ซีรีย์นิยายชุด Diary Love เรื่อง โลกกลมหรือพรหมลิขิต ตอนที่ 5


ตอนที่ 5 มุมเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ของหัวใจสองดวง

วันอาทิตย์ อรปรียาอยู่ว่างๆก็เลยขับรถมาที่ห้องสมุดเพื่อคืนหนังสือที่ถึงกำหนดส่งคืน หญิงสาวลังเลนิดหนึ่ง ว่าจะยืมเรื่องใหม่ดีไหม แต่เมื่อดูนาฬิกา เพิ่งจะบ่ายสามโมง หญิงสาวจึงเดินไปที่ลิฟท์กดไปชั้นสาม เมื่อลิฟท์เปิดออก หญิงสาวก็เดินตรงดิ่งไปยังห้องนวนิยายและวรรณกรรมอย่างคุ้นเคย

อรปรียาเลือกหนังสือนิยายได้แล้วเรื่องหนึ่ง มีสองเล่มจบ กำลังคิดว่าจะอ่านที่นี่ก่อนหรือกลับบ้านเลย แต่เมื่อมองไปยังโต๊ะตัวเดิมที่เธอเคยนั่งประจำ หัวใจเธอก็กระตุกวาบก่อนจะเต้นถี่ขึ้นอย่างยินดีปรีดา

โต๊ะตัวนั้น...มุมประจำของเธอ ตอนนี้มีคนนั่งจับจองแล้ว เขานั่งตรงเก้าตัวเดิมที่เคยนั่งเมื่อวันนั้น กำลังตั้งใจอ่านหนังสือในมือ หญิงสาวยิ้มกับตัวเองก่อนจะเดินตรงเข้าไปหา
ตรงนี้ว่างไหมคะ?
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นทันควัน แววตายินดีฉายชัด
ว่างครับ ตรงหัวใจผมก็ว่างด้วย... เขาบอกต่อในใจอย่างขันๆ
มีสอบหรือคะ? ฉันมากวนคุณหรือเปล่า?หญิงสาวถามต่ออย่างเกรงใจ
ไม่กวนเลย ผมกำลังต้องการเพื่อนนั่งอ่านหนังสืออยู่พอดีชายหนุ่มยิ้มกว้าง
หญิงสาวยิ้มตอบก่อนทรุดนั่งที่เก้าอี้ตรงกันข้าม
หนังสืออะไรน่ะ?ชายหนุ่มมองหนังสือในมือหญิงสาวอย่างสนใจ
นิยายอรปรียาตอบพลางชูหนังสือในมือให้เขาดู
 “สนุกเหรอ?เขาถามเพราะเห็นแววตาเปี่ยมสุขของคนตรงหน้า
อื่อ สนุก ชอบมากก...คนตอบลากเสียงแสดงว่าชอบจริงๆ
ดูบ้างดิชายหนุ่มแบมือขอ
อื่อหญิงสาวยื่นหนังสือในมือให้เขาเล่มหนึ่ง
อ้าวเล่มหนึ่ง แล้วคุณไม่อ่านเหรอชายหนุ่มถามพลางส่งหนังสือในมือคืนแล้วหยิบอีกเล่มไปเปิดดู
ฉันอ่านตั้งหลายรอบ แต่ก็ชอบ ก็เลยอ่านอีกอรปรียาบอกยิ้มๆ
สนุกขนาดนั้นเลยเหรอชายหนุ่มถามอย่างสนใจ
มันเป็นความชอบส่วนบุคคลน่ะค่ะ ฉันชอบอ่านนิยาย ฉันก็ว่านิยายทุกเรื่องสนุกหมดแหละ
ผมเคยอ่านแต่นิยายจีนกำลังภายใน แล้วก็เรื่องเพชรพระอุมาชายหนุ่มบอก
อรก็เคยอ่าน สนุกดีอรปรียาบอกพร้อมกับยิ้มกว้าง
วทันยูอมยิ้มตาเป็นประกาย อรก็เคยอ่าน คงจะเผลอถึงแทนชื่อตัวเองกับเขา อยากให้เธอแทนตัวเองว่า อรกับเขาตลอดไปจังเลย
ชายหนุ่มเปิดหนังสือ เล่มสองในมืออย่างสนใจ
ยืมไปอ่านไหม เดี๋ยวฉันไปหาเรื่องใหม่อรปรียาเสนอเมื่อเห็นเขาสนใจ
 อย่าเลย ผมแค่อ่านเล่นเฉยๆ
ชายหนุ่มส่ายหน้าปฏิเสธ เขานิ่งคิดนิดหนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นเบาๆอย่างลังเล
เอ่อ...อ่านด้วยกันได้ไหม?”
อึ้ง...หญิงสาวนิ่งอึ้งกับคำพูดนั้น หัวใจสั่นไหวระริกยิ่งสบกับสายตาแวววาวที่มองตรงมาอย่างคาดหวังก็ยิ่งหวั่นไหว จะเป็นไปได้ไหมที่เราจะเป็นอะไรที่...มากกว่าเพื่อนกัน

