ตอนที่
3
คุณหนูตัวร้ายกับคุณชายเย็นชา
คามินยืนต่อแถวเพื่อรอเช็คอินหน้าเคาน์เตอร์สายการที่สนามบินเมืองมิวนิคเพื่อบินกลับไปเวียนนา
ความจริงเขาให้เลขาจัดการให้เรียบร้อยแล้ว แต่มีเหตุจำเป็นทำให้ต้องเลื่อนไฟท์กะทันหันและกระชั้นชิด
เขาจึงต้องจัดการจองไฟท์และเช็คอินเอง
ระหว่างยืนรอเขาก็อดเหลือบมองคนต่อแถวข้างๆไม่ได้
เพราะเจ้าหล่อนดูเหมือนกำลังมีปัญหากับกระเป๋ามากมายที่เจ้าหล่อนขนมา
เขาไม่เข้าใจจริงๆว่าผู้หญิงจะต้องขนอะไรกันนักหนา เดินทางทีต้องมีกระเป๋าอย่างต่ำสามถึงสี่ใบ
บางทีอาจจะมากถึงสิบใบอย่างเจ้าของกระเป๋าเจ้าปัญหาในขณะนี้ ดูจากรูปร่างหน้าตาแล้วถ้าไม่ใช่ดาราหรือนางแบบ
ก็น่าจะเป็นพวกคุณหนูไฮโซที่พออะไรไม่ได้ดังใจก็จะเหวี่ยงวีนไปทั่ว
และผู้หญิงอย่างนี้แหละที่เขาพยายามหลีกห่างให้ไกล
โรซาเลีย
ไวด์เดอร์ กำลังมีปัญหากับกระเป๋าหลายใบที่เธอขนมาเพราะพวกมันไม่สามัคคีกัน
จับให้อยู่ด้วยกันดีๆพวกมันก็คอยแต่จะแตกแยกกระจัดกระจาย ให้ตายเถอะ เธอเคยต้องมาจัดการกับปัญหาพวกนี้ที่ไหนกัน
ปกติแล้วพวกบอดีการ์ดลูกน้องของพี่ชายจะต้องคอยจัดการให้
แต่วันนี้เธอทะเลาะกับพี่ชายเพราะเขาชอบว่าเธอยังเด็กยังดูแลตัวเองไม่ได้
ด้วยทิฐิเธอจึงลากกระเป๋าพวกนี้ออกจากบ้านและยืนกรานว่าจะเดินทางไปเวียนนาเพียงลำพัง
แต่แค่ต้องขนกระเป๋าเกือบสิบใบขึ้นรถแท็กซี่
และขนลงที่สนามบินเธอก็แทบอยากทิ้งพวกมันให้นอนกองอยู่ริมถนนให้รู้แล้วรู้รอด
แต่ด้วยรู้ดีว่าพี่ชายกำลังคอยดูอยู่ว่าเมื่อไรเธอจะโทรฯไปโวยวายตามคนมาช่วย
ด้วยแรงรั้นอยากเอาชนะเธอจึงกัดฟันขนพวกมันใส่รถเข็นที่สนามบินแต่มันไม่ง่ายเลยเมื่อรถเข็นคันเดียวบรรทุกพวกมันได้ไม่หมด
เธอจึงจำเป็นจะต้องใส่รถเข็นสองคัน คันหนึ่งเข็นคันหนึ่งลาก
กว่าจะมาถึงเคาน์เตอร์เพื่อจะได้โหลดกระเป๋าก็ทำให้เธอต้องหอบแฮก
ระหว่างที่กำลังจัดการกับกระเป๋าเจ้าปัญหา
โรซาเลียก็รู้ว่ามีหลายคนแอบมองตนอยู่
แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นจ้องตอบพวกนั้นก็เมินหลบ
แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ไม่ยอมหลบตาแถมยังทำหน้าสมเพชเธออย่างชัดเจน
‘สมเพช’ใช่…สายตาของเขาบอกอย่างนั้น
ชัดเจนจนคนที่กำลังหงุดหงิดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หงุดหงิดยิ่งขึ้น
“เห็นผู้หญิงเดือดร้อน
แล้วไม่คิดจะช่วยเหลือ ยังเป็นสุภาพบุรุษอยู่อีกหรือ?”
