ซีรีย์นิยายชุด Diary Love เรื่อง โลกกลมหรือพรหมลิขิต ตอนที่ 4



ตอนที่ 4 ขอเป็นคนพิเศษของเธอสักวัน

อรปรียากำลังทบทวนบทเรียนที่ชายหนุ่มเพิ่งติวให้ พร้อมกับอมยิ้มเมื่อนึกถึงติวเตอร์คนเก่ง
 เฮ้ย! ไอ้อรออกมาสอนพวกฉันหน่อยสิ ไอ้แบบฝึกหัดบ้านี่มันต้องทำยังไงวะเสียงวาสินีดังแว่วเข้ามาอย่างหงุดหงิด
เออๆ รอแป๊บนึงอรปรียาตอบเพื่อน แล้วปิดหนังสือในมือและออกไปดูหนังสือกับเพื่อนที่ห้องนั่นเล่น
แกเข้าไปทำอะไรวะ ตั้งนานสองนานวาสินีถามอย่างสงสัย
ก็อ่านหนังสืออรปรียาตอบแต่ใบหน้าระเรื่อขึ้น
หนังสืออะไรวะ ทำไมแกต้องหน้าแดงด้วยวาสินีซักอย่างสงสัย
หนังสือเรียนอรปรียาตอบพร้อมยิ้มเขิน
ฮั่นแนะ..แกอย่ามาขี้จุ สารภาพมาซะดีๆ ว่าแกแอบดูหนังสือโป๊มาใช่ไหมวาสินีคาดคั้น
อรปรียาหัวเราะขำใบหน้าแดงก่ำ ไม่ใช่แกนะจะได้แอบดูหนังสือโป๊
จะโป๊จะเปลือยก็ช่างมันเถอะ แต่ตอนนี้มาติวให้ฉันก่อน ฉันยังไม่อยากกินไข่ต้ม

ธีราภรณ์เอ่ยแทรกอย่างร้อนใจ เพราะนั่งอ่านมาครึ่งค่อนวัน แต่มันยังไม่ซึมเข้าสมองเธอเลยสักหน้ากระดาษเดียว

โอเคๆ เริ่มกันเลย เออ..พรุ่งนี้ฉันจะเอารถอีกคันไปนะ ตอนเย็นมีนัดกับ..เพื่อนอรปรียาบอก คำสุดท้ายแผ่วเบาอย่างลังเล สถานะของเธอกับเขายังห่างไกลคำว่า..เพื่อน..มากนัก
เออได้ แกเอาแจ๊ชไปก็แล้วกัน แล้วจะกลับมากินข้าวเย็นด้วยกันหรือเปล่าล่ะ?”ธีราภรณ์บอก ก่อนจะถามต่อ
 “ไม่ล่ะ จะไปห้องสมุดแล้วหาอะไรกินแถวนั้นเลย
โอเค จะได้ไม่ต้องรอวาสินีตอบรับ
สี่สาวมีรถยนต์สองคัน รถแจ๊ซของอรปรียาและยาริสของธีราภรณ์ แล้วมีมอเตอร์ไซด์อีกคันหนึ่ง โดยปกติสี่สาวมักจะไปไหนมาไหนด้วยรถคันเดียวอยู่แล้ว นอกจากใครมีธุระส่วนตัวจึงจะใช้รถอีกคัน ส่วนมอเตอร์ไซด์เอาไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน
ถึงแม้สี่สาวจะอยู่บ้านเดียวกันเรียนวิชาเดียว แต่ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลา แค่บอกให้เพื่อนๆรู้ว่าตนจะไปทำอะไร ที่ไหน เพื่อความสบายไม่ต้องคอยห่วงพะวง เพราะทุกคนต่างก็โตๆกันแล้ว ดูแลตัวเองได้ สี่สาวจึงอยู่ด้วยกันด้วยความสบายใจ

*************
            วทันยูเดินออกจากห้องเรียนวิชาสุดท้ายพร้อมฮัมเพลงเบาๆอย่างอารมณ์ดี วันนี้เขาแต่งตัวเนี๊ยบเป็นพิเศษแถมยังส่องกระจกนานจนรูมเมทแซว
อะไรวะไอ้ทัน แกจะหวีผมให้มันครบหมดทุกเส้นเลยหรือไง?”
เปล่า เอ่อ.. แกว่าฉันหล่อหรือยัง?”เขาถามเพื่อนอย่างเขินๆ
ตั้งแต่รู้จักกันมา ฉันก็ไม่เคยเห็นวันไหนที่แกไม่หล่อเลยนะ อ๊ะ วันนี้แกมีอะไรพิเศษหรือเปล่า?”
เฮ้ย! เปล๊า ฉันไปเรียนล่ะ
วทันยูรีบออกจากห้องก่อนที่จะถูกเพื่อนซักไปมากกว่านี้ เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกตื่นเต้นและมีความสุขจนอยากร้องเพลงออกมาดังๆ นี่หรือเปล่าที่เขาเรียกว่า.. โรครักกำเริบ... สงสัยเขาคงจะมีอาการหนักถึงขั้นโคม่าแน่ๆ เพราะไม่ว่ามองจะไปทางไหนก็มีแต่หน้าเธอ