หญิงสาวพยักหน้ารับนิดเดียว..นิดเดียวจริงๆ แต่แค่นั้นก็ทำให้คนที่รอคอยคำตอบแทบกระโดดตัวลอยด้วยความดีใจ ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน เขาพยายามบังคับร่างที่สั่นระริกให้นิ่งสงบ โชคดีที่คนตรงหน้า นั่งก้มหน้านิ่งจึงมองไม่เห็นอาการขาสั่นของเขา     

ชายหนุ่มเดินอ้อมโต๊ะมานั่งเคียงข้างหญิงสาว แม้ร่างกายทุกส่วนของคู่ไม่ได้สัมผัสกันเลย แต่ความอบอุ่นจากร่ายกายของทั้งสองฝ่ายกลับแผ่ซ่านออกมาประสานกัน จนทำให้บรรยากาศรอบตัวทั้งคู่อบอุ่นอ่อนหวานคล้ายๆกับว่าห้องทั้งห้องอบอุ่นขึ้นทั้งๆที่แอร์เย็นจัด

ความรัก....เสลาสลักสวยใส
งามใดเล่า....งามใด
เทียบได้งดงาม....ความรัก
จรดลึก.....ในความทรงจำ
ลึกล้ำ....ย้ำรอยสลัก
นิรันดรนั้น.....นานนัก
แต่รัก......นี้นานกว่านั้น(** ดั่งดวงหฤทัย)

ไม่รู้เรื่อง....เป็นครั้งแรกที่อรปรียาอ่านนิยายไม่รู้เรื่อง ทั้งๆเคยอ่านได้แม้กระทั่งอยู่ในห้องคาราโอเกะ แต่ตอนนี้ทุกอย่างเงียบงัน แต่เธอกลับไม่มีสมาธิเอาเสียเลย ตอนนี้ได้ยินแต่เสียงหัวใจตัวเองที่เต้นระรัวจนกลัวว่าคนข้างๆจะได้ยิน ...ถ้าเขาได้ยินจริงๆเธอก็ไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน  มีชายหนุ่มตามจีบตั้งมากมายแต่ไม่มีใครทำให้หัวใจเต้นอย่างนี้มาก่อนเลย แต่กับเขาคนนี้เพียงแค่นั่งใกล้กันเท่านั้น หัวใจก็เต้นถี่จนน่าวิตก ถ้าเขาจีบจริงๆเธอจะไม่เป็นลมไปหรือนี่ หญิงสาวคิดอย่างกังวลปนคาดหวัง
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใดจนกระทั่งได้ยินเสียงของคนข้างๆถามเบาๆ
 อ่านจบหรือยัง?” วทันยูเอ่ยถาม
ความจริงแล้วเขาอ่านได้ไม่ถึงบรรทัดเลยด้วยซ้ำ เพราะใจมันมัวจดจ่ออยู่แต่กับคนข้างๆ ตัวหนังสือที่มองเห็นคล้ายๆเป็นภาษาต่างดาวที่เขาอ่านไม่ออก จนต้องตั้งสมาธิใหม่จึงอ่านได้ แต่มันก็ได้แค่คำสองคำแล้วใจเขาก็กลับไปจดจ่อกับคนข้างๆอีก วนเวียนอยู่อย่างนี้ แต่เพราะกลัวเธอจะรำคาญว่าเขาอ่านช้า เขาจึงต้องบอกเธอ เพื่อให้พลิกหน้าต่อไปโดยไม่รอเขา..เพราะขืนรอให้เขาอ่านจบหน้า ก็ไม่รู้ว่าจนถึงพรุ่งนี้เช้า เขาจะอ่านจบหรือเปล่าก็ยังไม่แน่ใจ

