ซีรีย์นิยายชุด:วายร้ายยอดรัก เรื่อง จารกรรม นำรัก ตอนที่ 4

ศศรานีผลักประตูกระจกเข้าสู่ตึกออฟฟิศของสเปซมาร์สหลังจากที่ทีเคกรุ๊ปซื้อตัวพนักงานหลายคนของสเปซมาร์ส และคนเหล่านั้นยอมลาออกเพื่อแลกกับเงินก้อนใหญ่ ทำให้ตำแหน่งงานของสเปซมาร์สว่างลงหลายตำแหน่งจึงมีประกาศรับสมัครพนักงานใหม่ และเธอก็มาสมัครในตำแหน่งพนักงานไอทีด้วยวุฒิปริญญาตรี ด้วยใบหน้าและอายุถ้าเอาใบปริญญาเอกมาสมัครคงจะเป็นหัวข้อกังขาและเป็นจุดเด่นให้คนอื่นๆสนใจเธอแน่ๆ แต่เธอมาอยู่ที่นี่เพื่อหลบภัยและเรียนรู้งานดังนั้นเธอจะทำตัวเด่นไม่ได้
“สวัสดีค่ะ ฉันเป็นพนักงานใหม่ ไม่ทราบว่าจะต้องไปที่ไหนคะ?”
พนักงานใหม่เดินตรงเข้าไปทักทายประชาสัมพันธ์สาวสวยที่ยืนรอต้อนรับผู้คนที่บริเวณโซนด้านหน้าของออฟฟิศพร้อมกับรอยยิ้มสดใสเป็นมิตร ประชาสัมพันธ์สาวอดยิ้มตอบไม่ได้เพราะอีกฝ่ายนั้นช่างดูสดใสไร้เดียงสาเหมือนเด็กและดูอ่อนน้อมถ่อมตนซึ่งไม่ค่อยเจอจากคนชาติตะวันตกที่มั่นใจในตนเองอย่างยิ่ง
“พนักงานฝ่ายไหนจ๊ะ?”ประชาสัมพันธ์สาวถามกลับ
“ไอทีค่ะ”ศศรานีตอบ
“อ้อ แล้วเธอชื่ออะไร?”

ประชาสัมพันธ์สาวซักต่อพรางคีย์ข้อมูลเพื่อสอบกลับ อย่างน้อยก็บันทึกเป็นหลักฐานถึงคนที่เข้าออกตึกนี้
“ศศรานีค่ะ ศศรานี วริทธินันท์”
ศศรานีบอกชื่อจริงของตน ถึงแม้สเปซมาร์สจะสอบกลับก็จะไม่พบสิ่งผิดปกติใด เพราะเธอมีตัวตนอยู่จริงตามประวัตินี้ เพียงแต่ข้อมูลส่วนที่ทีเคกรุ๊ปต้องการจะปกปิดจะไม่มีในประวัติของเธอ ต่อให้อีกฝ่ายพยายามค้นหาอย่างไรก็ไม่มีวันพบ
“หือ  ขอทวนชื่อกับนามสกุลอีกครั้งได้ไหม?”อีกฝ่ายถามเพราะไม่คุ้นเคยกับชื่อสกุลยาวๆของชาวตะวันออก แถมยังออกเสียงยากอีกต่างหาก
ศศรานี วริทธินันท์” ศศรานีทวนชื่อซ้ำ
“อ้อ มิส วะริดว้า เรียกยากจัง ฉันขอเรียกเธอว่า ซาซ่าได้ไหม?”อีกฝ่ายถาม เพราะนามสกุลของอีกฝ่ายเรียกยากเกินไป
“ได้ค่ะ แต่ฉันยังไม่รู้จักคุณเลย”ศศรานีถามอีกฝ่าย เมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายน่าจะคบได้ และที่สำคัญน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกัน ถึงแม้หน้าตาจะดูเหมือนคนละรุ่นก็เถอะ
“ฉันเอมี่ ยินดีที่ได้รู้จัก”อีกฝ่ายยื่นมือให้
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ เอมี่”ศศรานีรีบจับมืออีกฝ่ายตอบ พร้อมกับรอยยิ้มที่อ่อนหวานมากกว่าเดิม
เอมี่ มองรอยยิ้มของคนตรงแล้วก็ต้องถอนหายใจ สงสัยออฟฟิศของสเปซมาร์สคงจะวุ่นวายเพราะสาวน้อยยิ้มสวยตรงหน้านี้แน่ แต่เอาเถอะให้หนุ่มๆกระชุ่มกระชวยขึ้นมาบ้าง เพราะตอนนี้ออฟฟิศขาดสีสันเกินไปแล้ว
