ซีรีย์นิยายชุด Diary Love เรื่อง โลกกลมหรือพรหมลิขิต ตอนที่ 6


ตอนที่ 6 เส้นบางๆที่กั้นกลางระหว่างเรา

ไม่เป็นไรน่าพัทธ์ อรถือเองได้
อรปรียาพยายามแย่งหนังสือจากมือคนที่แอบมาฉกหนังสือในมือไปตอนทีเผลอคืน แต่เขากลับชูมันขึ้นเหนือศีรษะซึ่งสูงเกินกว่าเธอจะเอื้อมถึง หญิงสาวจึงทำได้แค่มองค้อนเขาอย่างหงุดหงิด
 อนพัทธ์มักแวะเวียนมาหาเสมอ เวลาที่พวกเธอมีเรียนที่คณะของเขา เพราะเรียนห้องติดกันดังนั้นชายหนุ่มจึงถือโอกาสเข้ามาเป็นแขกไม่ได้รับเชิญก่อนอาจารย์ประจำวิชาจะมาถึงเป็นประจำ แม้จะโดนธีราภรณ์วีนใส่นับครั้งไม่ถ้วน แต่เขาก็ไม่เคยเข็ด แถมยังชอบมายั่วให้หล่อนเดือดยิ่งขึ้นอีก อรปรียาได้แต่ส่ายหน้าอย่างปลงๆ

อร ที่หน้ามอมีขนมจีบร้านนึงอร่อยมาก ลองไปชิมกันไหม?อนพัทธ์ช่างสรรหาร้านอาหารที่เธอโปรดปรานมาหลอกล่ออยู่เสมอ
จริงอะ ร้านไหน?อรปรียาถามอย่างสนใจตาเป็นประกายแวววาว
ไอ้อร เย็นนี้เราตกลงกันแล้วว่าจะกินส้มตำ ห้ามเบี้ยวธีราภรณ์เตือนเสียงเข้มมองตาเขียว อรปรียาจึงยิ้มแหย
กินแต่ส้มตำ ระวังเป็นโรคขาดสารอาหารกลายเป็นเด็กเอ๋อนะครับอนพัทธ์แกล้งแหย่
นายนะสิเป็นโรคเอ๋อ
ธีราภรณ์ตวาดแว้ดโกรธจนหน้าแดงก่ำ อยากจะหาอะไรแถวนั้นมาประทุษร้ายผู้ชายคนนี้ให้เจ็บตัวเสียบ้าง จะได้เลิกมาวอแวกับพวกเธอเสียที
แต่ดูเหมือนชายหนุ่มไม่ได้สะดุ้งสะเทือนแต่อย่างใด เขากลับหัวเราะชอบใจเสียอีก ซึ่งทำให้เธอโมโหยิ่งขึ้น อรปรียา วาสินีกับทิฆัมพรพากันหัวเราะขำกับการต่อล้อต่อเถียงที่ไม่มีวันสิ้นสุดของทั้งคู่
ทั้งหมดเดินตามกันลงบันไดไปโดยไม่รู้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งมองตามอย่างปวดร้าวใจ

