ตอนที่
11 เจ้านายจอมกวน
ศศรานีขับรถมาที่ออฟฟิศด้านในของสเปซมาร์สด้วยความกระตือรือร้นต่างจากเมื่อวานนี้อย่างลิบลับ
เพราะเธอมีจุดมุ่งหมายในใจ ‘ทีเคไททัน…ลูกรักคนที่สอง’ เธอจะต้อง(แอบ)เรียนรู้ให้มากที่สุด
แล้วกลับไปสร้างดาวเทียมของตนเองขึ้นมาใหม่ เมื่อมีจุดหมาย ไฟแห่งความกระตือรือร้นก็ถูกจุดขึ้น
เธอจะต้องทำได้ แถมยังมีผู้ช่วยอีกมากมาย เธอจะต้องกลัวอะไร
หญิงสาวคิดอย่างฮึกเหิม
เมื่อจอดรถแล้ว
หญิงสาวก็หิ้วกระเป๋าใส่ของใช้ส่วนตัวกระเป๋าเล็กๆพร้อมกับกระเป๋าสะพายไหล่ใบเล็กเดินตรงไปยังทางเข้าออฟฟิศ
ด้านหน้าออฟฟิศมีผู้ชายยุโรปตัวใหญ่ยืนรอเธออยู่
“สวัสดีครับ
มิสวอ ระ ริด ธรี นัน ผมอีวานโลออฟ เป็นผู้ช่วยมิสเตอร์ไวด์เดอร์”
ชายหนุ่มคนนั้นทักทายและแนะนำตัวพร้อมกับรอยยิ้มเป็นมิตร
“สวัสดีค่ะ
มิสเตอร์โลออฟ เรียกฉันว่าซาซ่าก็ได้ค่ะ ชื่อสกุลฉันค่อนข้างเรียกยากสักหน่อย”
หญิงสาวเองก็ยิ้มทักทายเขา
พร้อมกับบอกให้อีกฝ่ายเรียกชื่อที่เพื่อนชาวต่างชาติใช้เรียกกัน
เพราะนามสกุลเธอค่อนข้างจะเป็นปัญหาในการออกเสียงของคนต่างชาติ
“ยินดีที่ได้รู้จักครับซาซ่า
งั้นคุณเรียกผมว่าอีวานก็ได้ เราคงจะได้ร่วมงานกันอีกนาน”อีวานบอกอย่างเป็นกันเอง
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะอีวาน”ศศรานีกับมือทักทายกับอีกฝ่าย
รู้สึกดีเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้กวนประสาทเหมือนเจ้านายของเขา
“มิสเตอร์ไวด์เดอร์ให้ผมเอาบัตรประจำตัวมาให้
พร้อมกับแนะนำวิธีการใช้งาน
และวิธีเข้าออกตึกนี้แก่คุณ”ชายหนุ่มบอกถึงเหตุผลที่เขาจะต้องมายืนรออีกฝ่ายถึงหน้าตึก
“อ้อ
ขอบคุณในความกรุณาค่ะ”หญิงสาวก้มหัวให้เขาอย่างขอบคุณอีกฝ่าย
“ด้วยความยินดีครับ”อีกฝ่ายก้มหัวตอบ
“เราเข้าออฟฟิศกันเลยนะ”เขาชวน
พร้อมกับยื่นบัตรประจำตัวให้เธอ
จากนั้นเขาก็อธิบายถึงวิธีใช้งาน
พร้อมกับยื่นเอกสารที่เป็นรหัสผ่านให้หญิงสาวซึ่งเป็นรหัสตัวเลขถึงสิบห้าหลัก
แต่ไม่เป็นปัญหากับอัจฉริยะด้านไอทีอยู่แล้ว หลังจากเข้าไปในตึกเขาก็อธิบายถึงโซนต่างๆในตึก
พร้อมกับบอกเขตหวงห้ามไม่ให้คนที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าไปได้
พร้อมทั้งบอกข้อควรปฏิบัติเมื่ออยู่ในตึกที่มีผู้ชายเป็นส่วนใหญ่
ก่อนจะพาเธอไปส่งยังโต๊ะทำงาน
ที่อยู่หน้าห้องข้างๆโต๊ะของเลขาหน้าคงแก่เรียนที่พาเธอมาเมื่อวานนี้
“ฉันจะต้องนั่งที่นี่หรือคะ?”