ค่ะ
หญิงสาวรับคำ ทั้งๆที่ตัวเองอ่านไปได้แค่ครึ่งหน้า ไม่เป็นไรน่า อ่านมาสิบรอบแล้ว เธอบอกกับตัวเอง
ฟังเพลงไหม?”
หญิงสาวเสนอพลางเอาโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าสะพายและเสียบหูฟัง มันอาจจะทำให้เธอมีสมาธิมากขึ้นก็ได้
ฟังเพลง อ่านหนังสือ?”ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามอย่างแปลกใจ
หญิงสาวยิ้มตอบ พร้อมกับยื่นหูฟังข้างหนึ่งให้เขา อีกข้างเสียบหูตัวเอง ชายหนุ่มยิ้มรับก่อนจะทำตาม เสียงเพลงป๊อบนุ่มลอยเข้าหูของทั้งคู่  

**ก็ไม่รู้ว่าอะไร ทำให้เราได้พบกัน
            ทั้งที่มันไม่น่าจะเป็นไปได้
            เธอก็มีโลกของเธอ ต่างกับฉันมากมาย
            เหมือนไม่มีอะไรเลยที่คล้ายกัน

            (แต่)ถามว่าชอบเธอไหม
            สบตาแล้วถูกใจไหม
            ก็ตอบว่าใช่เป็นอย่างนั้น
            จะเป็นลิขิตจากฟ้า หรือว่าปาฏิหารย์
            อะไรยังไงก็คงไม่สำคัญ
            เท่ากับวันนี้ฉันมีเธอ

            เธอไม่เป็นอย่างที่ฉันคิด
            เธอไม่ใช่คนที่ฉันฝัน
            แต่เธอเป็นมากกว่านั้น
            เธอคือคนที่ฉันรัก
**********

วทันยูนิ่งงัน เขาเหลียวมองคนข้างกาย เธอกับเขาได้มาพบกันเพราะ เป็นลิขิตจากฟ้า หรือว่าปาฏิหารย์นะเขายอมลงทุนขับรถตามเธอมา และแกล้งเดินชนโต๊ะให้เธอหันมาสนใจ รู้ทั้งรู้ว่าเธอเป็นของใคร แต่ทำไมเขายังหวัง...หวังว่าจะมีปาฏิหารย์ในสักวัน..เปลี่ยนให้คนที่เคียงข้างเธอนั้นเป็น..เขา..ตลอดไป แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อเธอคบกับใครคนนั้นมาตั้งหกปีแล้ว
 “มีอะไรหรือเปล่าคะ?หญิงสาวถามเมื่อรู้สึกตัวว่าโดนจับจ้อง
เปล่า แค่อยากถามว่า เคยอ่านนิยายกับ..ใคร...แบบนี้หรือเปล่า?”
คำถามจากแววตา มันบอกความหมายมากมาย ใคร ที่เขาถามคงพิเศษกว่าใครทั่วๆไป
หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ แก้มใสแดงระเรื่อขึ้น ทำให้คนมองสะทกสะท้อนใจยิ่งกว่าเดิม อยากให้เธอยอมรับกับเขาตรงๆว่าเธอมีใครคนนั้นแล้ว เผื่อเขาจะได้ตัดใจได้ แต่อีกใจก็อยากหลับตาเชื่อว่าเธอยังไม่มีใครเพื่อให้เป็นอาหารหล่อเลี้ยงหัวใจโง่ๆของเขาต่อไป