ชายหนุ่มขับรถมุ่งสู่ตึกห้องสมุดด้วยรอยยิ้มละไม หัวใจเขาโบยบินไปหาเจ้าของที่โต๊ะตัวนั้นตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ทันทีที่เลี้ยวรถเข้าลานจอดรถข้างตึกห้องสมุด หน้าบานๆของเขาก็หุบลงฉบับพลัน ภาพชายหนุ่มที่ เขาก็รู้ว่าใครกับเธอคนนั้นทำให้เขาแทบจะเลี้ยวรถกลับ แต่อีกใจหนึ่งก็อยากรู้ว่าเธอจะทำยังไงในเมื่อเธอมีนัดกับเขา..แต่เมื่อใครคนนั้นมา เธอจะยกเลิกนัดกับเขาไหม ? เมื่อดับเครื่องยนต์แล้วเขาก็ยังคงนั่งแช่อยู่บนรถ รอดูเหตุการณ์ต่อไป
ทั้งคู่ยืนคุยกันอยู่ครู่หนึ่งฝ่ายชายก็โบกมือลาแล้วเดินจากไป ฝ่ายหญิงมองตามพลางถอนใจ ก่อนหมุนตัวจะเดินตรงไปยังห้องสมุด

วทันยูลงจากรถเดินตามเธอไปเงียบๆ
อร
เสียงเรียกเบาๆนั้นทำให้หญิงสาวหันขวับกลับมามอง
อ้าว เพิ่งมาเหมือนถึงเหมือนกันเหรอคะ?”ใบหน้าที่หันมามองหน้านั้นมีรอยยิ้มยินดี
ครับ
ชายหนุ่มตอบรับ พลางลอบถอนใจอย่างอึดอัด รู้สึกเหมือนเขากำลังหักหลังเพื่อนรักอย่างเลือดเย็น
คุณหิวหรือยังคะ?”
อื่อ ก็นิดหน่อยครับชายหนุ่มตอบรับ
งั้น ไปหาอะไรกินกันก่อนแล้วเนอะ แต่บอกไว้ก่อนนะว่าฉันไม่รวย เพราะฉะนั้นคงจะเลี้ยงที่ร้านหรูๆไม่ไหว
ไม่เป็นไร กินที่โรงอาหารก็ได้
เอางั้นเลยเหรอ แต่ฉันมีร้านร้านนึงอยากพาคุณไปแล้วสิ
หญิงสาวยิ้มให้เขาอย่างสดใสก่อนเดินนำไปที่รถ รอยยิ้มขี้เล่นนั้นทำให้ชายหนุ่มเดินตามราวต้องมนต์
เอารถไปคันเดียวดีกว่านะ ประหยัดน้ำมันช่วยชาติชายหนุ่มเสนอเมื่อเดินมาถึงรถสีน้ำเงินสดที่เขาคุ้นตา
อรปรียาพยักหน้าเห็นด้วย งั้นเอารถฉันไปก็แล้วกัน
วทันยูพยักหน้าตกลง เดี๋ยวผมขับเอง คุณช่วยบอกทางก็แล้วกัน
หญิงสาวลังเลนิดหนึ่งก่อนจะยื่นกุญแจให้ และเดินอ้อมไปนั่งอีกด้าน
ทางไปสนามบินค่ะ
หญิงสาวบอกทาง ชายหนุ่มก็ขับรถมุ่งสู่ทิศทางนั้นทันที