หญิงสาวถามให้แน่ใจ
ก็เธอไม่ใช่เลขาของเขาเสียหน่อย ทำไมจะต้องมานั่งเป็นดอกไม้ประดับหน้าห้องของเขาด้วย
ก็ไหนว่าจะให้มาช่วยเขียนโปรแกรมไม่ใช่หรือไง
“มิสเตอร์ไวด์เดอร์สั่งไว้ครับ”
มือขวาบอก
เขาได้รับคำสั่งมาเช่นนั้น แม้จะไม่เข้าใจเจ้านายแต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์ถาม
แต่เมื่อเห็นหญิงสาวที่เจ้านายระบุให้ย้ายออฟฟิศกะทันหันเขาก็ชักไม่แน่ใจว่า
เจ้านายจะแปลงร่างเป็น ‘สมภารกินไก่วัด’แล้วหรือไร
คนที่ได้รับคำสั่งให้นั่งอยู่หน้าห้องได้แต่ขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด
เขาคงอยากให้เธออยู่ใกล้ๆเพื่อจะได้แกล้งได้ง่ายๆเท่านั้น
แค่เมื่อวานก็รู้แล้วว่าเขาเป็นผู้ชายนิสัยไม่ดีชอบแกล้งคนอื่น
พวกชอบเห็นคนอื่นมีทุกข์‘คนซาดิสม์’
“ตอนนี้มิสเตอร์ไวด์เดอร์ไม่อยู่ออกไปข้างนอก
เดี๋ยวผมจะเอางานมาให้คุณทำฆ่าเวลา ก่อนที่เขาจะกลับมา”อีวานบอก
“ค่ะ”
ศศรานีรับคำก่อนจะหันไปทักทายคนที่นั่งหน้าตายอยู่ข้างๆ
หลังจากพยายามผูกมิตรอยู่ครู่ใหญ่เธอจึงได้รู้จักชื่ออีกฝ่ายว่า ‘จอห์น’ และดูท่าทางก็รู้ว่าเขาจะไม่ชอบสักเท่าไรที่เธอมานั่งเสนอหน้าอยู่ข้างๆเขา
อีวานกลับออกมาจากห้องของเขาพร้อมกับเอกสารปึกหนึ่ง
เขาบอกว่าอยากให้เธอลองเขียนโปรแกรมขึ้นมาสักโปรแกรมให้เขาดูก่อน
เขาจะได้ประเมินว่าเธอควรจะทำงานในส่วนไหนในออฟฟิศนี้ แล้วเขาก็ให้โจทย์กับเธอ
จากนั้นก็กลับไปทำงานในห้องของตนเอง
สิบนาฬิกา
ลีโอนาร์ดก็กลับเข้าออฟฟิศหลังจากที่ออกไปจัดการลากน้องสาวกลับบ้าน
พร้อมกับสั่งบอดีการ์ดโขยงหนึ่งติดตามเธอราวกับนักโทษฉกรรจ์
โดยไม่สนใจเสียงประท้วงโวยวายของอีกฝ่าย
เพราะอย่างไรเขาก็ไม่ยอมให้น้องสาวตนไปยุ่งกับไอ้ผู้ชายหยิ่งยโสอย่างนั้นแน่
และเมื่อมาถึงห้องทำงาน
เขาก็เห็นคนที่เขาสั่งย้ายกะทันหันกำลังนั่งก้มหน้าก้มตาอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์
และดูเหมือนหน้าจอคอมพิวเตอร์จะดึงดูดเธอจนไม่สนใจสิ่งรอบข้างแม้กระทั่งเขาที่ไปยืนชะโงกหน้าอยู่ไม่ห่าง
และทำให้คนที่เคยเป็นจุดสนใจของทุกคนหงุดหงิดใจอย่างยิ่ง
“ทำอะไรอยู่?”
เสียงถามดังกระหึ่มอยู่บนหัว
ทำให้คนที่กำลังก้มหน้าก้มตาเขียนโปรแกรมสะดุ้งตกใจ และเมื่อเงยหน้าขึ้นก็เจอหน้าใบหน้าบูดบึ้งของคนที่มายืนค้ำหัวมองมาอย่างหงุดหงิด
ศศรานีถอนหายใจยาวพยายามจะปรับอารมณ์ที่กรุ่นขึ้นมาเพราะคนที่เข้ามาขัดจังหวะการทำงานของตน
ก่อนจะตอบคำถามเจ้านายเจ้าอารมณ์ตรงหน้าเสียงเรียบ
“ทำงาน”ตอบสั้นๆ
ก่อนจะก้มหน้าทำงานต่อโดยไม่สนใจใครอีก
แต่คนที่ไม่เคยถูกเมินมีหรือจะยอมให้ใครมาเมินใส่ตนได้
เขาดึงเอกสารในมือที่หญิงสาวกำลังก้มหน้าก้มตาอ่านมันขึ้นมาอ่านดูบ้าง
“เอ๊ะ!”
คนที่โดนขัดจังหวะอีกครั้งร้องประท้วง
พร้อมกับเม้มปากมองคนที่มากวนตาวาว ‘จะหาเรื่องกันใช่ไหม?’
คนที่เข้ามากวนคนอื่นมองตอบอย่างท้าทาย
‘เขาจะดูเสียอย่าง จะทำไม’
“เอาคืนมานะ
ฉันกำลังทำงาน”คนโดนแย่งงานไปบอกเสียงแหว ไม่สนใจหรอก
ก็เป็นเพียงเจ้านายชั่วคราวเท่านั้นใครจะไปเกรงใจ
“ใครเอามาให้”เจ้านายชั่วคราวถาม
แต่ยังไม่ยอมคืนงานให้
“คุณอีวานค่ะ”คนโดนแย่งงานตอบเสียงแข็ง
“คุณอีวาน?”
อีกฝ่ายถามเสียงสูง
เพิ่งเจอกันไม่ใช่หรือ ทำไมถึงเรียกมือขวาของเขาสนิทสนมขนาดนั้น ทีกับเขา ‘มิสเตอร์ไวด์เดอร์’ เรียกซะห่างเหิน
ทั้งๆที่เขาบอกว่าให้เรียก ‘ลีโอ’
แต่ไม่เห็นจะยอมเรียกชื่อของเขาเลย
“ค่ะ”
หญิงสาวรับคำ
ไม่เข้าใจอีกฝ่ายจะถามเสียงสูงไปทำไม ก็ตัวเองสั่งเองไม่ใช่หรือไง
โดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีปัญหาเรื่องงานที่เธอได้รับ แต่มีปัญหาที่เธอเรียกมือขวาอย่างสนิทสนมต่างหาก
“ต่อไปให้เรียกว่า
มิสเตอร์โลออฟ”เจ้านายสั่งอย่างเอาแต่ใจ
คนที่ถูกสั่งทำหน้างง
ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะมีปัญหาทำไม ก็อีวาน โลออฟ บอกให้เธอเรียกเขาว่า ‘อีวาน’นี่นา
“ทำไม?
หรืออยากเรียกอีวาน?”คนพาลเริ่มหาเรื่อง
“เปล่าค่ะ”
คนที่ถูกหาเรื่องปฏิเสธ
ไม่เข้าใจว่าเขาจะมาสนใจเรื่องไร้สาระพวกนี้ทำไม แล้วเมื่อไรจะคืนงานให้เธอเสียที
เธอจะได้เริ่มทำงาน ขี้เกียจทะเลาะกับคนไม่มีเหตุผล
“แล้วก็เรียกผมว่า
ลีโอ”คนไม่มีเหตุผลสั่งต่อ
“ทำไมฉันจะต้องเรียกคุณว่าลีโอ
ก็ในเมื่อคุณบอกให้ฉันเรียกคุณอีวาน ว่ามิสเตอร์โลออฟ?”คนรับคำสั่งถามอย่างกังขา
“ก็มันไม่เหมือนกัน”คนสั่งตอบ
“ไม่เหมือนกันตรงไหน?”คนถามซัก
“ก็อีวานกับคุณเพิ่งรู้จักกันไม่ได้สนิทกัน
ดังนั้นคุณจะต้องเรียกเขาว่ามิสเตอร์โลออฟ”คนตอบให้เหตุผล
“แต่ฉันกับคุณก็เพิ่งรู้จักกันเช่นกัน”คนที่เพิ่งจะรู้จักกันแย้ง
“ผมกับคุณรู้จักกันแล้วตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
แถมยังไปทานอาหารด้วยกันอีก เราไม่สนิทกันตรงไหน?”
คนตีสนิทแย้งหน้าซื่อ
แต่แววตาเจ้าเล่ห์ แต่ถ้าอยากจะ ‘สนิท’มากกว่านี้เขาก็ไม่ขัดข้องหรอกนะ ยินดีจัดให้ เดี๋ยวนี้เลยก็ยังได้
คนที่เถียงใครไม่ค่อยทันได้แต่กัดฟันอย่างโกรธกรุ่น
เพราะคิดไม่ออกว่าจะเถียงคนลื่นไหลอย่างไรดี
เมื่อเห็นหญิงสาวหน้าแดงก่ำเพราะความโกรธคนที่เข้ามาหาเรื่องก็อารมณ์ดีขึ้นทันใด
นี่เขาเป็นพวกซาดิสม์หรือไงนะถึงชอบเห็นคนอื่นเจ็บปวด แต่เขาก็เพิ่งจะเป็นนะ
ก็เธอโกรธแล้วน่ารักยิ่งกว่าตอนทำหน้าเย็นชานี่นา แก้มใสๆ แดงเรื่อมองแล้วเหมือนแอปเปิ้ลกำลังสุก
น่าจะลองกัดดูสักคำว่าจะหวานกรอบดีไหม
“ไม่ต้องทำแล้วงานนี้
นี่มันงานเด็กๆ เดี๋ยวตามผมเข้าไปในห้อง ผมจะหางานใหม่ให้ทำ”
เจ้านายสั่ง
ก่อนจะโยนเอกสารปึกนั้นไปที่โต๊ะเลขาที่อยู่ข้างๆ เป็นความหมายว่าเก็บมันไปไกลๆ
เลขาที่รู้ใจเจ้านายก็รีบเก็บเอกสารปึกนั้นเข้าตู้ที่อยู่ข้างตัวทันใด
คนที่นั่งมองเหตุการณ์ได้แต่กรอกตา โปรแกรมที่ตนนั้นลงมือเขียนเกือบจะเสร็จกลับถูกโยนทิ้งเสียอย่างนั้น
ถ้าบอกว่า ‘งานเด็กๆ’จะเอามาให้เธอทำตั้งแต่แรกให้เสียเวลาทำไม
ศศรานีจำต้องเดินตามเจ้านายเข้าไปในห้องด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
เธอจะกลายเป็นโรคความดันโลหิตสูงกับโรคหัวใจไหมหลังจากที่ออกจากที่นี่ไปแล้ว
แถมอาจจะได้โรคเครียดเพิ่มขึ้นมากอีกโรคหนึ่งก็เป็นได้ ไม่ได้การล่ะ จะต้องขอให้ปรายฟ้าส่งยารักษาโรคทั้งสามมาให้ก่อน
‘กันไว้ดีกว่าแก้’ คนที่จำต้องอดทน เพราะ‘กรรมที่ตนก่อ’ คิดหาวิธีป้องกันตนเองจากโรคร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นเพราะเจอเจ้านายร้ายกาจเข้า
ลีโอนาร์ดลอบมองคนเดินตามที่ทำหน้าบึ้งก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่พอใจกับคำสั่งของเขานัก
แต่ก็ขัดไม่ได้ จึงทำได้แค่เพียงโมโหฮึดฮัดอยู่คนเดียว
เห็นแล้วก็ยิ่งกระตุ้นให้คนอยากแกล้งยิ่งขึ้น
ก็แสดงออกขนาดนั้นเป็นใครบ้างจะไม่อยากแกล้งเล่น
ชายหนุ่มเดินไปลากเก้าอี้ที่อยู่หน้าโต๊ะทำงานมาวางไว้ใกล้ๆเก้าอี้ทำงานของตนเอง
พร้อมกับกวักมือเรียกคนที่ยืนเม้มปากแน่นอยู่ไม่ห่างให้มานั่งลง
จากนั้นเขาก็นั่งลงบนเก้าอี้ทำงานของตนเองอย่างสบายใจเฝ้ามองคนที่เดินลากเท้ามานั่งตามคำสั่งพร้อมรอยยิ้มของผู้ชนะ
จากนั้นก็เปิดคอมพิวเตอร์พลางครุ่นคิดว่าจะหางานอะไรให้คนที่นั่งหน้างออยู่ข้างๆทำดี
ศศรานีนั่งมองคนที่นั่งทำงานของตนโดยไม่ยอมสั่งงานเธอสักทีอย่างหงุดหงิด
ผ่านมาแล้วเกือบครึ่งชั่วโมงคนที่สั่งให้เดินตามเข้ามารับงานก็ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะให้เธออะไร
นอกจากมานั่งดูเขาทำงานของตนเองเฉยๆ ตกลงว่าเขาแค่อยากจะกวนประสาทเธอเล่นแค่นั้นใช่ไหม
“กำลังหางานให้อยู่
ใจเย็นๆ”
คนที่นั่งทำงานของตนอยู่เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังจะอ้าปากถาม
คนที่ถูกรู้ทันจึงมองค้อน แต่ก็ยอมนั่งสงบนิ่งต่อไป
ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง
งานที่ว่า ‘กำลังหาอยู่’ยังหาไม่ได้สักที
และคนที่นั่งรอก็หมดความอดทน
“มิสเตอร์ไวด์เวอร์”ศศรานีเรียกเจ้านายเสียงเขียว
“ลีโอ”อีกฝ่ายเอ่ยแก้อย่างใจเย็น
แต่ตายังจ้องหน้าจอมอนิเตอร์
“มิสเตอร์ไวด์เดอร์”อีกฝ่ายยืนยันที่จะเรียกอย่างเดิม
ลีโอนาร์ดถอนหายใจกับความดื้อดึงของอีกฝ่าย
‘อยากได้ความสนิทสนมใช่ไหม ได้..เขาจัดให้’ และก่อนที่ริมฝีบางจะได้เอ่ยประท้วงประโยคต่อไปริมฝีปากหนากว่าก็ประกบลงอย่างถนัดถนี่
แถมมือใหญ่ยังรั้งต้นคออีกฝ่ายไว้ไม่ให้ถอยหนี
จากนั้นเรียวลิ้นเชี่ยวชาญก็รุกไล่ลิ้นเล็กลิ้นที่ไม่มีทางหนีให้ยอมจำนน
คนที่ถูกจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัวได้แต่เบิกตากว้างยิ่งกว่าไข่ห่าน
เริ่มเจ็บหน้าอกเพราะลืมหายใจ ตัวก็นิ่งแข็งคล้ายดังรูปปั้น
“หายใจทางจมูกสิ”
คนที่จู่โจมถอนริมฝีปากออก
พลางบอกคนที่นั่งนิ่งใบหน้าไร้สีเลือดให้หายใจเพราะกลัวอีกฝ่ายจะหมดสติไปเพราะขาดออกซิเจน
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน และการค้นพบในครั้งนี้ทำให้คนที่บดจูบลงอีกครั้งอิ่มเอมใจอย่างประหลาด
คราวนี้เขาบรรจงจูบเธออย่างแผ่วเบาเพื่อสอนประสบการณ์ให้สมันน้อยไร้เดียงสาได้รู้จักกับรสจุมพิตที่หวานล้ำน่าประทับใจสมกับเป็นจุมพิตแรกของเธอ
แต่คนที่แข็งค้างหาได้รู้สึก‘หวานล้ำ’สมกับอีกฝ่ายบรรจงมอบให้ไม่ เพราะสมองของเธอเกิดอาการชัทดาวน์ไปแล้ว
ไม่สามารถรีสตาร์ทสมองขึ้นมาใหม่ได้ในขณะนี้
และเมื่อชายหนุ่มถอนริมฝีปากออก
เขาก็ต้องขมวดคิ้วเมื่ออีกฝ่ายยังคงนั่งนิ่งคล้ายกับช็อกไปแล้ว ‘เด็กหนอเด็ก แค่โดนจูบ ยังถึงกับช็อก ถ้าเขาทำอะไรมากกว่านี้ไม่หัวใจวายไปเลยหรือไง’ คนที่ล่วงละเมิด ‘เด็ก’คิดอย่างปลงๆ …ไม่เป็นไร
เดี๋ยวเขาจะค่อยๆสอน มีครูเก่งๆอย่างเขารับรองไม่นานก็เก่งเอง
คนที่วางแผนจะ‘กินเด็ก’คิดอย่างครึ้มใจ
จากนั้นก็ก้มหน้าทำงานของตนต่อไป ปล่อยให้คนที่กำลังช็อกให้สติกลับมาเอง
อยากรู้นักว่าพอได้สติแล้วจะต่อว่าเขาอย่างไร
กว่าคนที่ช็อกไปจะได้สติกลับมาก็ครู่ใหญ่
พอได้สติหญิงสาวก็ขมวดคิ้วครุ่นคิด เมื่อสักครู่เขาทำอะไรกับเธอ แค่เขาเอาปากประกบปากเธอทำไมสมองของเธอถึงว่างเปล่าขาวโพลนอย่างนั้น
หรือว่าเขาเป็นพวกมนุษย์ไฟฟ้าที่สามารถสูบพลังงานไฟฟ้าไปจากคนอื่นได้
เมื่อเขาสูบพลังงานไฟฟ้าในตัวของเธอไปจนหมด ทำให้สมองของเธอมีไฟฟ้าไม่พอเพียงจนชัทดาวน์ลงกะทันหัน
คนที่รู้จักและคุ้นเคยกับอาการของคอมพิวเตอร์เริ่มวิเคราะห์หาสาเหตุของอาการสมองตัวเองที่ออเร่อไปชั่วขณะตามแบบฉบับอัจฉริยะทางไอที
“ได้สติแล้วรึ?”