เจ้าของกระเป๋ามากมายเอ่ยขึ้นลอยๆทำเอา‘บุรุษ’ผู้ไม่สุภาพทั้งหลายต่างสะดุ้งตามๆกัน
ผู้ชายหลายคนเริ่มขยับเข้ามาช่วยเธอยกกระเป๋าบ้าง ลากรถเข็นบ้าง แต่คนที่เธอต้องการประชดนั้นกลับไม่ขยับตัวแม้แต่นิดเดียว
แถมยังส่ายหน้าเหมือนระอาเธอเต็มที
ทำหน้าเหมือนพี่ชายที่ยืนมองตอนที่เธอขนกระเป๋าออกจากบ้าน‘เปี๊ยบ’เลย ต่อมโทสะถูกกระตุ้นอย่างแรงทันที
“พี่คะ
พี่ไม่คิดจะช่วยฉันเลยใช่ไหมคะ?”
หญิงสาวถามเขาตรงๆให้ได้ยินทั่วกัน
อยากรู้นักว่าเขาจะทำเป็นไม่รู้สึกรู้สาอีกไหม
“พี่?”
คนที่มีน้องอย่างไม่ทันตั้งตัวถามเสียงสูงพร้อมกับชี้หน้าตนเองให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายเรียกตนใช่หรือไม่
“ก็ใช่สิคะ
พี่ปล่อยให้ฉันต้องขนกระเป๋าของฝากอีหนูของพี่คนเดียวมาตั้งแต่ลงรถจนมาถึงนี่
แล้วตอนนี้จะไม่คิดช่วยฉันยกกระเป๋าขึ้นชั่งบ้างเลยหรือไง”
หญิงสาวเล่นบทน้องสาวผู้อาภัพที่โดนพี่ชายแกล้ง
น้ำตาคลอใกล้หยาดหยดเรียกคะแนนสงสารจากผู้โดยสารคนอื่นได้มากโข
ผู้โดยสารคนอื่นหันไปมองชายหนุ่มหน้าตาดีด้วยสายตาตำหนิ
แถมคนมีอายุบางคนยังกล้าตำหนิชายหนุ่มออกมาตรงๆ คนที่บีบน้ำตาแอบยิ้มเยาะคนเคราะห์ร้ายในใจ
ก็อยากมายิ้มเยาะเธอทำไมล่ะ สมน้ำหน้า โชคดีที่เขาเองก็หน้าตาดี
พอเธอเล่นบทน้องสาวของเขาคนอื่นๆจึงไม่ได้สงสัยอะไรนัก ถึงแม้หน้าตาจะไม่คล้ายกันเท่าไหร่
แต่ก็มีมากมายที่พี่น้องหน้าตาไม่เหมือนกัน
คามินโมโหควันแทบจะออกหูที่จู่ๆก็โดนยัดเยียดให้เป็นพี่ชายใจร้ายที่ทิ้งน้องสาวให้ลากกระเป๋าของฝาก
‘อีหนู’มารอเช็คอิน เขาจะปฏิเสธ
ผู้โดยสารคนอื่นๆก็มองเขาเป็นพี่ชายใจร้ายไปแล้ว เขาจึงจำใจต้องไปช่วยยกกระเป๋ายัยน้องสาวตัวแสบนั่นขึ้นเครื่องสแกนของสายการบิน
บางกระเป๋าที่หนักเกินและไม่ยอมไหลไปตามสายพานเขาก็ใช้ ‘เท้า’ช่วยด้วย แม้ยัยตัวแสบจะมองตาขวางเขาก็หาสนใจไม่
อยากจะให้ช่วยก็ช่วยแล้วไง
เมื่อช่วยอีกฝ่ายเสร็จและเช็คอินของตนเองเรียบร้อยแล้ว
เขาก็ก้าวยาวๆไปตรวจพาสปอร์ตและสแกนกระเป๋าที่จะหิ้วขึ้นเครื่องโดยไม่สนใจยัยน้องสาวกำมะลอนั่นอีก
ถึงอย่างไรเขาก็เคยเจอที่ร้ายกว่านี้มาแล้ว แค่นี้ไม่ทำให้เขาสะเทือนนักหรอก
แต่เขาก็อดโมโหไม่ได้ อุตส่าห์หนีจากตัวร้ายเดียงสานั่นมาได้ ยังต้องมาเจอนางมารร้ายที่สนามบินอีก
ช่วงนี้เขาดวงตกหรือไงนะ ถึงมีแต่เรื่องวิ่งเข้ามาหาไม่ได้หยุด
ชายหนุ่มคิดอย่างหัวเสีย พร้อมกับก้าวยาวๆไปยังเกตที่ระบุไว้โดยไม่สนใจใคร
หลังจากโหลดกระเป๋าแล้วโรซาเลียก็มองหาคนชายหนุ่มโชคร้ายคนนั้น
และเห็นหลังคนขายาวที่ก้าวผ่านเครื่องสแกน เธอก็รีบวิ่งตาม
เพราะหลังจากที่ช่วยยกกระเป๋าแล้วชายหนุ่มบางคนที่มาคนเดียวหรือมาเป็นกลุ่มยังคงรุมล้อมอยากจะช่วยเหลือสาวงามอยู่
แถมเธอยังโดนพี่ชายใจร้ายทิ้งไปซึ่งๆหน้ายิ่งทำให้ชายหนุ่มเหล่านั้นเห็นใจ
อยากเสนอตัวมาเป็น‘พี่ชายที่แสนดี’ของเธอ แต่เห็นแววตาหื่นกระหายของพวกนั้นแล้วก็ทำให้คนที่ประกาศลั่นว่าจะเดินทางเพียงลำพังตระคั่นตระคอจนต้องรีบร้อนหาเกาะกำบังทันที
แต่เขาก็ช่างใจร้ายไม่ยอมรอเธอบ้างเลย ไหนๆก็จะไปไฟท์เดียวกันอยู่แล้ว
ไม่รู้จะรีบร้อนไปไหน หญิงสาวรีบวิ่งตามคนที่ทิ้งระยะห่างออกไปให้เร็วขึ้น
“น้ำอัดลมไหมคะ?”
