนาซ หัวเราะแก้เก้อ ก่อนจะยื่นถ้วยชาคืน
“น่า มีของอร่อยก็ต้องแบ่งกันสิ อีกอย่างคนของเจ้าคิดขึ้นเองเจ้าก็น่าจะได้ดื่มเยอะแล้วไม่ใช่รึ
แบ่งให้คนอื่นชิมบ้างนิดๆหน่อยๆ ไม่แน่นา ถ้ามีคนติดใจเยอะๆ
เจ้าอาจจะกลายเป็นเศรษฐีเพราะขายชาก็ได้นะ”ชีคนาซแนะยิ้มๆ
คนที่กำลังจะกลายเป็นเศรษฐีเพราะขายชานิ่งคิด
ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย
“งั้นก็เรียกพวกนั้นมาลอง”ยอมลงทุนควักชาออกจากกระเป๋าเทลงกา
ด้วยหวังว่าเมื่อมีคนลิ้มลองจนติดใจแล้วจะกลายเป็นเศรษฐีในไม่ช้า
บอดีการ์ดต่างทยอยมาชิมชากันคนละอึกสองอึก
ทุกคนต่างพยักหน้ารับรองว่า‘ชาสูตรพิเศษ’อร่อยจริง
บางคนยังยกนิ้วโป้งการันตีอีกต่างหาก มีเพียงนาซีมเท่านั้นที่ไม่ยอมลอง
เพราะเขายังไม่ไว้ใจคนตัวเล็กนัก
“แล้วเราจะไปกันได้หรือยังล่ะ?”คนตัวเล็กถามหลังจากที่ชาหมดกระเป๋าแล้ว
ชีคนาซหรีตาลง ก่อนถามเสียงเครียด “ทำไมเจ้าถึงอยากไปที่นั่นนัก?”
“ผมบอกท่านไปแล้ว...หรือว่าท่านกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?”คนถามหรี่ตาลง ก่อนจะยักไหล่
“ผมไม่ไปด้วยก็ได้..ถ้างั้นผมจะเข้าไปนอนล่ะ
จะได้หลับสบายๆสักคืนไม่มีพวกนั้นมาคอยกวนใจด้วย”คนเปลี่ยนใจว่าอย่างไม่ทุกข์ร้อน
ไม่เหมือนตอนแรกที่มันอยากไปเลยสักนิด
ชีคนาซขมวดคิ้วตามอารมณ์มันไม่ทัน
“แต่ถ้าชีคอัลลามมาถามทีหลัง
ผมจะว่าบอกท่านไม่กล้า..โอ๊ะ ท่านไม่อยากให้ไปนะ”คนบอกรีบแก้คำ
แต่ไม่ทันซะแล้ว ชีคนาซโมโหควันแทบออกหู
“ใครว่าข้าไม่กล้าให้เจ้าไปด้วย”ชีคนาซกัดฟันกรอด ก่อนจะหันหลังเดินนำหน้าออกจากห้องไป คนตัวเล็กก็รีบเดินตามพลางอมยิ้ม
ยุขึ้นจริงๆ
นาซีมเดินตามพลางขมวดคิ้ว
เขาจะประมาทคนตัวเล็กนี้ไม่ได้เสียแล้ว
แล้วท่านชีคจะรู้ไหมนะว่าตัวเองกำลังตกหลุมพรางเด็ก
ชีคนาซ เดินนำหน้าอย่างหงุดหงิด
เขารู้ว่าไอ้ตัวร้ายมันมีฝีมือพอตัว..แต่การต่อสู้จริงๆนั้นไม่เหมือนกับตอนฝึก..พลาดคือ..ตาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น