“เอาล่ะซาซ่า เดี๋ยวฉันจะเดินไปส่งเธอที่แผนกของเธอนะ อยู่ไม่ไกลหรอก แล้วถ้ามีอะไร ก็มาหาฉันได้”เอมี่บอก ก่อนจะก้าวนำหน้าสาวน้อยที่สูงไม่ถึงไหล่ ให้อีกฝ่ายเดินตาม
เอมี่พาศศรานีมาส่งที่แผนกไอทีซึ่งตอนนี้มีผู้ชายหลายคนกำลังนั่งทำงานอยู่ก่อนแล้วแม้ยังไม่ถึงแปดโมงเช้า เพราะที่นี่ไม่ต้องรอเสียงนาฬิกาบอกเวลาแปดโมงค่อยเริ่มทำงานเหมือนออฟฟิศบางบริษัทในเมืองไทย
หลังจากพามาส่งถึงที่ประชาสัมพันธ์สาวก็กลับโต๊ะของตนเอง ปล่อยให้พนักงานใหม่แนะนำตัวกับเพื่อนร่วมงานเอง ซึ่งไม่เป็นปัญหาอะไรกับหญิงสาวที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีอยู่แล้วอย่างศศรานี เพราะเธอนั้นอ่อนน้อมอ่อนหวานจึงเข้ากับคนได้ง่าย
ศศรานีได้โต๊ะทำงานที่ว่างลงเพราะอีกฝ่ายลาออกกะทันหัน โต๊ะนั้นค่อนข้างรกเธอจึงลงมือเก็บกวาดให้เป็นระเบียบเรียบร้อย แถมยังใช้ผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดมันให้สะอาดขึ้น เพราะเธอไม่ชอบที่สุดคือความสกปรกรกรังรัง เพื่อนร่วมงานหลายคนแหล่มองสาวน้อยที่ง่วนอยู่กับการจัดโต๊ะจนสะอาดเอี่ยม พร้อมกับมองโต๊ะของตัวเองที่รกสุดๆ แล้วก็ยักไหล่ อีกหน่อยก็คงจะกลืนกันไปเอง เพราะที่นี่ไม่มีโต๊ะใครที่จะสะอาดได้นานนักหรอก เพราะงานที่ได้รับมอบหมายมามันจะทยอยกองสุมๆและรกไปเองในที่สุด
ศศรานีเริ่มเรียนรู้งานอย่างกระตือรือร้นจนคนในแผนกต่างเอ็นดู ช่วยกันสอนงานให้เธอแบบไม่มีกั๊ก เพราะท่าทางที่เธอแสดงให้เขารู้ว่าเพราะเขานั้นช่างฉลาดสุดยอดนั้นทำให้พวกนั้นปลื้มจนแทบลอยได้ และไม่ว่าเธอถามเรื่องอะไรพวกเขาก็แย่งกันตอบ เรียกว่ามีอะไรก็สาวมาให้ดูหมดไส้หมดพุงเลยทีเดียว ซึ่งเคล็ดลับนี้เธอได้มาจากหยาดพิรุณ คนทุกคนอยากจะเป็นคนที่สำคัญ และถ้าเลือกเยินยอพวกเขาให้ถูกจุด พวกเขาเหล่านั้นก็พร้อมจะทำทุกอย่างให้เราด้วยความเต็มใจยิ่ง

ศศรานีมาทำงานที่สเปซมาร์สได้ครบสัปดาห์แล้ว ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี พนักงานเก่าทุกคนต่างเอ็นดูเธอ ไม่ใช่แค่ในแผนก แต่เป็นทั้งออฟฟิศเพราะเธอนั้นยิ้มง่าย เข้ากับคนอื่นได้ดี และที่สำคัญเหมือนดูเหมือนเด็กไร้เดียงสา พนักงานสาวรุ่นใหญ่บางคนถึงกับตั้งตัวเป็นแม่แก่คอยกางปีกปกป้องเธอจากหนุ่มๆขี้หลีประดุจแม่ปกป้องลูกสาวตัวน้อยเลยทีเดียว
“โอ๊ะ! คุณโรนันเข้าออฟฟิศ”