 “คุณรู้จักกับพัทธ์มานานแล้วหรือ?”ชายหนุ่มเอ่ยถามหลังจากนั่งเงียบๆกันมาได้ครู่หนึ่ง
ก็ตั้งแต่ม.4หญิงสาวตอบรับเสียงใส
ม.สี่ ก็หกปีแล้วสินะ เขาพบเธอยังไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ ชายหนุ่มคิดอย่างเศร้าใจ
อ๊ะ เลี้ยวขวาตรงสี่แยกหน้าค่ะหญิงสาวบอกเมื่อรถใกล้ถึงสี่แยกไฟแดง
มาบ่อยเหรอ?”เขาถามอย่างสนใจ
หญิงสาวชูนิ้วชี้ขึ้นนิ้วเดียว ครั้งเดียว บรรยากาศดี อาหารอร่อย แต่ได้น้อยไปนิดดดด เพื่อนๆฉันบอกว่า ต้องการปริมาณมากกว่าคุณภาพคนพูดแสร้งทำหน้าเศร้า
วทันยูยิ้มอ่อนโยนให้คนข้างๆทำไมไม่ชวนคนพิเศษมาล่ะ?”
ชายหนุ่มอยากตบปากตัวเองยิ่งนักที่ไม่คิดดีๆก่อนจะพูดอะไร เห็นอีกฝ่ายชะงักอึกอักเขาก็ยิ่งใจเสีย กำลังจะเอ่ยขอโทษ เธอก็เอ่ยขึ้นเบาๆ
คนพิเศษเหรอ ใครล่ะคะ?” ถ้ามีก็พามานานแล้ว...อรปรียาบอกต่อในใจ
ชายหนุ่มชะงัก เกือบจะตอบว่า อนพัทธ์แต่เขากัดลิ้นตัวเองไว้ทัน
ผมไงชายหนุ่มแกล้งเย้าเป็นการลองเชิง
หญิงสาวชะงักมองหน้าตาโต ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อรู้ว่าเขาล้อเล่น ก่อนจะแกล้งตอบกลับไปบ้าง
อย่ามาแกล้งอำ ให้ดีใจเล่นหน่อยเลย
คำพูดนั้นทำให้หัวใจคนฟังกระตุกอย่างแรง
อย่ามาแกล้งอำ ให้ดีใจเล่นหน่อยเลยเธอจะดีใจจริงๆเหรอ ถ้าเขาขอเป็นคนพิเศษของเธอจริงๆ แค่คิดใบหน้าเขาก็ร้อนผ่าวขึ้นทันที
 ไม่สบายหรือคะ? ทำไมหน้าแดงจัง?”อรปรียาถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นใบหน้าของคนข้างๆสีเข้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ปละ.. เปล่า ผมรู้สึกร้อนๆน่ะวทันยูอึกอัก
เหรอคะ? โทษที ฉันขี้หนาวหญิงสาวบอกพลางปรับเพิ่มแอร์ให้
ชายหนุ่มอยากห้ามแต่ก็ไม่รู้จะหาข้อแก้ตัวอะไรอีก จึงจำต้องปล่อยเลยตามเลย
ปรับแอร์เสร็จหญิงสาวก็เปิดเครื่องเสียงติดรถยนต์อย่างคุ้นเคย เสียงเพลงเบาๆก็ดังนั้น

                        อาจจะดูเหมือนไม่มี อะไรที่แปลผัน
            อาจจะดูเหมือนทุกวันที่ผ่านมา
            แต่ความจริงแล้วข้างใน เริ่มจะเกิดปัญหา
            ให้เธอลองมองที่ตา แล้วจะเข้าใจ

            ก็มันมีเรื่องราวเปลี่ยนไป ไม่เหมือนก่อน
            ความห่วงหา เอื้ออาทรไม่เหมือนเดิม
            ใช่มันจะน้อยลง แปลกตรงที่มันดันเพิ่ม
            ก่อตัวเกินกว่าเพื่อนจะคิดกัน

            หากเธอนั้น ได้รู้อะไรบางอย่าง
            ว่าคนที่เคยเคียงข้าง บางอย่างได้เปลี่ยนไป
            อยากจะรู้ ว่าเธอรับได้หรือไม่
            และฉันต้องทำยังไง เมื่อเพื่อนคนนี้เปลี่ยนไป
            เป็นรักเธอ

                                  ****
เนื้อเพลงนั้นทำให้ชายหนุ่มสะอึก เพราะมันช่างตรงกับใจเขาตอนนี้เหลือเกิน แถมเสียงใสยังร้องคลออย่างอารมณ์ดีอีกต่างหาก
ชอบเพลงนี้เหรอ?”
ชายหนุ่มเอ่ยถาม อรปรียาหันมายิ้มหวาน
อื่อเพราะดี แล้วจะมีใครแอบชอบเพื่อนอย่างนี้ไหมนะ?”
คำถามนั้นเป็นการชวนคุยมากกว่าจะสนใจจริงจัง แต่โดนใจคนฟังเต็มๆ วทันยูอยากจะบอกเหลือเกินว่าเขานี้ไงที่กำลังเป็นอยู่ในตอนนี้
หากเธอนั้น ได้รู้อะไรบางอย่าง
            ว่าคนที่เคยเคียงข้าง บางอย่างได้เปลี่ยนไป
            อยากจะรู้ ว่าเธอรับได้หรือไม่
และฉันต้องทำยังไง เมื่อเพื่อนคนนี้เปลี่ยนไป
            เป็นรักเธอ

เธอจะรับได้ไหม ถ้ารู้ว่าเขาคิดยังไงกับเธอ เธอยังจะกล้าไปไหนมาไหนกับเขาเพียงลำพังแบบนี้หรือเปล่า...หรือว่าเธออาจจะเกลียดหน้าเขาไปเลยก็ได้   วทันยูบอกตัวเองพร้อมถอนใจเบาๆ

ไม่ชอบเหรอคะ?”อรปรีถามพร้อมกับเปลี่ยนเพลง

                      ****
          แม้ไม่ใช่คนโปรดอย่างคนอื่นเขา แม้จะดูว่างเปล่าในสายตาเธอ
                        ไม่เคยทำให้คำว่าฉันรักเธอ ลดน้อยลงได้เลยสักวัน
                        ** ขอเพียงเธอไม่ลืมว่าใครอยู่ตรงนี้ ขอเพียงมีสักคำว่าคิดถึงกัน
                        แค่นั้นก็เกินพอให้คนอย่างฉัน ฝันดียิ่งกว่าคืนไหน
                        **ไม่ว่าเป็นที่เท่าไหร่ของเธอ เธอก็คือที่สุดเสมอไป
                        ถ้าเผื่อเธอพอมีเหลือแม้เพียงเสี้ยวใจ จะแบ่งปันให้ฉันบ้างหรือเปล่า
                        **และคนๆหนึ่งซึ่งไม่สำคัญ ก็ยังเฝ้ารอสักวันของเรา
                        แค่อยากได้ยินว่ารักซักคำเบาๆ ให้ฉันได้หรือเปล่าคนดี         
                                    รักฉันบ้างหรือเปล่าคนดี
                                  *******
คราวนี้วทันยูถอนใจเฮือกใหญ่เลยทีเดียว ทำไมคุณชอบฟังเพลงแบบนี้จัง?”
ก็มันเพราะดีออก ทำไมไม่ชอบเหรอ? หรือว่ามันแทงใจดำ?”อรปรียาแกล้งถามยิ้มๆ
ชายหนุ่มยิ้มเขิน ไม่ยอมตอบ
ฮั่นแน่ะ... แอบรักใครอยู่ใช่ม๊า? สารภาพมาซะดีๆ ปรึกษาได้นะหญิงสาวเสนอตัวตาเป็นประกาย
วทันยูส่ายหน้า แต่หน้าแดงอย่างเห็นได้ชัด
ผู้ชายอะไรหน้าแดงก็เป็นด้วย อรปรียาแอบค่อนอยู่ในใจ
เชี่ยวชาญเรื่องรักนักหรือไง ถึงได้ตั้งตัวเป็นที่ปรึกษาปัญหาหัวใจให้ใครๆเขาน่ะวทันยูถามยิ้มๆ อย่างเขินๆ
แหม จะหาว่าคุย ตั้งแต่เปิดตัวเป็นศิราณีมาเนี่ย
หญิงสาวแกล้งหยุดพูด คนอยากรู้จึงต้องซักต่อ
แล้วกิจการเป็นไงล่ะ?”
ยังไม่มีลูกค้าเลยสักราย
อรปรียาแกล้งซับน้ำตา วทันยูจึงหัวเราะขัน ยิ่งรู้จักก็ยิ่งชอบ เธอไม่เหมือนผู้หญิงสักคนที่เขาเคยรู้จักมา น่ารักแถมยังมีอารมณ์ขันเหลือเฟือ มิน่าล่ะถึงเอาอนพัทธ์อยู่ คิดถึงตรงนี้ชายหนุ่มก็ถอนใจอีก
มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า? เอ๊ะ..หรือว่าคุณกำลังกลุ้มใจที่ต้องมากินข้าวกับฉัน?”อรปรียาถามอย่างนึกได้
 ตายล่ะหว่า ฉันไปฉกแฟนใครมาควงวะเนี่ย กลับไปจะโดนตบล้างน้ำไหมวะ ไอ้อรเอ๊ย ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดีหญิงสาวนึกตำหนิตัวเองอย่างกลุ้มใจ
 ไม่ใช่...ทำไมคิดอย่างงั้น?”วทันยูถามกลับอย่างตกใจ
ก็คุณนั่งถอนใจเป็นรอบที่สิบแล้วนี่นา ขอโทษนะ ...ฉันลืมคิดไป คุณคงมีคนสำคัญที่ต้องคอยดูแล ฉันนี่แย่จังเลยอรปรียายิ้มแหยรู้สึกผิดจริงๆ
ไม่ใช่อย่างงั้น ผมแค่เสียดายเวลา ทำไมเราเพิ่งมาเจอกันนะ?”ชายหนุ่มพูดออกไปตามความรู้สึก ทำไมเขาถึงได้รู้จักเธอช้ากว่าเขาคนนั้นตั้งหกปี
หญิงสาวกระพริบตาปริบ อ้าว เค้าไม่ได้กลุ่มใจที่ต้องมากินข้าวกับเราหรอกเหรอ
คุณเชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหม?”ชายหนุ่มถามขึ้นลอยๆ
อื่อ..เชื่อสิ ที่เราได้เจอกัน..ก็เพราะพรหมลิขิตไงหญิงสาวตอบยิ้มๆ
คำตอบของเธอกระทบใจของอย่างจัง ที่เรามาพบกันเพราะพรหมลิขิตอย่างงั้นเหรอ แล้วพรหมลิขิตให้เรามาพบเพื่อเป็น...เพื่อนกัน..แค่นั้นใช่ไหม

          **และคนๆหนึ่งซึ่งไม่สำคัญ ก็ยังเฝ้ารอสักวันของเรา
                        แค่อยากได้ยินว่ารักซักคำเบาๆ ให้ฉันได้หรือเปล่าคนดี                                             
                                  *******

อ๊ะ ถึงแล้ว ร้านข้างหน้านั่นแหละค่ะ
เสียงของหญิงสาวช่วยปลุกเขาออกมาจากห้วงความคิด ชายหนุ่มชะลอรถก่อนจะเลี้ยวไปยังลานจอดรถ ซึ่งว่างมากเพราะร้านเพิ่งจะเปิดบริการ แสงสีทองของพระอาทิตย์เพิ่งจะเลือนหายไปจากขอบฟ้า

ร้านอาหารนั้นเป็นเรือนไม้ชั้นเดียวยกพื้นสูง ตรงทางเดินทำเป็นซุ้ม มีไม้เลื้อย จำพวกเล็บมือนาง พวงแสดขึ้นพันเป็นซุ้มหลังคา กลิ่นดอกเล็บมือนางหอมฟุ้งขจรขจายไปทั่วบริเวณ
สองหนุ่มสาวเดินตามพนักงานต้อนรับเข้าไปในร้าน ซึ่งตอนนี้มีลูกค้าเพียงไม่กี่โต๊ะ หญิงสาวเลือกโต๊ะตัวสุดท้ายที่ตั้งอยู่ในแพกลางน้ำ
บรรยากาศดีนะวทันยูเอ่ยขึ้นเมื่อนั่งลงเก้าอี้ตรงข้ามกับหญิงสาว
ใช่ค่ะ บรรยากาศโรแมนติกมาก เหมาะจะมากับแฟน หญิงสาวบอกต่อในใจ
เฮ้อ อีกสองเดือนก็จึงวันวาเลนไทน์แล้ว ยังหาแฟนไม่ได้เลย สงสัยเป็นวาเลนไทน์ที่แสนเดียวดายอีกตามเคย อรปรียาคิดเศร้าๆ
เป็นอะไร ถอนใจเฮือกเชียว
แหะๆ คิดอะไรเรื่อยเปื่อย เอ้าสั่งอาหารสิ เต็มที่ไม่ต้องเกรงใจหญิงสาวยื่นเมนูอาหารส่งให้
คุณสั่งดีกว่า ผมไม่รู้ว่าอะไรอร่อยวทันยูปฏิเสธยิ้มๆ
แต่ฉันเลี้ยงคุณนะ จะเป็นคนสั่งเองได้ไงอรปรียาท้วง
อะไรก็ได้ ผมกินได้หมดแหละ
งั้น เลือกช่วยกัน จะได้ไม่ต้องเกี่ยงกันหญิงสาวเสนอ พร้อมวางเมนูอาหารลงบนโต๊ะ
เอาอันนี้ดีไหม?”อรปรียาชี้ที่ปลาช่อนลุยสวน
เผ็ดไป เอาอะไรที่ไม่เผ็ดดีกว่า
คุณกินเผ็ดไม่ได้หรือ?”หญิงสาวถามอย่างแปลกใจ
ชายหนุ่มอมยิ้มไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ
ฉันเหมือนกัน เคยกินเผ็ด แล้วมากินจืดๆ ไม่อร่อยเลยเนอะอรปรียาว่าพลางเปิดกระเป๋าสะพาย ก่อนอุทาน
โอ๊ะ ตายล่ะ ลืมยา
ทำไมไม่พกติดตัวไว้ตลอดล่ะชายหนุ่มนิ่วหน้าทำเสียงดุ
ไม่เป็นไรๆ กลับไปค่อยกินก็ได้หญิงสาวบอกอย่างไม่ทุกข์ร้อน
คิดอย่างนั้นได้ไง แล้วเมื่อไหร่จะหายชายหนุ่มทำเสียงเข้มราวกับดุเด็ก
จ้าๆ คราวหลังจะไม่ลืมแล้ว อย่าดุนักได้ไหม กลัวแล้วจ้าหญิงสาวยิ้มกว้างล้อเลียน
ชายหนุ่มจึงรู้ตัว เขายิ้มเขินหน้าแดงระเรื่อ
ทั้งสองช่วยกันสั่งอาหาร ซึ่งเป็นอาหารที่รสไม่จัดเกินไป เมื่อพนักเสิร์ฟเดินจากไปแล้ว อรปรียาก็มองไปยังท้องฟ้าทิศตะวันออก
พระจันทร์สวยจังหญิงสาวอุทานเบาๆ
วทันยูมองตามบ้าง นั่นสิ
เขารู้สึกว่าพระจันทร์วันนี้สวยกว่าทุกวันที่เคยเห็น ความจริงแล้วเขาไม่เคยสนใจจะมองมันมากกว่า แต่วันนี้เขากลับอยากจะนั่งมองมันอย่างนี้..ทั้งคืน
 พรุ่งนี้วันเสาร์ จะไปห้องสมุดไหม?”ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงอ่อนโยน
พรุ่งนี้หรือคะ อืม..นัดเพื่อนไว้น่ะค่ะไม่แน่ใจว่าจะไปได้หรือเปล่าหญิงสาวตอบอย่างลังเล
ชายหนุ่มเมินหน้าหนีอย่างปวดใจ เมื่อกี้เขาคงจะนัดเจอกัน ..ก็เขาเป็นแฟนกันมีนัดกันมันก็เป็นเรื่องปกติ เราต่างหากที่ผิดปกติที่คิดจะนัดเจอกับแฟนคนอื่น
เอ่อ.. จริงสิ
ชายหนุ่มเปิดกระเป๋าสะพายก่อนหยิบสมุดเล่นหนึ่งออกมายื่นให้หญิงสาว
แลกเซอร์เก่า สกปรกหน่อยนะเพราะเก็บไว้นานแล้ว
อรปรียาเปิดดูแล้วอย่างพิจารณาก่อนจะยิ้มกว้าง เขาเป็นผู้ชายที่มีระเบียบทีเดียว ดูจากสมุดของเขาที่สะอาดชนิดที่เธอเทียบไม่ติด
ตัวหนังสือคุณสวยจังหญิงสาวเอ่ยชม
วทันยูยิ้มเขิน ผมจดข้อสอบที่อาจารย์ออกตอนที่ผมเรียนเอาไว้ด้วย แต่ไม่รู้ว่าอาจารย์จะออกเหมือนเดิมหรือเปล่านะ
ดีจัง!”หญิงสาวอุทานอย่างยินดี เพราะเป็นวิชาที่เธอไม่ถนัดเลย ได้แนวข้อสอบมาก่อนก็คงพอจะช่วยได้บ้าง
พี่คร้าบ ซื้อดอกไม้สวยๆให้แฟนไหมคร้าบ?”
เด็กชายอายุประมาณเจ็ดแปดขวบคนหนึ่ง หอบดอกกุหลาบที่ห่อเป็นช่อๆเดินเร่เข้ามาถาม วทันยูลังเลก่อนถามเบาๆ
ขายยังไงล่ะน้อง?”
ช่อล่ะยี่สิบครับ
เอามาช่อหนึ่งเขาบอกพร้อมควักแบงค์ยี่สิบให้เด็กคนนั้นไปหนึ่งใบ
ขอบคุณครับเด็กยื่นดอกไม้ให้ ก่อนไหว้ขอบคุณและรับเงินไป แล้วเดินไปหาลูกค้าโต๊ะอื่น
ชายหนุ่มยิ้มเขินก่อนยื่นดอกไม้ให้คนตรงหน้า  หญิงสาวตาโตหน้าแดงก่ำทันที
รับเพื่อนเพิ่มอีกสักคนจะได้ไหมครับ?”
เธอลังเลอยู่ครู่ก่อนจะยอมรับดอกไม้ช่อนั้น ก็เขาขอเป็นเพื่อนแค่นั้นนี่นา
ด้วยความยินดีค่ะ
คำตอบที่ได้รับทำให้เขาอยากถามต่อเหลือเกิน ถ้าขอเป็นมากว่าเพื่อน คุณจะตอบเหมือนเดิมไหม แต่ภาพชายหนุ่มอีกคนก็แทรกขึ้นมาทำให้เขาต้องสลัดความคิดนั้นทิ้งไปเสีย

เด็กเสิร์ฟเริ่มอาหารเริ่มทยอยเอาอาหารมาวางบนโต๊ะ ชายหนุ่มก็ตักอาหารใส่จานของหญิงสาวจนพูนจาน
พอแล้ว จะขุนให้อ้วนเป็นหมูหรือไง?”หญิงสาวทำเสียงดุ แต่ยิ้มเขินๆ
ตัวคุณผอมจะปลิวตามลมได้อยู่แล้ว กินแค่นี้ไม่อ้วนหรอกชายหนุ่มว่าพร้อมตักกับข้าวให้อีก
พอแล้ว ถ้าตักให้อีกจะโกรธแล้วนะหญิงสาวแกล้งขู่
กลัวแล้วคร้าบ อย่าโกรธผมเลยชายหนุ่มแสร้งทำคอหดคล้ายหวาดกลัว
อรปรียาจึงส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนจะตักกับข้าวใส่จานเขาบ้าง
เอ้า กินเยอะๆ จะได้โตเร็วๆหญิงสาวว่า
วทันยูยิ้มกว้าง ความสุขเอ่อล้นจนแทบทะลัก ถ้าเจอยักษ์ในตะเกียงวิเศษตอนนี้จัง เขาจะขอพรเพียงข้อเดียวเท่านั้นขอให้หยุดเวลานี้ไว้ชั่วนิรันดร์
ทั้งคู่นั่งกินข้าวพลางคุยกันพลาง ทั้งๆที่เพิ่งคุยกันได้แค่เพียงสองวัน แต่กลับมีเรื่องคุยกันได้ไม่รู้จบเหมือนคนที่คุ้นเคยกันมานานหลายปี
ยิ่งได้รู้จัก เขาก็ยิ่งประทับใจ ไม่ใช่แค่หน้าตาน่ารักโดนใจ แต่นิสัยของเธอกับเขายังคล้ายๆกันอีกด้วย อยากจะบอกว่า..ใช่เลย ที่รอมานานที่ใจต้องการประมาณนี้เลย  แต่เขาก็พูดออกไปไม่ได้เพราะรู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์...ผิดที่มาเจอกันช้าไป
  
เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ รู้เพียงว่าตอนนี้ ที่เวทียกพื้นขึ้นเล็กน้อยมีนักดนตรีและนักร้องขึ้นมาทำหน้าที่ของตนแล้ว
เสียงนักร้องชายนุ่มๆกำลังขับร้องเพลงรักหวานๆ ทำให้หนุ่มสาวทั้งคู่หันมาสบตากัน ก่อนที่ฝ่ายหญิงจะมองเมินอย่างเขินอาย
                                  ****
ไม่มีมากไป ไม่มีน้อยไป
ถูกใจทุกอย่าง
ใช่เลย คือเธอแน่นอน
บอกกันได้เลย ที่เคยต้องการ
ประมาณนี้เลย ใช่เลย

* ต้องสวยขนาดนั้น
ต้องหวานขนาดนี้
ทุกอย่างกำลังดี คนนี้ใช่เลย
อย่าสวยไปกว่านั้น
อย่าหวานไปกว่านี้
เอาแค่ที่เธอมี แค่นี้ได้เลย

ใช่เลย คือคนนี้เลย
ที่รอตั้งนาน ที่ใจต้องการ
ประมาณนี้เลย ใช่เลย

** ต้องสวยขนาดนั้น
ต้องหวานขนาดนี้
ทุกอย่างกำลังดี คนนี้ใช่เลย
อย่าสวยไปกว่านั้น
อย่าหวานไปกว่านี้
สรุปว่าพอดี กับใจฉันเลย ใช่เลย

นึกไม่ถึงมีคนอย่างเธอ ด้วยซ้ำไป
นึกไม่ถึงว่าเธอจะมีตัวตน
จะพูดไงดี
อย่างเงี้ยะต้องบอก ใช่เลย
ใช่เลย ใช่เลย
                                  *****

วทันยูอยากจะให้ทิปนักร้องหนุ่มสักพัน ที่ร้องเพลงโดนใจเขามากวันนี้ แต่ก็กลัวหญิงสาวตรงหน้าจะรู้ความในใจ ความจริงเขาก็อยากให้เธอรู้ใจจะขาด ถ้าไม่ติดคำว่า แฟนเพื่อน เฮ้อ ทำไมเขาถึงเจอเธอก่อนอนพัทธ์นะ
ที่เราได้เจอกัน..ก็เพราะพรหมลิขิตไง พระพรหมอยู่ไหนนะ ทำไมไม่ลิขิตให้เขาเจอเธอก่อนหน้านี้ ทำไมต้องให้เขาเป็นคนที่มาทีหลัง แล้วผู้ชายคนนั้นยังเป็นเพื่อนรักของเขาอีก

รักเอย ความรักคืออะไร ใครนะใคร..เสียงโทรศัพท์มือถือของอรปรียาดังขึ้น หญิงสาวคว้ามันออกมาจากกระเป๋าก่อนกดรับ
จ้า
ไอ้อร แกอยู่ไหนวะ?” เสียงวาสินีถาม
กินข้าวอยู่กับ...เพื่อนเธอมองหน้าเขานิดหนึ่ง ก่อนจะลดเสียงให้เบาลง
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว.. สงสัยไอ้พัทธ์โทรมา
เหรอ..แล้วกินเสร็จยัง
จ๊ะ
แกจะกลับเลยไหม หรือว่าจะไปเที่ยวต่อ
 ไม่ล่ะ จะกลับเลย มีอะไรหรือเปล่า
เปล่า แค่เป็นห่วง งั้นก็แค่นี้แหล่ะวาสินีกดวางสาย

 “มีอะไรหรือเปล่า ?” วทันยูเอ่ยถามเบาๆ
เปล่าค่ะ เพื่อนแค่เป็นห่วง  คงเห็นว่าดึกแล้วอรปรียาตอบยิ้มๆ
งั้นก็กลับกันเถอะชายหนุ่มบอกอย่างเสียดาย
น้องๆคิดตังค์ด้วย ชายหนุ่มยกมือเรียกพนักงานเสิร์ฟ
อรปรียาเตรียมกระเป๋าสตางค์ แต่วทันยูบอกยิ้มๆ
เดี๋ยวผมจ่ายเอง
ได้ไง ฉันเลี้ยงคุณนะหญิงสาวเอะอะคัดค้าน
เห็นแก่หน้าผมเถอะนะ มากินข้าวแล้วให้ผู้หญิงจ่าย คนอื่นเขาจะคิดยังไง?”
อรปรียาชะงัก ก็ได้ งั้นฉันจ่ายคืนให้บนรถ
วทันยูยิ้มไม่ตอบรับ

เมื่อจ่ายเงินค่าอาหารแล้ว ทั้งคู่ก็เดินตามกันไปที่รถ อรปรียายื่นเงินให้ แต่วทันยูเมินทำมองไม่เห็นเดินไปเปิดประตูด้านคนขับเฉยเสีย หญิงสาวมองตามทั้งฉุนทั้งขำ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูอีกด้านก้าวขึ้นไปนั่งบ้าง
นี่จะรับหรือไม่รับ
อรปรียาถามอย่างเหลืออด เมื่อวทันยูยังคงมองเมินเงินในมือเธอ
ไม่รับ
ชายหนุ่มหันมายิ้ม แถมทำหน้าทะเล้นล้อเลียน หญิงสาวจึงพยายามจะยัดเงินใส่มือเขา แต่ชายหนุ่มบิดมือหนี
นี่จะหลอกแต๊ะอั๋งกันหรือไง?”ชายหนุ่มแกล้งกระบิดกระบวนราวหญิงสาวถูกลวนลาม
ใครเค้าอยากแต๊ะอั๋งตัวเองล่ะอรปรียามองค้อนหน้าแดงก่ำ
อ๊ะ แล้วใครมาจับมือเค้าล่ะ?”ชายหนุ่มทำหน้าทะเล้นกระเซ้ากลับ
อยากจับตายล่ะอรปรียาแบะปาก แต่หน้าแดงระเรื่อ
วทันยูมองหน้าคนข้างๆ แล้วยิ้มกว้าง ก่อนออกรถอย่างอารมณ์ดี

นี่จะไม่รับจริงๆหรือ?”
หญิงสาวพยายามอีกครั้งหลังจากที่นั่งรถมาได้สักพัก วทันยูส่ายหน้า
เอาไว้คุณค่อยเลี้ยงคราวหน้าก็แล้วกันนะ
แล้วเมื่อไหร่ล่ะ?”
“every times when you free”
หญิงสาวเมินหน้าออกนอกหน้าต่าง แอบยิ้มในใจอย่างมีความสุข ทุกเวลาที่คุณว่างหรือ? จะแปลเข้าข้างตัวเองได้ไหมนะ

รถแจ๊ชสีน้ำเงินสดวิ่งมาจอดหน้าตึกห้องสมุด ชายหนุ่มร่างสูงก้าวลง เขาก้มลงสบตากับคนที่ขยับมานั่งตรงตำแหน่งคนขับแทน
ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้ เป็นมื้อที่พิเศษที่สุดสำหรับผมเขากล่าวจากใจจริง
อรปรียายิ้มรับ อยากบอกเขาเหลือเกินว่า สำหรับเธอแล้ว มันยิ่งกว่าคำว่า... พิเศษที่สุด แต่เพราะใจยังไม่กล้าพอ เธอจึงทำได้เพียงแค่ยิ้มเท่านั้น
หลับฝันดีนะครับชายหนุ่มยิ้มให้ ก่อนก้าวถอยห่าง
เช่นกันค่ะ หญิงสาวยิ้มหวาน ก่อนจะขับรถเคลื่อนจากไป
ชายหนุ่มมองตาม พร้อมรอยยิ้มละไม

เสียงเพลงที่ร้านอาหารยังลอยวนอยู่ในหัว

นึกไม่ถึงมีคนอย่างเธอ ด้วยซ้ำไป
นึกไม่ถึงว่าเธอจะมีตัวตน
จะพูดไงดี
อย่างเงี้ยะต้องบอก ใช่เลย
ใช่เลย ใช่เลย

ชายหนุ่มร้องเพลงเบาๆ ก่อนหัวเราะอย่างมีความสุข

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น