ซีรีย์นิยายชุด Diary Love เรื่อง โลกกลมหรือพรหมลิขิต ตอนที่ 2



ตอนที่ 2 คนพิเศษของเพื่อนสนิท

ชายหนุ่มร่างสูงเดินทอดน่องอย่างสบายใจตรงมายังลานจอดรถข้างตึกห้องสมุดของมหาวิทยาลัย แล้วเขาก็ต้องชะงักเมื่อเห็นหญิงสาวผูกผมหางม้ายืนอยู่หน้ารถแจ๊ชสีน้ำเงินสด  แม้จะเห็นเพียงด้านข้าง แต่เขาก็จำได้ทันที เธอคือหญิงสาวที่เขาเจอที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเมื่อสองอาทิตย์ก่อนนั่นเอง แต่ที่ทำให้เขาต้องขมวดคิ้วก็คือชายหนุ่มหน้าตาดีที่กำลังยิ้มร่าอยู่ข้างหน้าเธอ  พอดีชายหนุ่มคนนั้นหันมาเห็นเขาเข้าจึงส่งเสียงทักทาย
อ้าวไอ้ทัน มาอ่านหนังสือเหรอ?”

 เธอคนนั้นหันมามองเขาแค่เพียงแวบเดียว แล้วเธอก็หันกลับไปสนใจคู่สนทนาเหมือนเดิม ราวกับเขาไม่คู่ควรกับการใส่ใจ


 “อร นี่ไอ้ทันเพื่อนพัทธ์ เรียนโยธาเหมือนกัน
อนพัทธ์เอ่ยแนะนำเมื่อชายหนุ่มเดินมาถึง อรปรียาหันกลับมามองอีกครั้งพร้อมโค้งหัวลงเล็กน้อยเป็นการทักทายตามมารยาท
และนี่ อร คณะวิทยาศาสตร์
อนพัทธ์แนะนำโดยไม่ระบุสถานะของหญิงสาว แต่ตาเป็นประกายแวววาวที่ผู้ชายด้วยกันมองออกว่าเธอเป็นมากกว่าเพื่อนแน่
วทันยูยิ้มนิดหนึ่งก่อนเอ่ยเบาๆยินดีที่ได้รู้จักครับ
ค่ะ
อรปรียายิ้มตอบนิดหนึ่งเช่นกัน แต่แอบวิจารณ์ในใจ
ผู้ชายอะไรหล่อเลิศ แถมเสียงเพราะอีกต่างหาก เฮ้อ! แล้วทำไมคนหล่อๆถึงได้ไปกระจุกอยู่ที่วิศวะหมดไม่เหลือเผื่อแผ่ให้คณะอื่นได้ชื่นชมบ้างเลยนะ
หญิงสาวนึกอย่างเศร้าใจ ก็ที่คณะของเธอหาหนุ่มหล่อให้ชื่นชมได้ยากยิ่ง แถมยังมีป้ายจองแล้วแขวนคอไว้อีกต่างหาก
อรกลับก่อนนะหญิงสาวหันไปบอกลาเพื่อนชายที่ยืนทำหน้าบานอยู่ข้างๆ
จ้า แต่อย่างลืมเรื่องที่พัทธ์ขอร้องนะอนพัทธ์ทำเสียงอ้อนๆ
อรปรียาขมวดคิ้ว ก่อนพยักหน้าอื่อ จะพยายาม
อรทำได้อยู่แล้วชายหนุ่มยอพร้อมส่งตาหวาน
 หญิงสาวถอนใจเบาๆ ก่อนหันมาลาคนมาใหม่
ขอตัวก่อนนะคะ
ครับวทันยูยิ้มให้
หญิงสาวก้าวขึ้นรถและขับจากไป สองหนุ่มมองตามด้วยสีหน้าแตกต่างกัน คนหนึ่งทำตาละห้อยอย่างอาลัย แต่อีกคนกลับขมวดคิ้วอย่างสงสัย