เสียงอุทานของพนักงานที่อยู่แถวหน้าทำให้พนักงานคนอื่นๆ ที่กำลังคุยกันหรือกินอาหารว่างอยู่รีบกลับโต๊ะมาปั่นงานของตัวเองทันที ศศรานีขมวดคิ้วทบทวนความจำ เชส โรนันญาติผู้พี่ของลีโอนาร์ด เขาเป็นหัวหน้าแผนกไอที เก่งฉลาด เพียงแต่ไม่หล่อเหลาเหมือนญาติผู้น้อง เขาเป็นผู้บริหารคนหนึ่งของสเปซมาร์ส เป็นร่นบุกเบิกเลยก็ว่าได้
ชายหนุ่มที่ก้าวเข้ามาในออฟฟิศสูงราวร้อยแปดสิบห้าแซ็นติเมตร ใบหน้าเหลี่ยมดูดุดันแข็งกร้าว แววตาเย็นชายโสคล้ายไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ส่วนชายหนุ่มที่ก้าวตาหลัง อายุน่าจะอ่อนกว่าราวเจ็ดแปดปี ใบหน้าเขาคล้ายคนที่ก้าวนำ แต่กลับมีรอยยิ้มละไมประดับบนใบหน้า แววตาก็ดูขี้เล่นไม่จริงจัง เขากวาดตามองพนักงานทุกคนพร้อมกับก้มหัวทักทายเล็กน้อย ศศรานีก้มหลบไม่อยากสบตาคู่นั้น เพราะเธอคุ้นเคยกับแววตาแบบนั้นมาก่อน แววตาขี้เล่นที่แฝงแววเจ้าเล่ห์ แววตาของท่านรองฯแห่งทีเคกรุ๊ป
“คนที่เดินตามคนโรนันคือใครคะ?” ศศรานีกระซิบถามพนักงานหญิงรุ่นใหญ่ที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ต๊าย! อย่าบอกนะว่าแม่กระต่ายน้อยของเราสนใจคุณโรนันคนน้องเข้า”
สาวใหญ่ส่งเสียงแปร๊นขึ้นเมื่อคณะผู้บริหารเดินเข้าห้องทำงานไปหมดแล้ว ทำให้คนทั้งแผนกหันมามองศศรานีเป็นตาเดียว คนที่ตกเป็นเป้าสายตาได้แต่กรอกตาอย่างระอา อุตส่าห์ถามเสียงเบาแล้ว คนตอบกลับแหกปากเสียอย่างนั้น น่าจะให้กินยาใบ้เสียจริงๆ
“ว่าไงจ๊ะสาวน้อย เธอแอบเหล่คุณดีแลนอยู่เหรอ?”คนถามหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ เมื่อเห็นสาวน้อยไร้เดียงสาทำน้ากระอักกระอ่วน
“เปล่าค่ะ”
คนถูกซักปฏิเสธพร้อมทำปากยื่นไม่พอใจนิดๆ แต่ไม่กล้าแผงฤทธิ์มาก เพราะโดนกำชับมาแล้วนับสิบรอบ แถมก่อนที่จะเข้ามาทำงานที่นี่  ตาแก่ขี้บ่นประจำเกาะพันดาวยังอุตส่าห์บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาอบรมเธอด้วยตัวเองอีกเกือบสามชั่วโมง เธอต้องรับคำของเขานับสิบรอบว่าจะไม่ก่อเหตุซ้ำ เหลือเพียงแต่ไม่ให้เธอคุกเข่าสาบานต่อฟ้าเท่านั้นแหละ และที่เธอถามถึงผู้ชายคนนั้นเพราะเขาไม่มีอยู่ในรายชื่อของบุคคลที่เธอควรจะต้องระมัดระวัง แต่..จากลางสังหรณ์ เธอว่าเขานี่แหละที่ควรจะต้องระวังให้มากที่สุด
ดีแลนก้าวมานั่งที่โต๊ะทำงานของตนอย่างคุ้นเคย ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้มาที่นี่บ่อยนักเพราะงานประจำของเขาคือที่โรงงานประกอบยานอวกาศ แต่เขาก็เข้ามาทำงานที่นี่เป็นบางครั้งเพื่อตรวจสอบความก้าวหน้าของโปรแกรมต่างๆที่สั่งพนักงานเขียนขึ้น และเมื่อนั่งลงเรียบร้อยแล้วเขาก็ยังไม่ได้เริ่มตรวจงานเหมือนที่เคยทำ เพราะ ตากลมโตสดใสที่ก้มหลบตาของเขานั้นมันติดตาเขาอยู่ เธอต้องเป็นพนักงานใหม่แน่ เพราะช่วงนี้มีพนักงานฝ่ายไอทีลาออกพร้อมกันหลายคน จึงมีการรับสมัครพนักใหม่มาแทนที่ เขารู้เรื่องนี้เพราะเป็นคนเซ็นอนุมัติเอง แต่เขาไม่ได้สัมภาษณ์เพราะเป็นแค่พนักงานตำแหน่งเล็กๆที่ไม่จำเป็นให้ผู้บริหารระดับสูงอย่างเขาต้องสัมภาษณ์เอง แต่ใบหน้าใสๆตาโตๆคู่นั้นช่างก่อกวนจิตใจของเขาจริงๆ เขาไม่ชอบมีอะไรกับพนักงานในบริษัทเพราะมันจะทำให้ขาดความน่าเชื่อถือ และถ้าเป็นคนที่เขาสนใจจริงก็จะให้อีกฝ่ายลาออกซะ เพราะจะเรียกร้องเท่าไรเขาก็จ่ายได้อยู่แล้ว

“จะไปทานอาหารกลางวันหรือ?”
เสียงถามอยู่ใกล้ๆ ทำให้ศศรานีสะดุ้ง เพราะเธอมัวแต่ชะเง้อมองหาเอมี่ที่นัดกันว่าจะไปรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน แต่อีกฝ่ายขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน เธอจึงจำเป็นต้องรอ และเมื่อเธอหันมามองคนถามก็ต้องเบิกตากว้างขึ้นอีก ดีแลน โรนัน
“ค่ะ”
หญิงสาวตอบเบาๆ อยากไปให้พ้นๆเขา เห็นหน้าของเขาแล้วทำให้นึกถึงกันต์ อย่าตามมาหลอนถึงที่นี่จะได้ไหม แล้วเธอก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อเห็นเอมี่เดินออกจากห้องน้ำ เธอก้มหัวให้คนที่ยังไม่ไปไหน ก่อนจะเดินตรงไปลากประชาสัมพันธ์สาวที่มองมาอย่างสงสัยให้รีบออกไปจากบริเวณนั้นโดยเร็ว
ดีแลนมองตามหญิงสาวที่รีบร้อนจากไปอย่างสงสัย เขาแน่ใจว่าไม่เคยรู้จักเธอมาก่อน แต่เธอกลับทำเหมือนตกใจที่เห็นเขา แถมยังรีบเดินหนีไปอีก เธอทำอะไรผิดจึงรีบร้อนจากไป หรือว่า เขาทำอะไรผิดเธอจึงมองเหมือนเขาเป็นตัวอะไรที่เธอไม่อยากเข้าใกล้  ชายหนุ่มที่มีแต่สาวๆรุมล้อมหงุดหงิดใจเมื่อมีสาวน้อยหน้าใสชิ่งหนีซึ่งๆหน้า เถอะ หนีได้หนีไป แต่คิดหรือว่าจะหนีคนอย่างเขาพ้น ถ้าเขาต้องการ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะตามล่าสมันสาว ปล่อยไว้ก่อน งานเขาใหญ่ยังรอเขาอยู่ ชายหนุ่มคิดก่อนจะตัดสินใจปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไป

ศศรานีถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อผู้ชายคนนั้นไม่ได้เข้ามาตอแยอย่างที่นึกหวั่น ถึงแม้เธอจะรำคาญเพื่อนร่วมงานและเพื่อนร่วมรับประทานอาหารที่ซักและแซวเรื่องที่เธอโดนผู้บริหารหนุ่มสนใจแค่ไหน เธอก็ได้แต่กัดฟันอดทน เพราะคำมั่นสัญญาว่าจะไม่ ก่อเหตุซ้ำค้ำคอเธออยู่ หาไม่แล้วเธอคงทำให้พวกนี้พูดไม่ได้ไปสักพักแน่


“ผ่านมาเป็นเดือนแล้วยังหาตัวไอ้แฮกเกอร์นั่นไม่พบอีกเรอะวะ?”