************
วทันยูนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุดรอใครบางคนอย่างทุรนทุรายใจ ทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองต้องมีสภาพเช่นไรแต่เขาก็ไม่อาจหักห้ามใจตังเองได้ จึงต้องทนทรมานเช่นนี้
พรุ่งนี้เจอกันที่เดิม คำสัญญาที่เป็นเพียงลมปาก พัดผ่านแล้วหายลับ
ป่านนี้เธอคงกินขนมจีบพลางนั่งจีบกับเขาคนนั้นอย่างมีความสุข แต่เขาซิ วิ่งโร่มานั่งรอหิวจนแสบไส้ ยิ่งคิดก็ยิ่งสมเพชตัวเอง
 ขอโทษค่ะ รอนานไหม?
เสียงถามปนเสียงหอบเบาๆ ทำให้ชายหนุ่มเกือบจะหลุดคำพูดประชดให้สะใจ
 ไม่นานหรอก แค่รากงอกแค่นั้นเอง
แต่เห็นหน้าจ๋อยๆสายตาสำนึกผิดของคนตรงหน้าคำประชดประชันที่คิดไว้พลันมลายหายไปสิ้น ตอนนี้มีเพียงความเห็นใจ เธอเองก็คงต้องคอยหลบเขาคนนั้นมาเช่นกัน
ไม่เป็นไร ผมอ่านหนังสือเพลินจนลืมเวลาเลยล่ะ ไอ้ตอแหลเอ๊ย แกอ่านได้ไม่ถึงบรรทัด ทำคุยว่าอ่านเพลิน เสียงเล็กๆดังแว่วในใจแต่เขาไม่สนใจมัน
กินอะไรหรือยังคะ?อรปรียานั่งลงพร้อมกับถามเขาอย่างห่วงใย ไม่รู้เขามารอตั้งแต่เมื่อไร
วทันยูกำลังจะโกหกว่า กินแล้ว แต่เขาเปลี่ยนใจบอกความจริงออกไป อยากรู้ว่าเธอจะว่ายังไง
ยังเลย
ตายจริง สองทุ่มกว่าแล้วนะ ทำไมยังไม่กินอะไรอีก ไม่หิวแย่เหรอคนถามแสดงอาการห่วงใยชัดเจน
ก็กลัวว่าอรมาแล้วไม่เจอคำพูดของเขายิ่งทำให้เธอรู้สึกผิดยิ่งขึ้น
โธ่ทัน คราวหน้าไม่ต้องรออรแล้วนะ ถ้าอรมาช้ากว่านี้ ทันไม่แย่เหรออรปรียาบอกอย่างรู้สึกผิด ทั้งนึกโมโหเพื่อนๆที่ไม่ยอมปล่อยเธอมาห้องสมุดสักที
ไม่เป็นไร นานแค่ไหนทันก็รอได้
ชายหนุ่มบอกเสียงหนักแน่น แม้รู้ดีว่าต้องทำให้เธอลำบากใจ แต่เขาอยากให้เธอรู้ว่าเขายังรอเธออยู่เสมอเช่นกัน
ไม่เอาค่ะ คราวหลัง กินอะไรมาก่อนดีกว่าเนอะ จะได้มีแรงนั่งรอ โอเคไหมคะ?หญิงสาวยื่นนิ้วก้อยมาตรงหน้าแทนการเซ็นต์สัญญา
ชายหนุ่มยื่นนิ้วก้อยตัวเองไปเกี่ยวกับนิ้วน้อยๆนั้นอย่างเต็มใจ
โอเคครับผม แต่ตอนนี้ทันหิวมากเลยอะ
ชายหนุ่มอ้อน หญิงสาวจึงยิ้มกว้าง ยิ้มที่เสมือนยารักษาโรคหัวใจของผู้ชายโง่ๆคนหนึ่งให้สามารถทนรับความทรมานนี้ต่อไป
งั้นไปหาอะไรกินกันดีกว่าเนอะหญิงสาวเอ่ยชวนเสียงใส
ครับ อรอยากกินอะไรจ๊ะ?ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นยืนอย่างยินดี
อะไรก็ได้ค่ะ หญิงสาวยิ้มแหย เพราะเธอเพิ่งกินข้าวกับเพื่อนๆมาหยกๆ
ไปไหนดี หลังมอ หรือ หน้ามอ?ชายหนุ่มถาม
แล้วแต่ทัน
คำตอบนั้นทำให้ชายหนุ่ม รู้สึกคันในหัวใจ ถ้าชวนไปที่ไหนๆ...เธอยังจะตอบว่า แล้วแต่ทันอีกไหม แต่เขาก็ไม่กล้าเสี่ยง เพราะตอนนี้เขาก็เสี่ยงที่จะไม่ได้เจอเธออีกมากพออยู่แล้ว
แล้วอรพักแถวไหน?
หลังมอค่ะหญิงสาวตอบเสียงใสขณะเดินเคียงกันไปเข้าลิฟท์
ประตูลิฟท์ปิดเข้าหากัน คล้ายกับปิดกั้นคนทั้งคู่ออกจากโลกภายนอก ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจเบาๆของกันและกัน ชายหนุ่มจ้องมองจนคนถูกจ้องรู้สึกขัดเขิน
มองอะไรนักหนา?
ถามเสียงแผ่วไม่กล้าสบตา พลันในหัวก็คิดถึงเหตุการณ์ที่บันไดเมื่อวันก่อนทำให้หน้าใสแดงระเรื่อขึ้นทันที
คิดอะไรอยู่จ๊ะ?ชายหนุ่มกระซิบเสียงแผ่วใกล้หู
หญิงสาวผงะถอยห่างอย่างตกใจ ขนลุกซู่ไปทั้งตัว  หน้าใสแดงก่ำยิ่งกว่าเดิม
วทันยูอมยิ้มตาวาววับอย่างพึงใจ กับปฏิกิริยาของคนข้างกายแต่เขาก็ไม่กล้าลุกไล่เธอมากกว่านี้ เพราะกลัวเธอจะตกใจหนีหายไปเสียก่อน