น้ำอัดลมกระป๋องเย็นเฉียบยื่นมาตรงหน้า
ทำให้คนที่กำลังสนใจอยู่กับหน้าจอโน๊ตบุ๊คเงยหน้าขึ้นมอง
แล้วเขาก็ต้องถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยหน่าย ยัยตัวแสบนั่นอีกแล้ว
‘ยัยตัวแสบ’ถือวิสาสะนั่งลงข้างๆเขาหน้าตาเฉย
มือยังคงถือกระป๋องน้ำอัดลมค้างไว้อย่างมุ่งมั่น
“ไม่ล่ะ
ขอบใจ”
คามินจำต้องเอ่ยปฏิเสธหาไม่อีกฝ่ายก็คงจะยื่นมันมาบังหน้าจอโน๊ตบุ๊คของเขาอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆแน่
“ทำไมล่ะ?”
อีกฝ่ายถามเมื่อถูกปฏิเสธ
แต่ก็ยอมดึงกระป๋องน้ำอัดลมในมือกลับ ก่อนจะเปิดมันออกมาดื่มเอง ไหนๆก็ซื้อมาแล้ว
ทิ้งไปก็เสียดายของ
ชายหนุ่มไม่ยอมตอบ
เขากลับมาสนใจหน้าจอโน๊ตบุ๊คอย่างเดิม
โดยพยายามไม่สนใจคนที่กินน้ำอัดลมพร้อมกับขนมอยู่ข้างๆ แต่เสียงกร๊อบแกร๊บของถุงขนมนั้นก็ช่างรบกวนสมาธิของเขาเหลือเกิน
และเหมือนอีกฝ่ายจะไม่รู้ตัวยังคงเมามันกับการเปิดปิดถุงขนมกินอย่างไม่เกรงใจใคร
คามินนับหนึ่งถึงสิบอยู่ในใจ
รอบที่หนึ่งผ่านไปใจยังไม่สงบ ไม่เป็นไร นับใหม่ รอบที่สองก็ยังหงุดหงิด รอบที่สามยิ่งหงุดหงิดเมื่อมีเสียงฮัมเพลงเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งเสียง
รอบที่สี่…
“นี่เลิกทำเสียงรบกวนสักทีได้ไหม?