เด็กใหม่หรือวะ?”วทันยูเอ่ยถามเหมือนชวนคุย แต่หูกางเต็มที่
เปล๊า! เด็กเก่าอนพัทธ์ยิ้มอย่างภูมิใจ
หือ? ทำไมไม่เคยเห็น?”
วทันยูเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ เพราะอนพัทธ์มักจะควงสาวที่คบๆอยู่มาอวดเพื่อนๆเสมอ
คนพิเศษนี่หว่า จะควงให้จืดได้ไงอนพัทธ์ตอบพร้อมหัวเราะเบาๆ หน้าแดงระเรื่อ
ห๊า! จริงอ่ะ?”วทันยูตาโตเพราะอนพัทธ์ไม่เคยยอมรับว่าผู้หญิงคนไหนเป็นคนพิเศษมาก่อนเลย
อย่าบอกใครนะโว้ย ขี้เกียจตอบคำถามไอ้พวกสอดรู้สอดเห็นว่ะ
คำพูดนั้นเหมือนจะห้ามแต่แววตากลับเป็นประกายวาววับราวกับว่าอยากป่าวประกาศให้คนรู้กันทั้งโลกว่า เธอเป็นของฉัน
เออๆ ไม่บอกหรอก แต่ว่าทำไมแกปิดได้มิดนักล่ะคนนี้?”วทันยูรับคำก่อนจะถามต่ออย่างแปลกใจ
อนพัทธ์ยักไหล่ยิ้มๆไม่ตอบ วทันยูมองท่าทีที่มีลับลมคมในของเพื่อนอย่างหมั่นไส้ แต่ไม่ได้เซ้าซี้ซักต่อ แล้วทั้งสองก็แยกย้ายกันไปที่รถของตัวเอง และขับรถตามกันออกไปจากลานจอดรถ

วทันยูขับรถตามเพื่อนพลางนึกอิจฉาในใจ  เมื่อไรนะที่เขาจะมีใครสักคน ที่สามารถบอกกับใครๆได้ว่า คนนี้แหละคือคนพิเศษของฉันสักที  ไม่ใช่ว่าเขาไม่คบใคร แต่คนที่เคยคบไม่เคยทำให้เขารู้สึกว่าคนนี้คือคนพิเศษเลยสักคน ดังนั้นเขาจึงคบใครไม่ยืด บางทีไม่ทันข้ามวันด้วยซ้ำก็ต้องโบกมือลา บางครานานเกือบเดือนแล้วต้องเลิกรากันอีก เพื่อนๆมักว่าเขาเปลี่ยนผู้หญิงยิ่งกว่าเปลี่ยนรองเท้า แต่เขากลับคิดว่า ถ้าคบกันแล้วไปกันไม่ได้จะทนคบกันต่อไปทำไม?  สู้เปลี่ยนไปเรื่อยๆจนกว่าจะเจอคนที่ใช่ไม่ดีกว่าหรือ? แต่พอลองคบมากๆเข้า เขาก็เริ่มเหนื่อยหน่าย  อยากจะเจอคนที่ใช่เสียที

***********************

อรปรียายืมนิยายกลับมาอ่านอย่างสบายใจในมุมส่วนตัว  ประโยคหนึ่งในนิยายทำให้หญิงสาวต้องอมยิ้ม
รักแท้ไม่ใช่การตามหา เพราะเวลาจะพามันมาหาเราเอง