สองหนุ่มสาวเดินตามกันไปปะปนกับผู้คนที่เดินขวักไขว่อยู่ไปตามร้านค้าต่างๆที่ตั้งแผงลอยขายของ แม้จะเกือบสามทุ่มแล้วแต่ หลังมอยังคงคึกครื้นไม่แพ้ตอนหัวค่ำ อรปรียาโดนคนที่เดินสวนมาเบียดจนเซถลา แต่โชคดีที่วทันยูคว้าแขนไว้ทัน จึงช่วยฉุดดึงไม่ให้เธอล้มคะมำลงพื้น
คุณนี่ อยู่ห่างสายตาไม่ได้เลยจริงๆนะเขาว่ายิ้มๆ แต่มือที่เกาะกุมไม่ยอมวาง
ขอบคุณค่ะ ไม่เป็นไรแล้วล่ะ
เธอกล่าวขอบคุณเขาเบาๆ และประโยคหลังเป็นความหมายให้เขาปล่อยมือเธอเสียที แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่เข้าใจ ยังคงกุมข้อมือน้อยไว้มั่น
ไปกันเถอะ ผมหิวแล้วเขาว่าพลางลากคนที่มองค้อนประหลับประเหลือกให้เดินตาม
อ๊ะ ขนมจีบอรปรียาหยุดชะงักเมื่อเจอของโปรด
ยังไม่อิ่มอีกหรือ
ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามข่มอารมณ์เอาไว้เต็มที่แล้ว แต่เสียงที่ลอดออกมายังคงกระด้างอยู่ดี
หญิงสาวหันมามองหน้าเขาอย่างแปลกใจ ก่อนจะยิ้มแหย
อิ่มแล้ว แต่อยากกินอีก
ผมไม่ชอบขนมจีบชายหนุ่มบอกเสียงแข็งใบหน้าบึ้งตึง
ไม่กินก็ได้ค่ะหญิงสาวบอกเสียงอ่อย เดินตามไปอย่างว่าง่าย