คนที่สูบพลังงานไฟฟ้าไปจากคนอื่นถาม
เมื่อเห็นอีกฝ่ายได้สติแถมยังมองหน้าตนอย่างคนคว้า ตาใสคู่นั้นมีเครื่องหมายคำถามฉายชัด
จนคนถามอดอมยิ้มไม่ได้ ‘เด็กหนอเด็ก
ช่างใสซื่อไร้เดียงสาจริงๆ’
“คุณ..คุณทำอะไร?”คนไร้เดียงสาถามกลับตาโต
“ไม่รู้เหรอ?
ผมจะทำซ้ำให้ดูอีกรอบดีไหม?”
คนที่ชอบ
‘ทำ’มากกว่าพูด..ยื่นหน้าเข้าไปใกล้‘เด็กไร้เดียงสา’หมายจะมอบบทเรียนใหม่ให้เด็กอนุบาลทางเพศศึกษาได้เรียนรู้เพิ่มเติม
แต่แล้วเขาก็ต้องผงะไปเพราะหมัดที่ลอยมากระทบใบหน้าเต็มแรง
คนปล่อยหมัดกระเด้งตัวถอยไปยืนอยู่ในระยะปลอดภัยในทันใด
ถึงแม้เธอจะไม่ได้เก่งกาจเรื่องการต่อสู้ แต่คนของทีเคกรุ๊ปทุกคนจะต้องผ่านหลักสูตรต่อสู้มาด้วยกันทั้งนั้น
แล้วใครจะปล่อยให้คนอื่นมาชัทดาวน์สมองตนเองง่ายๆเล่า
ลีโอนาร์ดหันไปมองคนที่ต่อยเขาอย่างไม่เชื่อสายตา
เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าตื่น หนีไปยืนอยู่ห่างๆและมองมาทางเขาอย่างระแวง
เขาก็ต้องถอนหายใจยาว สงสัยเขาจะทำให้ ‘สมันน้อย’ตื่นกลัวแล้วกระมัง
“กลับมานั่งนี่เถอะ”เขาบอกง่ายๆ
แต่อีกฝ่ายส่ายหน้าทันใด
“ไม่”
คำตอบหนักแน่น
พร้อมมองหน้าเขาอย่างระแวง ‘ใครจะอยากไปอยู่ใกล้ๆคนที่พร้อมกระโจนขย้ำตนเองล่ะ’
ลีโอนาร์ดเหลือบมองสมันน้อยที่ส่ายหน้าปฏิเสธที่จะเข้าใกล้ตนก็ส่ายหน้ายิ้มๆ
สงสัยเขาจะก้าวข้ามขั้นเร็วไปหน่อย ‘เหยื่อ’จึงตื่นตัว แต่ไม่เป็นไรหรอก เด็กน้อยไร้เดียงสาอย่างนั้นจะระแวงเขาไปได้สักกี่วันกัน
เมื่อคิดจะทำให้อีกฝ่ายตายใจ
สิงห์ร้ายก็ไม่ทำท่ารุกไล่ต่อ
เพียงแต่สั่งงานและปล่อยให้อีกฝ่ายกลับออกไปทำงานของตน เมื่อนั่งอยู่ตามลำพังเขาแลบลิ้นเลียริมฝีปาก
‘อืม…รสชาติสมันน้อยไร้เดียงสานี่ไม่เลวจริงๆถ้าได้ชิมทั้งตัว
เนื้อคงจะนุ่มหวานละมุนลิ้น’ แล้วเขาจะทำอย่างไรจึงจะได้ชิมเนื้อสมันน้อยตัวนี้ทั้งตัวนะ
สิงโตหนุ่มคิดวางแผนที่จะจับสมันน้อยกินเป็นอาหารหลังจากที่ได้ทดลองชิมแล้วก็ติดใจ
แต่สมันน้อยที่ตื่นตกใจจะยอมเป็นเหยื่อเขาง่ายๆอย่างนั้นเหรอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น