 “แล้วต้องรออีกนานแค่ไหน ? เวลาถึงจะพารักแท้มาหาเรา
เธอถามตัวเอง ก่อนจะหัวเราะขำ และแล้วก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อจู่ก็มีของบางอย่างตกลงข้างตัว เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นถุงกระดาษที่เธอหิ้วมานั่นเอง
อรปรียาเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนค้ำหัวอยู่  ก็พบใบหน้าที่บอกบุญไม่รับของธีราภรณ์ที่กำลังมองมาด้วยดวงตาแวววาวเอาเรื่อง
นี่มันอะไรไอ้อร?”ธีราภรณ์ถามอย่างหัวเสีย
ก็ผ้าพันคอไงอรปรียาตอบ พยายามให้กวนอารมณ์คู่กรณีให้น้อยที่สุด
ฉันรู้แล้ว ตาไม่ได้บอด
ธีราภรณ์ตวาดแว๊ดอยากจะบีบคอแม่ตัวดีที่นอนทำหน้าไร้เดียงสาอยู่ตรงหน้ายิ่งนัก
รู้แล้วถามทำไมอ่ะ?”อรปรียาถามกลับพร้อมขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าเพื่อนไปกินรังแตนที่ไหนมา เอ..หรือว่าส้มตำจะทำพิษ
ฉันถามว่า แกไปเอาผ้าพันคอบ้า ผืนนี้มาทำไม?”
ธีราภรณ์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อข่มอารมณ์ที่ทำท่าจะพุ่งทะลุปรอทให้ลดลง เพื่อจะได้ไม่ต้องทำร้ายเพื่อนตัวดีที่นอนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่ตรงหน้า
อ๋อ พัทธ์เขาฝากมาให้แกอรปรียาตอบยิ้มๆ
ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมว่า ฉันจะไม่รับของจากไอ้กะล่อนเพื่อนของแกแม้แต่ชิ้นเดียว
ธีราภรณ์กล่าวย้ำทีละคำ แต่อรปรียากลับเลิกคิ้วขึ้นอย่างกวนอารมณ์คนมองอย่างที่สุด
ทำไมล่ะ? ทีแต่ก่อนฉันเห็นแกชอบของฟรีจะตาย ผ้าพันคอผืนนี้ก็สวยดีออก
ธีราภรณ์สวนกลับทันทีฉันเกลียดไอ้หมอนี่
ทำไม? นายพัทธ์ไปทำอะไรให้แกเหรออรปรียาตาโตกระดกตัวลุกขึ้นนั่งถามไถ่อย่างสนใจ
ธีราภรณ์อึกอัก ก่อนจะสะบัดหน้าไปอีกทาง
แค่รู้สึกไม่ถูกชะตา ยังไงก็ตาม แกต้องเอาผ้านี้ไปคืนเพื่อนแกด้วยธีราภรณ์สั่งด้วยเสียงเฉียบขาด
ไม่อยากได้ แกก็ทิ้งลงถังขยะไปเถอะอรปรียาแนะพลางโบกมือไล่ ฉันจะอ่านนิยายต่อ
ไม่ได้.. ถ้าฉันเอาทิ้ง เพื่อนแกต้องคิดว่าฉันรับมันไว้แน่ เพราะฉะนั้น แก...ต้อง..เอา..มัน..ไป..คืน..เขา..กับ..มือ.. เข้า..ใจ..ไหม?” ธีราภรณ์เน้นย้ำทีละคำให้เพื่อนปฏิบัติตาม
แล้วฉันจะหาเขาเจอที่ไหนล่ะ?”
อรปรียานิ่วหน้าเมื่อมองเห็นความยุ่งยากที่รออยู่ข้างหน้า จะจีบกัน จะเลิกกัน มันเกี่ยวอะไรกับตูฟะหญิงสาวคิดพลางถอนใจ
แกมีปัญญาเอามันมาได้ แกก็ต้องหาทางนำมันกลับไปคืนเจ้าของให้ได้ เข้าใจ๋
พูดจบธีราภรณ์ก็สะบัดหน้าเดินตึงตังออกจากห้องไป ปล่อยให้เพื่อนรักมองนั่งถุงกระดาษเจ้าปัญหาก่อนถอนใจเฮือกใหญ่ เนื้อไม่กิน หนังไม่ได้รองนั่ง กลับเอากระดูกมาแขวนคอตัวเองแล้วไหมล่ะตู