วทันยูถอนใจยาว ทำไมเขาถึงเป็นคนแบบนี้นะ ทั้งๆที่รู้ว่านั่นเป็นของชอบของเธอยังพูดทำลายน้ำใจเธอได้ เธอจะเคยกินมันกับใครมาก่อนก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร ทำไมเขาต้องเก็บมาเป็นอารมณ์ด้วย ทำให้เธอไม่สบายใจ ทั้งๆที่ตั้งใจแล้วว่าจะทำให้เธอมีความสุขที่สุด แต่สิ่งที่เขาทำลงไปกลับตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง แล้วอย่างนี้ยังหวังให้เธอหันมามองอีกหรือ ชายหนุ่มนึกตำหนิตัวเอง
อรจะกินอะไรอีกไหมจ๊ะ?ชายหนุ่มถามเสียงอ่อนโยนยิ่งเพื่อทดแทนคำพูดเมื่อสักครู่
ยังอิ่มอยู่เลยค่ะ ทันไปหาอะไรกินเถอะ อรนั่งจะรอที่นี่แหละหญิงสาวบอกพร้อมรอยยิ้ม
 เธอเลือกโต๊ะที่ตั้งอยู่ตรงกลางลานขายอาหารที่สามารถซื้ออาหารตามร้านต่างๆที่ตั้งขายรายล้อมเป็นวงมานั่งกินได้โดยไม่แบ่งแยกว่าโต๊ะไหนเป็นของร้านไหน
งั้นรอทันแป็บนึงนะชายหนุ่มบอกยิ้มๆ
จ้า
หญิงสาวยิ้มรับ พลางมองตามชายหนุ่มที่เดินผละไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันไปมองบรรยากาศรอบๆ นักศึกษาชายหญิงต่างเดินหาของกินกันขวักไขว่ เป็นบรรยากาศที่คุ้นเคยตั้งแต่เข้ามาเรียนที่นี่ หลังมอไม่เคยหลับเป็นคำนิยามที่ลงตัวที่สุด ไม่ว่าดึกดื่นแค่ไหน ที่แห่งนี้ก็ยังคงมีลูกค้าแวะเวียนมาไม่ได้ขาด  หลังเที่ยงคืนเป็นเวลาของเหยี่ยวราตรีที่เพิ่งกลับมาหาของกินก่อนจะเข้ารังนอน เช้าตรู่เป็นเวลาของนักบุญที่ออกมาซื้อหาอาหารเตรียมใส่บาตร ดังนั้นทุกช่วงเวลาจึงมีลูกค้าประจำแวะเวียนมาไม่เคยขาด ที่นี่มีของขายมากมายตั้งแต่สากกระเบือ แต่ไม่ถึงขนาดมีเรือรบ แต่ก็เรียกได้ว่ามีครบทุกความต้องการของลูกค้า
อ๊ะ มีของมาฝาก
ของฝากที่วางตรงหน้าทำให้หญิงสาวตาโต
ก็ไหนว่าไม่ชอบขนมจีบไงคะ?หญิงสาวถามอย่างกังขา
ก็แค่อยากแกล้งคนเล่นคนตอบอมยิ้มตาพราว ทำให้ได้รับค้อนวงโตทันที
มีคนบอกว่ามีร้านอร่อยแถวหน้ามอ วันหลังต้องตระเวนไปชิมเสียหน่อยคนเล่ายิ้มกริ่มพลางจิ้มขนมจีบเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย
ยังไม่ได้ไปกินเหรอ?ชายหนุ่มถามอย่างแปลกใจ
ยังค่ะเพิ่งรู้วันนี้เอง
คำตอบนั้นทำให้คนฟังสีหน้าดีขึ้นทันที
แล้วมื้อเย็นกินอะไรมา?เขาซัก
หญิงสาวยิ้มเขิน ข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่าง
ชายหนุ่มยิ้มกว้างอย่างยินดี เพราะเขารู้ดีว่า ใครคนนั้นไม่มีทางกินอาหารพวกนี้แน่
กินกับใครบ้าง?ถึงแม้จะรู้คำตอบก็ยังอยากได้คำยืนยัน
ก็เพื่อนๆที่คณะ เข้ากลุ่มกันทีไรกว่าจะสลายตัวได้ก็ทำให้คนอื่นเขารำคาญแทบแย่
เพิ่งจะรู้เหตุผลจริงๆที่ทำให้เธอมาช้า เขารู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก พลางนึกตำหนิตัวเองที่ชอบคิดเองเออเองจนทำให้เข้าใจเธอผิดอยู่เรื่อย

            ขณะที่ทั้งคู่กำลังเพลิดเพลินกับการกินพลางคุยกันพลางอยู่นั้น อรปรียาก็เหลือบเห็นลูกค้ากลุ่มใหม่ที่เดินใกล้เข้ามา เธอชะงักทำหน้าตกใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
เอ่อ.. พอดีอรเพิ่งนึกได้ว่ามีนัด ขอตัวก่อนนะคะ
อีกฝ่ายยังไม่ทันจะเอ่ยอะไร หญิงสาวก็เดินจากไปอย่างรีบร้อน แผล็บเดี๋ยวก็หายลับไปท่ามกลางฝูงชน
วทันยูยังมีอาการงงๆกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่ ชายหนุ่มหันกลับไปมองด้านหลังก็เห็นอนพัทธ์เดินมากับหญิงสาวกลุ่มใหญ่ เขากับกำลังหยอกล้อกับหญิงสาวเหล่านั้นอย่างสนุกสนาน
วทันยูวางช้อนทันทีความหิวที่มีหายไปอย่างสิ้นเชิง ชายหนุ่มถอนหายใจยาวอย่างอ่อนล้า นี่เขาต้อนทนอยู่ในสภาพนี้อีกนานแค่ไหน?