 ‘เห็นเธอไม่โทรมา ก็เลยไม่กล้าโทรไป เกรงใจเดี๋ยวรบกวนเธอเปล่าๆ
            เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของอรปรียาดังแทรกขึ้น หญิงสาวกดรับสายทันที
ไอ้อร แกอยู่ไหนวะ?”เสียงวาสินีถามไถ่อย่างร้อนรน
ห้องสมุดอรปรียาตอบกลับอย่างงงๆ กับน้ำเสียงของเพื่อนรัก
ห้องสมุด! ไอ้บ้า นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว เมื่อไหร่แกจะกลับบ้านปลายสายตวาดแว้ดทันทีอย่างหงุดหงิด
อรปรียาพลิกข้อมือดูนาฬิกา สองทุ่มครึ่ง
เพิ่งจะสองทุ่มครึ่งอรปรียาพึมพำตอบ
ไม่ใช่เพิ่งจะสองทุ่มครึ่ง แต่มันตั้งสองทุ่มครึ่งแล้วต่างหากล่ะ ไอ้บ้า พวกฉันนึกว่าแกโดนฆ่าหมกที่ไหนแล้วซะอีก หายหัวไปตั้งแต่บ่าย ไม่โทรบอกกันสักคำวาสินีตวาดแว้ดๆอย่างโมโหโทโส
เอ่อ.... โทษที ฉันลืมอรปรียาเสียงอ่อย รู้สึกผิดต่อเพื่อนๆ
เอ้อ!....กลับมาเร็วๆแล้วกัน แค่นี้นะ
อีกฝ่ายวางสายไปแล้ว อรปรียายิ้มแหยให้คนข้างๆ แล้วก็ต้องตาโต เมื่อนึกได้ว่าหูฟังข้างหนึ่งอยู่ที่เขา ยิ่งเห็นว่าเขากลั้นหัวเราะเธอก็ยิ่งอาย
บ้าเอ้ย! ไอ้อรแกเปิ่นอีกแล้ว...ขายหน้าชะมัด
เขายื่นหูฟังคืนเธอพร้อมกับรอยยิ้มละไม
กลับบ้านดีๆนะครับเขาบอกเสียงนุ่ม เมื่อหญิงสาวรวบหนังสือมาถือไว้
ทั้งคู่ลุกขึ้นยืนพร้อมกัน เขาก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกระซิบแผ่วเบา
 นิรันดรนั้น.....นานนัก แต่รักนี้......นานกว่านั้น
กึ๊ก...หญิงสาวนิ่งอึ้ง ร่างกายคล้ายถูกสาปให้กลายเป็นหิน ขาสองข้างหนักอึ้งราวกับมีรากงอกออกมายึดกับพื้นไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ เธอได้แต่เบิกตากว้างมองตามคนที่เดินยิ้มจากไปอย่างรื่นรมย์ ร่างกายเธอร้อนผ่าวราวกับถูกไฟรน ถ้ามีกระจกตั้งตรงหน้าเธอคงจะเห็นตัวเองแดงไปทั้งตัวเหมือนกุ้งโดนต้มเป็นแน่
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ หลายครั้งจนอัตราการเต้นของหัวใจลดลงพ้นขีดอันตราย พลางสำรวจร่างกายตัวเองเมื่อเห็นว่ามันสามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติแล้ว เธอจึงเดินออกจากห้องนั้นตรงไปยังลิฟท์
รักนี้.......นานกว่านั้น
รักนี้.......นานกว่านั้น
รักนี้.......นานกว่านั้น
 “รักนี้.......นานกว่านั้น
อ๊ายยยยย พอแล้ว เลิกพ้อซะที
หญิงสาวร่ำร้องอยู่ในใจ พร้อมยกมือกดหน้าอกตรงหัวใจเผื่อจะทำให้มันเต้นช้าลงบ้าง ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งจะเกิดอาการแบบนี้เป็นครั้งแรก  ทั้งๆที่อาการน่าเป็นห่วง แต่...ทำไมเธออยากให้มันเกิดอาการแบบนี้ซ้ำๆทุกวันก็ไม่รู้

หญิงสาวยืมหนังสือนิยายเสร็จก็ซอยเท้าลงบันไดหน้าห้องสมุดอย่างกระฉับกระเฉงเป็นปกติ แต่แล้วสายตาก็พลันแลสบกับคนที่ยืนรีรออยู่ที่ข้างบันได เท้าที่ก้าวอย่างว่องไวนั้นเกิดไม่มีแรงขึ้นมาเสียดื้อๆ มีผลทำให้ร่างบอบบางทรุดฮวบหัวคะมำไปข้างหน้า โชคดีที่คนคนนั้นถลามารับไว้ทัน ไม่อย่างนั้นเธอคงร่วงลงไปกองกับพื้นเป็นแน่
แต่ตอนนี้....เธอกลับล่วงลงไปกองกับอกของเขาแทน เสียงหัวใจเต้นดังรัวกระหน่ำจำแนกไม่ออกว่าเป็นเสียงหัวใจของเขาหรือเธอ โลกทั้งโลกคล้ายหยุดหมุนไปชั่วขณะ ทั้งคู่รับรู้เพียงกันและกันเท่านั้น

อรปรียาได้สติก่อน หญิงสาวดันตัวออกจากอ้อมแขนเขาอย่างเขินอาย อยากจะแทรกพื้นซีเมนต์หนีให้รู้แล้วรู้รอด  
เมื่อเห็นหญิงสาวทรงตัวได้ดีแล้ว วทันยูจึงยอมคลายอ้อมแขนที่โอบกอดร่างบางออกอย่างแสนเสียดาย
คุณนี่ ปล่อยให้คลาดสายตาไม่ได้เลยนะเสียงกระซิบดุ แต่แววตาที่มองมากลับแวววาวยิ่งกว่าดวงดาวบนท้องฟ้า
หญิงสาวอายจนไม่รู้จะทำหน้ายังไง ผิวขาวใสเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำไปทั้งตัว เธอรู้สึกว่าแขนขาของตัวเองช่างยาวเก้งก้างจนไม่รู้ว่าจะวางไว้ที่ไหนดีได้แต่ยืนก้มหน้านิ่งอย่างขัดเขิน
กลับกันเถอะ เอาหนังสือมา ผมถือให้ชายหนุ่มยื่นมือมาจับหนังสือ แต่หญิงสาวดึงกลับ
ไม่เป็นไร ถือเองได้เธอบอกเสียงแผ่วไม่กล้าสบตาเขา
อย่าดื้อน่า คุณยิ่งไม่มีแรงอยู่ด้วย แค่เดินยังจะล้มเขาว่าพลางหัวเราะเบาๆก่อนแย่งหนังสือในมือไปจนได้
หญิงสาวค้อนขวับ แต่ยังไม่ยอมมองหน้า พยายามเดินหนีเขาไป แต่ช่วงขาที่ยาวต่างกัน เขาก้าวเพียงไม่กี่ก้าวก็ตามทัน
พรุ่งนี้จะมาอีกไหม?ชายหนุ่มถาม เมื่อทั้งคู่เดินมาถึงรถของหญิงสาว
อรปรียาลังเล แต่เมื่อสบตาที่มองมาอย่างรอคอยและคาดหวัง เธอก็ผงกหัวลงนิดหนึ่ง แค่นิดเดียวเท่านั้น...แต่สามารถทำให้ประกายตาคนถามเจิดจรัสขึ้นเป็นทวีคูณ
ขับรถดีๆนะ พรุ่งนี้ เจอกันที่เดิม...ของเราประโยคสุดท้ายเน้นหนัก
หญิงสาวอึ้งไปนิดหนึ่ง ก่อนจะยิ้มรับ ที่เดิม...ของเรา คำที่ทำให้หัวใจเย็นชามานาน อบอุ่นขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็น....ถึงเขาจะมี ที่เดิมกับใครๆอีกมากมายก็ตาม ...แต่ที่ตรงนี้จะเป็น ที่เดิม ของเขากับเธอเท่านั้น ขอแค่นั้นก็พอ
ค่ะพรุ่งนี้เจอกันที่เดิม
ชายหนุ่มช่วยปิดประตูรถให้ เขามองตามจนรถคันเล็กลับสายตา จึงก้าวขึ้นรถของตัวเอง
ที่เดิม...ของเรา ตรงที่ไร้เงาของเขาคนนั้น
 ขอโทษนะพัทธ์..ฉันขอแค่ที่ตรงนี้เท่านั้น..ขอแค่นี้นายคงไม่ว่าอะไร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น