คนจะทำงาน”ชายหนุ่มอดไม่ได้จนต้องเอ็ดคนที่ทำเสียงรบกวนอยู่ข้างๆ
คนที่ถูกเอ็ดชะงักกิจกรรม
ก่อนจะมองหน้าพร้อมกับเบ้ปากอย่างไม่ยินยอมจะปฏิบัติตามแถมเชิดหน้าขึ้น ‘นายเป็นใครถึงคิดว่าจะมาสั่งฉันได้’
เห็นดังนั้นคามินก็ถอนหายใจยาวอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะลุกเดินหนีไปนั่งที่อื่น
อยากทำอะไรก็ทำไป เอาให้สบายใจไปเลย
เขาคิดก่อนจะมุ่งสมาธิกลับมาที่งานตรงหน้าเช่นเดิน
แต่มีหรือคนที่มีแต่คนคอยพะนอเอาใจจะยอมให้ใครเดินหนีหรือทำหน้ารำคาญใส่
ยิ่งเขาเดินหนีเธอก็ยิ่งอยากตามไปแกล้ง ซิซะทำเสียงดุ นึกเหรอว่าเธอจะกลัว
โรซาเลียคิดในใจอย่างนึกสนุก
คามินเหลือบตามองคนที่นั่งลงข้างพร้อมกับหรี่ตาลงอย่างเอาเรื่อง
ตกลงว่ายัยนี่อยากมีเรื่องกับเขาจริงๆใช่ไหม ด๊าย…เห็นเขาไม่ฮือไม่อือก็คิดว่าจะตอแยได้ง่ายๆหรือไง
ชายหนุ่มเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงและเมื่อเจอของที่ต้องการมุมปากของเขาก็ยกยิ้มอย่างชั่วร้าย
และก่อนที่อีกฝ่ายจะรู้ตัวเขาก็ยื่นมือไปโบกเบาๆตรงหน้าเธอ จากนั้นหญิงสาวก็หาวและเอนตัวเอาหัวมาซบไหล่หนาหลับสนิทไปทันที
“ขอบใจ
ที่ช่วยอยู่เงียบๆสักพัก”
ชายหนุ่มว่า
พร้อมกับยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเยาะๆ แล้วเขาก็ก้มหน้าลงทำงานต่อ
เหลือเวลาอีกตั้งยี่สิบนาทีกว่าจะขึ้นเครื่อง ขอเคลียร์งานสักหน่อยเถอะ
“ตื่นไปขึ้นเครื่องได้แล้ว”
คามินเขย่าปลุกคนที่หลับสนิทแถมยังใช้ไหล่ของเขาต่างหมอนหลับสบายอีกต่างหาก
อีกฝ่ายงัวเงียขยี้ตา
“เช้าแล้วหรือโลอี?”เธองึมงำถามเพราะยังตื่นไม่เต็มที่
‘ลีโอ’ชื่อคู่รักล่ะมั้ง นอนซบไหล่ผู้ชายคนหนึ่งแต่ละเมอหาผู้ชายอีกคนหนึ่ง
เจริญจริงๆแม่คุณ ชายหนุ่มคิดอย่างเหยียดๆ
เขาคงลืมไปว่าเธอนั้นไม่ได้เข้ามาซบไหล่ตนแล้วนอนหลับ แต่เธอหลับเพราะเขาวางยาจึงเอนหัวมาซบไหล่เขาโดยไม่เจตนา
“จะค่ำแล้วต่างหาก
ตื่นสักทีผมจะได้ไปขึ้นเครื่อง”
เสียงเคร่งเครียดไม่คุ้นหูปลุกสติให้คนที่หลับใหลตื่นขึ้นเต็มตัว
หญิงสาวเหลียวมองรอบตัวแล้วก็รู้ว่าที่นี่คือสนามบินไม่ใช่ในห้องนอนอย่างที่ตนเข้าใจ
แต่ทำไมเธอมานอนหลับที่สนามบินได้ เมื่อหันไปมองคนข้างๆก็เห็นชายหนุ่มหน้าบึ้งตึงกำลังมองเธออย่างเคืองๆ
หรือว่าเธอหลับไปซบเขา
โรซาเลียเบิกตากว้างขึ้น
ใช่จริงๆด้วย ก็ตอนนี้เธอยังนั่งเอนๆอยู่เลย
เมื่อรู้ตัวหญิงสาวก็ยืดตัวนั่งตรงทันที
พยายามอย่างยิ่งที่จะสูดหายใจเข้าลึกเพื่อไม่ให้เขารู้ว่าเธออับอายแค่ไหน แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่สนใจ
เพราะทันทีที่เธอกลับมานั่งได้เอง เขาก็ลุกขึ้นทันใด
“คุณจะไปไหน?”หญิงสาวถาม
“ก็ไปขึ้นเครื่อง
คุณไม่ไปหรือไง หรือว่าจะนอนต่ออยู่ที่สนามบินนี่”
เขาว่าแล้วขายาวๆก็ก้าวเดินไปเช็คอินโดยไม่รอเธออีกตามเคย
หญิงสาวมองตามพร้อมกับเม้มปากอย่างขัดเคืองใจ ผู้ชายอะไร
ไร้มารยาทแถมไม่เป็นสุภาพบุรุษ แทนที่จะชวนเธอดีๆแล้วเชื้อเชิญเธอให้เดินไปก่อน
นี่อะไร นอกจากจะทำหน้างอเป็นม้าหมากรุกแล้วยังชอบทำเสียงดุ แล้วก็ชอบทิ้งเธอให้วิ่งตามอยู่เรื่อย
หญิงสาวคิดอย่างหงุดหงิด แต่ก็ต้องวิ่งตามเขาไปอีกรอบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น