**************

วทันยูเดินเข้าห้องเรียนอย่างซึมเศร้า จากวันนั้นที่ไปกินข้าวกับเธอมาจนดึงวันนี้ก็เกือบอาทิตย์แล้วที่เขาไม่ได้เจอหน้าเธอเลย
เขาไปนั่งรอเธอที่ห้องสมุดทุกวันจนห้องสมุดปิด แต่เธอก็ไม่เคยมา
หรือว่าวันนั้น ไอ้พัทธ์เห็นเธออยู่กับเขาจนทำให้มีเรื่องมีราวกัน เธอจึงไม่มาเจอเขาอีกชายหนุ่มคิดอย่างไม่สบายใจ
ทั้งๆที่รู้ว่าเรื่องของเธอกับเขาจะลงเอยเช่นไร แต่ทำไมเขายังฝืนทนอยู่อีก...เขาควรตื่นจากฝันได้แล้วใช่ไหม
จากชายหนุ่มที่เคยสดใสร่าเริง กลับกลายเป็นคนซึมเศร้าเปลี่ยนไปแทบเป็นคนละคนภายในเวลาเพียงแค่อาทิตย์เดียว จนรูมเมทต้องคอยไถ่ถามอย่างห่วงใย
แกเป็นอะไรไปวะไอ้ทัน?”
ไม่รู้ว่ะ มันเนือยๆจนไม่อยากทำอะไรวทันยูตอบเสียงแห้งแล้ง
ไปให้หมอตรวจดูหน่อยดีกว่าไหม?”ศรุตเสนออย่างกังวลใจ
วทันยูอยากจะหัวเราะ เพราะอาการของเขาตอนนี้ต่อให้เป็นหมอเทวดาก็ไม่มีทางรักษาได้
ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็หาย
แกเป็นอะไรกันแน่วะ?”
วทันยูฝืนยิ้มนิดหนึ่งอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องเรียน และแล้วเขาก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นกลุ่มนักศึกษาที่เดินขึ้นมาทางบันไดฝั่งตะวันตก
ชายหนุ่มรีบเดินเข้าห้องเรียนของตน เขายอมรับว่ายังไม่กล้าเผชิญหน้ากับเธอ กลัวจะเจอกับความเย็นชา ซึ่งเขาคงรับมันไม่ได้  ถึงแม้จะเข้าห้องเรียนไปแล้วแต่เขาก็ยังรีรออยู่แถวหน้าประตู ไม่กล้าเจอกันจังๆ แต่ก็ยังอยากเห็นหน้า
เสียงคุยกันเซ็งแซ่ฟังไม่ได้ศัพท์ ดังประสานกันทั้งคณะของเขาและคณะของเธอที่เริ่มทยอยมาเข้าห้องเรียน และแล้วหัวใจเขาก็เต้นถี่เมื่อได้ยินเสียงคนเรียกชื่อเธอ
อ้าวไอ้อร แกมาด้วยหรือวะ?”
เขาไม่ได้ยินเสียงตอบรับ เพียงแค่ได้ยินชื่อหัวใจเขาก็เต้นรัวกระหน่ำ แล้วหัวใจเขาก็ต้องหล่นวูบเมื่อได้ยินประโยคต่อมา
แกออกจากโรงบาลตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?”
คราวนี้วทันยูได้ยินเสียงตอบอย่างแผ่วเบา
เมื่อวาน
เธอเป็นอะไร ทำไมต้องเข้าโรงพยาบาล?’
ทำไมแกต้องรีบมาเรียนด้วยวะ น่าจะพักก่อน ดูสิหน้ายังซีดอยู่เลย
เสียงวิจารณ์นั้น ทำให้วทันยูอยากจะวิ่งไปดูเธอให้เห็นกับตา แต่ติดที่อาจารย์ประจำวิชาที่ก้าวเข้าห้องเรียนมาแล้ว ชายหนุ่มจึงจำต้องนั่งเรียน ทั้งๆที่รู้สึกเร่าร้อนราวกับนั่งอยู่บนกองเพลิง
ไอ้พัทธ์จะรู้ไหมนะว่าเธอเป็นอะไร?’
วทันยูนิ่วหน้ามองดูอนพัทธ์ที่กำลังก้มจดเลกเซอร์อย่างตั้งใจ  พลางคิดว่า น่าจะรู้ เพราะแฟนไม่สบายทั้งคน จะไม่รู้เรื่อง ก็เกินไปหน่อยล่ะ
เวลาแต่ละนาทีผ่านไปช้าๆราวกับเข็มนาฬิกาจงใจแกล้ง กว่าจะหมดชั่วโมงวทันยูก็รู้สึกราวกับจะขาดใจตาย
ทันทีที่อาจารย์หยุดสอน วทันยูก็รีบลุกเดินไปหาอนพัทธ์ทันที
พัทธ์ แฟนนายเป็นอะไรเหรอ?”พยายามบังคับเสียงให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด
หือ แฟนฉันคนไหนวะ?” อนพัทธ์ถามกลับอย่างงงๆ
หมายความว่ายังไง คนไหน?”วทันยูตะคอกถามอย่างโมโหนายมีเขาแล้วยังมีคนอื่นอีกเหรอวะ
เป็นบ้าอะไรวะ อยู่ๆก็ตะคอกใส่กันได้อนพัทธ์ถามกลับอย่างแปลกใจ
ทำไมเธอต้องเป็นแฟนไอ้บ้านี่ด้วยนะ วทันยูมองเพื่อนอย่างแค้นเคือง
ที่แกถามน่ะหมายถึงใครวะ?”อนพัทธ์ซักอย่างข้องใจ
ก็คนที่นายบอกว่าเค้าคือคนพิเศษไง หรือว่านายมีคนพิเศษหลายคนจนจำไม่ได้วทันยูประชด
อรเหรอ อรเป็นอะไร?อนพัทธ์ถามอย่างตกใจ
วทันยูอยากต่อยเพื่อนสักเปรี้ยง  เป็นแฟนกันภาษาอะไรวะ แฟนไม่สบายทั้งคนกลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่ที่เขาทำได้ตอนนี้แค่ข่มอารมณ์โกรธเอาไว้
เมื่อกี้ฉันได้ยินว่า เค้าเพิ่งจะออกจากโรงพยาบาล ก็เลยถามแกดู ก็คนเคยรู้จักกันเขาบอกต่อ เพราะกลัวเพื่อนจะเข้าใจผิด แต่ดูเหมือนเพื่อนเขาไม่สนใจจะฟังประโยคนั้น
ห๊า! จริงอ่ะ?”
 อนพัทธ์ตาโตอย่างตกใจ ก่อนลุกขึ้นก้าวพรวดไปยังห้องข้างๆ  วทันยูเดินตามไปอย่างช้าๆ ทั้งๆที่ในใจอยากวิ่งไปหาเธอให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