*****************

หญิงสาวมัดผมหางม้าเดินออกมาจากห้องสมุดด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย  ในมือหิ้วถุงกระดาษขนาดกลางใบหนึ่ง น้ำหนักของมันไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอ แต่ระยะเวลาที่เธอต้องหอบหิ้วมันติดตัวไปด้วยตลอดเวลา นี่สิปัญหาใหญ่             
เธอไม่รู้ว่าจะหาเจ้าของผ้าพันคอผืนนี้ได้ที่ไหน  เพราะเขาเป็นแค่เพื่อนสมัยมัธยมปลายที่ไม่ได้สนิทสนมกันมากนัก หลังจากที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ก็ไม่เคยติดต่อกันเลย จนกระทั่งเจอกันโดยบังเอิญเมื่อเดือนก่อน เขาใช้ความเป็นเพื่อนเก่าเข้ามาตีสนิท และขอให้เธอแนะนำเพื่อนในกลุ่มให้รู้จัก  พร้อมทั้งแสดงความสนใจเพื่อนสนิทของเธอและขอให้เธอเป็นแม่สื่อให้  เขาสามารถมาดักรอเธอได้อย่างง่ายดายราวกับว่าเขารู้ความเคลื่อนไหวของเธอทุกขณะ แต่ในทางกลับกันเวลาที่เธออยากเจอเขา กลับยากพอๆกับงมเข็มในมหาสมุทร

หญิงสาวเดินทอดท่องมาที่ลานจอดรถข้างห้องสมุดอย่างเซ็งๆ และแล้วเธอก็ต้องตาโตอย่างดีใจเมื่อเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งเดินอยู่ข้างหน้า ขาที่ก้าวเอื่อยๆนั้นเปลี่ยนเป็นจ้ำเร็วขึ้นเพื่อตามเขาให้ทัน

ขอโทษค่ะ
เสียงพูดเบาๆอย่างลังเลนั้น ทำให้ชายหนุ่มที่เดินอยู่ชะงัก เขาหันกลับมาก็พบกับหญิงสาวหน้าตาน่ารักผูกผมหางม้ายืนอยู่ไม่ห่าง 
คนพิเศษของไอ้พัทธ์นั่นเองวทันยูบอกตัวเอง
คุณเป็นเพื่อนของอนพัทธ์ใช่ไหมคะ?”หญิงสาวถามให้แน่ใจ
ครับชายหนุ่มตอบรับ พร้อมคิดในใจ นี่เขาหน้าโหลขนาดจำกันไม่ได้เชียวหรือ?’
เอ่อ...วันนี้คุณจะได้พบกับพัทธ์อีกไหมคะ?”คนถามมีสีหน้ากังวลใจอย่างเห็นได้ชัด
ครับ ผมกำลังจะไปเรียนวิชาเดียวกันกับไอ้พัทธ์ คุณมีธุระอะไรกับมันหรือเปล่า?”
คือ.... เอ่อ......หญิงสาวอึกอักลังเล
มีอะไรบอกผมได้นะไม่ต้องเกรงใจ
ชายหนุ่มกล่าวอย่างเอื้อเฟื้อ ทำให้คนฟังถอนใจเบาๆ ก่อนยื่นถุงกระดาษมาตรงหน้าเขา
คือ..ฉันจะรบกวนฝากถุงนี่ไปให้พัทธ์หน่อยได้ไหมคะ? ฉันรู้ไม่ว่าจะไปเจอเขาได้ที่ไหน
ก็ไปที่คณะสิครับ ให้ผมพาไปไหม?”เขาเสนอตัว หญิงสาวส่ายหน้า
ฉันแค่อยากจะฝากถุงนี้ไปให้เขาเท่านั้น ถ้ามันไม่ทำให้คุณลำบากจนเกินไป
ชายหนุ่มรับถุงนั้นมาพร้อมยิ้มอย่างอ่อนโยน
ไม่เลย แค่นี้เอง
เมื่อได้ฟังดังนั้นหญิงสาวก็ยิ้มกระจ่างอย่างโล่งอก ก่อนยกมือไหว้ขอบคุณเขา
ขอบคุณมากค่ะ
ชายหนุ่มตกใจรีบยกมือรับไหว้
ขอบคุณมากนะคะ และก็ต้องขอโทษด้วยที่ต้องรบกวนคุณ ฉันขอตัวก่อนนะ
หญิงสาวยิ้มให้เขาอย่างสดใส ก่อนเดินไปยังรถที่จอดไว้ เมื่อเห็นเขายังยืนอยู่ที่เดิม เธอก็หันมายิ้มให้เขาอีกครั้งพร้อมโบกมือลา ก่อนเปิดประตูก้าวขึ้นรถและขับจากไป

ชายหนุ่มมองถุงที่อยู่ในมือ ถุงนั้นไม่ได้ปิดผนึกเขาจึงลองดึงของที่อยู่ในนั้นออกมาดู พบว่าเป็นผ้าพันคอไหมพรมสีฟ้าสลับขาว ซึ่งหญิงสาวคงจะตั้งใจถักให้อนพัทธ์ เขายัดมันลงไว้เหมือนเดิม รู้สึกอิจฉาเพื่อนขึ้นมารำไร เมื่อไรนะที่เขาจะมีใครสักคนทำอะไรอย่างนี้ให้บ้าง? อยากรู้จังว่าอนพัทธ์ได้รับผ้าพันคอผืนนี้แล้วจะรู้สึกยังไง?

วทันยูถือถุงกระดาษเดินเข้าไปในห้องเรียนพร้อมมองหาเป้าหมาย อนพัทธ์กำลังคุยเล่นอยู่กับเพื่อนกลุ่มใหญ่ เขาจึงเดินเข้าไปใกล้ก่อนเรียกเบาๆ
เฮ้ย พัทธ์มานี่แป๊บนึงสิ
อะไรวะ?”
อนพัทธ์ปลีกตัวเดินมาหา วทันยูจึงยื่นถุงกระดาษให้
อะไร?”อนพัทธ์ถามอย่างแปลกใจ ก่อนเปิดถุงกระดาษดู
มีสาวฝากมาให้แก
วทันยูบอกพร้อมคอยสังเกตสีหน้าเพื่อน อนพัทธ์เปิดปากถุง คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างหงุดหงิด ก่อนจะขว้างถุงใบนั้นทิ้งลงถังขยะอย่างไม่แยแส
เฮ้ย! ทำไมแกทำอย่างงั้นวะ?”วทันยูเดินไปเก็บถุงใบนั้นกลับขึ้นมาใหม่
แกเอามันทิ้งไปเลยอนพัทธ์สั่งเสียงเข้ม
อะไรวะ? เค้าอุตสาห์ตั้งใจทำให้แกนะโว้ย
วทันยูรู้สึกโมโหเพื่อนขึ้นมาทันที ทั้งๆที่บอกว่าเธอคือคนพิเศษ แต่ทำไมอนพัทธ์ถึงทำอย่างนี้
แกไม่รู้อะไรก็หุบปากไปเลย แล้วก็โยนมันทิ้งให้พ้นตาฉันด้วย
ของดีๆทำไมต้องเอาทิ้งด้วยวะวทันยูถามอย่างไม่เข้าใจกับพฤติกรรมของเพื่อน
ถ้าแกเสียดายนัก ก็เก็บเอาไว้เลย แต่อย่าเอามันมาให้ฉันเห็นอีกเข้าใจไหม?”อนพัทธ์สั่งก่อนเดินลงบันไดไปอย่างหัวเสีย
เฮ้ย! แล้วแกไม่เรียนหรือไง?”วทันยูตะโกนถาม
ไม่เรียนแล้วโว้ย ไม่มีอารมณ์อนพัทธ์ตะโกนตอบและเดินห่างออกไป
วทันยูส่ายหน้าไม่เข้าใจ ทำไมอนพัทธ์ถึงโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงขนาดนี้? ถ้าไม่ชอบของฝากก็แค่รับไปโยนทิ้งไว้ที่ห้องก็ได้ ไม่เห็นต้องโกรธเลย 
ฉันรู้ไม่ว่าจะไปเจอเขาได้ที่ไหน
เสียงหญิงสาวยังก้องอยู่ในหัว สงสัยจะทะเลาะกัน  ดีกันเมื่อไรคงจะมาขอคืนเองนั่นแหละ
 วทันยูจำต้องหิ้วถุงใบนั้นกลับเข้าห้อง เพราะอาจารย์ประจำวิชาเดินเข้าห้องเรียนแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น