ซีอีโอไวด์เดอร์เทเลคอมถามทีมไอทีที่ประกาศล่าหัวไอ้วายร้ายนั่น แต่ผ่านมาเป็นเวลานานแล้วกลับไม่มีความคืบหน้าใดๆ ได้เพียงเบาะแสว่าฝ่ายนั้นสั่งให้ดาวเทียมไปรับส่งสัญญาณที่ภาคพื้นตะวันออกกลาง พื้นที่ที่มีกลุ่มก่อการร้ายซุกซ่อนอยู่ แต่ถึงตอนนี้ยังไม่มีกลุ่มไหนออกมาประกาศความรับผิดชอบ แต่ลีโอนาร์ด เชื่อว่าจะต้องเป็นฝีมือของพวกนั้นไม่พวกใดก็พวกหนึ่งแน่ เพราะสเปซมาร์สได้สร้างดาวเทียมให้ซีไอเอของสหรัฐใช้ล่าตัวพวกก่อการร้ายเหล่านั้น และพวกมันคงจะแค้น จึงหาทางแก้แค้นเขา แต่เขาไม่รู้ว่าช่วงที่มันใช้ดาวเทียมส่งสัญญาณนั้น พวกมันรับส่งสัญญาณอะไร และจะเป็นภัยต่อโลกแค่ไหน ทั้งยุโรปและอเมริกาต่างหวั่นวิตกต่อเหตุการณ์นี้ เขาจึงต้องเร่งล่าไอ้ตัวร้ายนั่นให้ได้โดยเร็ว เพราะไม่อย่างนั้นอาจจะทำให้โลกเดือดร้อนมากกว่าธุรกิจเสียหลายแค่หลายร้อยล้านเหรียญก็ได้
“ยังเลยครับ”
ทีมไอทีหัวกะทิต่างก้มหน้า พวกเขาทำงานอย่างหนัก รวมทั้งขอความร่วมมือและว่าจ้างพวกแฮกเกอร์ระดับโลกเพื่อแกะรอยไอ้วายร้ายนั่น แต่ไม่สามารถสาวไปหาต้นตอได้ ร่องรอยต่างๆถูกลบไปหมด และเจ้าตัวร้ายนั่นก็ไม่ยอมโผล่หัวออกมาอีกเลยนับแต่วันนั้นเป็นต้นมา พวกเขาพยายามสาวกลับไปยังอดีต และได้ข้อมูลว่าไอ้วายร้ายนั่นเคยแฮกข้อมูลของหลายองค์กร และล้วนแต่เกี่ยวข้องกับดาวเทียมและอวกาศ หรือว่ามันจะเป็นคนของบริษัทคู่แข่งของสเปซมาร์ส
“อืม ตามต่อไป ฉันไม่เชื่อหรอกว่ามันจะหมุดหัวอยู่ได้นาน สันดานแมวขโมย ยังไงสักวันมันจะต้องโผล่ออกมาแน่”
ลีโอนาร์ดว่า โดยเขาไม่รู้เลยว่า ไอ้วายร้ายที่เขากำลังตามล่าอย่างเอาเป็นเอาตายนั้นกำลังหมุดหัวอยู่ใต้จมูกของเขานี่เอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น