อรปรียากำลังเก็บหนังสือเรียนเตรียมกลับบ้านเพราะเป็นวิชาสุดท้ายของวัน อนพัทธ์ก็ก้าวพรวดเข้ามาในห้องเรียน
อร พัทธ์ได้ยินว่าอรไม่สบายจนต้องเข้าโรงพยาบาล จริงหรือ?”
อรปรียาเห็นสีหน้าห่วงใยของเพื่อนเก่าก็ยิ้มออกมาได้
ไม่เป็นไรมากหรอก แค่ท้องเสีย
เหรอ ได้ยินตอนแรกพัทธ์ตกใจแทบแย่อนพัทธ์ถอนใจอย่างโล่งอก
อรปรียายิ้ม ขอบใจมากนะพัทธ์  ไม่เป็นไรแล้วล่ะ อรขอตัวกลับก่อนนะ
มาพัทธ์ช่วยถืออนพัทธ์แย่งหนังสือจากมือหญิงสาวไปถือเองทั้งหมด
ไม่เป็นไรหรอก อรถือได้อรปรียาแย้งพลางแบมือขอหนังสือคืน
พัทธ์แค่ถือหนังสือให้แค่นี้ไม่ได้หรือไงชายหนุ่มถามอย่างน้อยใจ
อรปรียาถอนใจก่อนจะพยักหน้ารับ อนพัทธ์ยิ้มกว้างอย่างยินดีก่อนทั้งสองจะเดินเคียงข้างกันลงบันไดไป โดยฝ่ายชายคอยดูแลระแวดระวังจนแทบจะประคองร่างบางทุกอย่างก้าวด้วยความห่วงใย

ไม่มีใครหันกลับมามองใครอีกคนที่ยืนมองภาพนั้นด้วยหัวใจร้าวราน คนที่ยืนอยู่ด้านหลังค่อยๆหันหลังกลับเดินจากไปยังบันไดอีกฝั่งอย่างอ่อนล้า ...ถึงเวลาที่เขาควรเป็นฝ่ายถอยออกไปได้แล้วใช่ไหมก่อนจะเจ็บปวดใจมากไปกว่านี้

1 ความคิดเห็น: