เจ็ดนาฬิกาสามสิบนาทีคณะของทีเค
กรุ๊ปก็เดินทางมาถึงตึกสำนักงานใหญ่ของ บาฮจา กรุ๊ป ซึ่งขณะนี้มีรถยนต์เกือบสิบคันจอดเรียงรายเตรียมพร้อมสำหรับเดินทางวันนี้
อาบีรกำลังตรวจความเรียบร้อยด้วยตัวเอง
“อรุณสวัสดิ์ครับท่านอาบีร”
คนตัวเล็กในชุดสูทสีดำที่ก้าวลงจากรถตู้เป็นคนแรกเอ่ยทักทายชายชราอย่างอ่อนโยน
อาบีรยิ้มรับ “อรุณสวัสดิ์ครับมิสเตอร์อาทิตย์
ตื่นเต้นไหมกับการเดินทางกลางทะเลทรายครั้งแรก?”
คำถามนี้ทำให้คนตัวเล็กยิ้มกว้าง
รอยยิ้มนั้นทำให้คนที่เพิ่งเดินออกมาจากตึกสะดุดขาตัวเอง แทบหัวคะมำ
“มาเร็วนี่
ข้านึกว่าเจ้าจะมาไม่ทันเสียอีก”ชีคนาซ
เอ่ยถามแก้เก้อเมื่อเห็นคนตัวเล็กจ้องมองเขม็ง
“ผมรักษาเวลาเสมอ”คนตัวเล็กบอกหน้าง้ำ
‘อะไรวะ
ทีกับอาบีรมันยิ้มกว้าง ปากแทบฉีกถึงหู
แต่ทีกับข้าทำไมมันถึงชอบทำหน้างออยู่เรื่อย’ชีคนาซคิดอย่างหงุดหงิดใจ
ไม่ชอบให้มันยิ้มกับใครนอกจากตัวเอง
“เจ้าพร้อมจะออกเดินทางหรือยัง?”ชีคนาซเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากเถียงกับมันตั้งแต่เช้า
“พร้อมตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”
คนตอบกลับตอบกวนๆเสียอย่างนั้น ทำให้คนไม่อยากมีเรื่องอดที่จะถามประชดกลับไม่ได้
“ทำไมเจ้าไม่บอกข้าตั้งแต่เมื่อคืนล่ะ
ข้าจะได้ออกเดินทางตั้งแต่เมื่อคืนซะเลย”
คนตัวเล็กมองค้อนแต่ไม่ได้ต่อปากต่อคำอีก
“ผมต้องไปรถคันไหน?”คนรวนเปลี่ยนเรื่องเสียดื้อๆ
“คันนั้น”ชีคนาซชี้บอก ไม่ต่อความยาวเรื่องที่มันรวนเขาก่อน
‘คันนั้น’คือรถยุโรปสุดหรูสีดำที่มีเพียงไม่กี่คันในโลกที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ
แค่ดูก็รู้ว่าสร้างมาให้กันกระสุนได้ทั้งคัน ตอนนี้จอดอยู่เป็นคันที่สามในขบวน ข้างๆรถมีบอดีการ์ดยืนเปิดประตูรอ
คนตัวเล็กพยักหน้ารับทราบ
ก่อนจะหันไปหากลุ่มคนของตน
“ไผทกับเธอไปกับเรา”มันหันไปสั่งมือซ้ายกับหญิงสาวคนเดียวในกลุ่มให้ขึ้นรถ แต่..
“ใครบอกว่าจะให้สองคนนั้นขึ้นรถคันนั้น
นั่นมันเฉพาะข้ากับเจ้าเท่านั้น ”ชีคนาซขัดขึ้น
คนตัวเล็กขมวดคิ้ว “ทำไมผมถึงต้องไปกับท่าน?”
“เพราะเจ้าเป็นแขกของข้า ทำไม
ไปกับข้า เจ้ามีปัญหาอะไร?”ชีคนาซถามอย่างหงุดหงิดเมื่อคิดว่ามันไม่อยากนั่งรถคันเดียวกับเขา
“แต่เลขาของผม”อาทิตยาเป็นห่วงจินนี่
เพราะถึงจะเป็นแค่หญิงเทียม แต่เธอก็บอบบางยิ่งกว่าผู้หญิงแท้ๆบางคนเสียอีก
“ทำไม
เจ้ากับนางตัวติดกันหรือไง? ถึงจะต้องนั่งรถคันเดียวกันด้วย”
ชีคนาซถามอย่างประชดเมื่อเห็นคนตัวเล็กเอาใจใส่เลขาสาวคนนั้น
‘ทีเมื่อคืนไม่เห็นมันจะสนใจนางรำคนไหนเลย
แต่เช้านี้กลับดูเป็นห่วงเป็นใยเลขาสาวออกนอกหน้า หรือว่าจะไม่ใช่แค่เลขาแต่เป็นคู่รักที่มันพามาด้วย’ คิดถึงตรงนี้ยิ่งทำให้คนคิดหงุดหงิดใจยิ่งขึ้น
“ก็เธอเป็น....ผู้หญิง ถ้าเกิดอะไรขึ้นระหว่างทางจะทำยังไง?”คนเป็นแขกท้วง
“เจ้าคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นงั้นรึ?”ชีคนาซถามหน้าบึ้งตึง
“ก็ท่านบอกเองว่า
การเดินทางผ่านทะเลทรายอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้
เช่นอาจจะเจอกับพวกโจรทะเลทราย”มันทวนประโยคที่ชีคนาซเคยบอกอย่างแม่นยำ
“เจ้ากลัว?”ชีคนาซเลิกคิ้วถาม
“ผมไม่ได้กลัว แต่ห่วงว่าคนของผมจะได้รับอันตราย
ท่านเคยได้ยินไหม ประโยคที่ว่า กันดีกว่าแก้น่ะ”มันบอก
“เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก
คนของข้าที่จะไปด้วยเป็นมือดีทั้งนั้น
ข้ารับรองความปลอดภัยของพวกเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์”ท่านชีครับรอง
“ให้เธอไปกับผมก็ได้
ไม่ต้องห่วง”
ไผทรีบขันอาสา เพราะดูแล้วชีคนาซคงจะไม่ยอมให้คนตัวเล็กห่างกายแน่
แถมยังเหมือนจะไม่ยอมให้ใครเข้ามาแทรกกลางอีกต่างหาก ผู้ชายด้วยกันดูกันออกว่าชีคนาซนั้นรู้สึกพิเศษกับเจ้านายตน
แต่อาจจะไม่ถึงกับ ‘รัก’เพราะยังไม่รู้ความจริง แต่ถ้ารู้ความจริงแล้วล่ะก็ เขาก็ไม่อยากคิดต่อว่าจะเกิดอะไรขึ้น
เมื่อเจ้านายของเขานั้นไอคิวสูงลิ่ว แต่อีคิวติดลบ อย่าว่าแต่มีคนมาคอยตื้อคอยตามจีบเลย
แค่มีใครเข้ามาคุยให้รำคาญใจ ฝ่ายนั้นก็เตรียมตัวต้อนรับความหายนะได้เลย
เมื่อไผทออกมารับหน้า อาทิตยาก็พยักหน้ารับก่อนจะโบกมือให้คนของตนขึ้นรถตามที่คนของชีคนาซชี้บอก
แล้วเฝ้ามองจนคนของตัวเองกับบอดีการ์ดของชีคนาซ ทยอยขึ้นรถจนหมด
ก่อนจะก้าวขึ้นนั่งเคียงข้างคนตัวใหญ่ที่นั่งหน้าบึ้งรออยู่ในรถ ทันทีที่ประตูรถคันสุดท้ายปิดลง
ขบวนเดินทางก็เริ่มเคลื่อนที่
ขบวนรถวิ่งไปตามรถขนาดใหญ่ในเมืองดูรฮาล
ซึ่งเต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้าตั้งตระหง่านอยู่บนสองข้างทาง
อาคารต่างๆถูกออกแบบจากช่างชาวตะวันตกทำให้งดงามและทันสมัยที่สุด
ด้วยอำนาจเงินที่ได้จากการขายน้ำมัน ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างมากมายมหาศาล
ไม่ว่าจะเจาะลงไปที่ตรงไหนก็เจอ ไม่เว้นแม้แต่ในทะเล ทำให้คนที่นี่ร่ำรวยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ต้นตระกูลบาฮจาเคยเป็นหัวหน้าเผ่าเร่ร่อนที่เก่งกาจที่สุด
เขามีอาณาเขตของตัวเองมากกว่าครึ่งประเทศ
แล้วทายาทรุ่นต่อมายังมีความยังมีความสามารถทางการค้าอีก โดยเฉพาะทายาทรุ่นล่าสุดที่มีชีคนาซ
อซีซาเป็นผู้นำ เขาได้ขยายธุรกิจของตระกูลไปยังประเทศต่างๆทั่วโลก
ทำให้ขณะนี้ตระกูลบาฮจาร่ำรวยและมีอำนาจมากในประเทศนี้ มากกว่าองค์ซีมา
อุซามะกษัตริย์ผู้ปกครองประเทศด้วยซ้ำ
เมื่อขบวนรถวิ่งออกห่างจากตัวเมืองออกไปก็ได้พบกับทะเลทรายกว้างสุดสายตา
เนินทรายสูงต่ำสลับกันแลจรดขอบฟ้า ทะเลทรายสีขาวหม่นเป็นเนินสูงๆต่ำๆ
ทำให้เกิดภูมิทัศน์แปลกตา ถนนลาดยางสีดำคดโค้งทอดตัวผ่านผืนทราย
มองไปคล้ายกับงูยักษ์ที่กำลังเลื้อยออกไปหาอาหาร
อาทิตยานั่งมองทัศนียภาพสองข้างทางอย่างสนใจ
เพราะเคยเห็นแต่ในทีวี และไม่คิดจะมาสัมผัสกับบรรยากาศเช่นนี้จริงๆ
เพราะในความรู้สึกของเธอ ต่อให้ต้องลำบากแค่ไหนก็ขออย่างเดียวคือให้มีน้ำเพียงพอ
เพราะต่อให้ขาดอาหารยังสามารถอดทนได้หลายวัน แต่ขาดน้ำนี่สิอยู่ได้ไม่ถึงสองวัน
และเธอก็มีความอดทนต่ำกว่าคนทั่วไปด้วยสิ
“เป็นไง ทะเลทรายสวยไหม?”ชีคนาซถามขึ้นหลังจากปล่อยให้แขกคนสำคัญมองดูวิวข้างทางอย่างสบายใจ
“สวยดี”คนตัวเล็กตอบด้วยน้ำเสียงแจ่มใสขึ้น
“ความสวยมักมาพร้อมกับอันตรายเสมอ”
ชีคนาซพึมพำเบาๆ
ทะเลทรายที่ดูไปคล้ายไร้สิ่งมีชีวิต แต่กลับซ่อนอันตรายไว้อย่างน่าพรั่นพรึง
ทั้งพายุทรายที่ก่อตัวอย่างรวดเร็วเกินกว่าจะหาที่หลบทัน
สัตว์มีพิษที่ซ่อนตัวอยู่ใต้พื้นทราย รวมทั้งโจรร้ายที่กระจายตั้งกองกำลังและเคลื่อนกลุ่มไปเรื่อยๆซึ่งยากแก่การปราบปราม
“ผู้ชายอาหรับมักเก็บผู้หญิงไว้ในฮาเล็ม
จริงรึ?”คนตัวเล็กถามขึ้น
“ทำไม?
เจ้าอยากทำอย่างนั้นบ้างหรือไง?”ชีคนาซเย้ายิ้มๆ
“ไม่ ผมไม่ชอบผู้ชายแบบนั้น”คนตัวเล็กตอบเสียงแข็ง ผู้ชายมักมากแบบนั้น
เธอไม่เก็บเอาไว้ทำพันธุ์หรอกมีแต่จะทำลายให้สิ้นซากจะได้ไม่ไปสร้างความทุกข์ใจให้ผู้หญิงได้อีก
“แล้วเจ้าชอบ…”ท่านชีคกัดลิ้นไว้ทัน เขาจะถามมันทำไมว่าชอบผู้ชายแบบไหน
ก็ในเมื่อมันก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน
“หือ?”คนตัวเล็กเลิกคิ้วถาม เมื่ออีกฝ่ายยังพูดไม่จบประโยคแต่ก็เงียบไปเฉยๆ
ชีคนาซถอนหายใจ
“เป็นบางคนเท่านั้นที่ชอบมีผู้หญิงเป็นฮาเล็ม…แต่ส่วนมากก็มักมีภรรยาแค่คนเดียว”เขาตอบ
“แล้วพวกเขาไปฉุดผู้หญิงมาเก็บไว้ในฮาเล็มไหม?”คนตัวเล็กตั้งคำถาม
“ไม่…กฎหมายของที่นี่ห้ามเด็ดขาดเรื่องฉุดคร่าหญิงสาว
ผู้ชายที่จะมีเมียมากได้จะต้องมีกำลังทรัพย์มากพอที่จะเลี้ยงดูลูกเมียให้สุขสบาย
ถ้าใครปล่อยให้ลูกเมียลำบากจะโดนลงโทษ”ชีคนาซอธิบาย
“แล้วถ้ามีพวกที่ไปฉุดผู้หญิงมาโดยที่พวกเธอไม่เต็มใจล่ะ?”คนตัวเล็กถามต่อ
“ถ้าทำอย่างนั้นจะต้องถูกลงโทษสถานหนัก
ทางด้านกฎหมาย และอาจจะโดนลงโทษตามกฎศาสนาด้วย ตามที่ผู้กระทำผิดนับถือ”
คนฟังพยักหน้า แสดงว่าที่ชีคอัลลามกระทำนั้นผิดกฎหมายอย่างร้ายแรง
แต่อำนาจและเงินตราสามารถใช้สองมือปิดฟ้าได้จริงๆ แต่…ถ้าไร้อำนาจและเงินตราเมื่อไรนั้นแหละการกระทำที่เลวร้ายจะผุดขึ้นมาประจานทีหลัง
เรียกว่า ‘น้ำลดตอผุด’ …รอก่อน..เธอนี่แหละจะ ‘สูบน้ำ’ล่อเลี้ยงไอ้คนชั่วนั้นนั้นเหือดแห้งไปโดยเร็ว แล้วคอยดูว่าเมื่อไม่มีเงินไม่มีอำนาจแล้ว
มันยังจะกล้าเหิมเกริมอยู่เช่นเดิมอีกไหม
“ทำไมเจ้าถึงสนใจเรื่องนี้?”ชีคนาซถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งเงียบคิ้วขมวดคล้ายครุ่นคิดบางอย่างอยู่ในใจ
“ก็เคยได้ยินเรื่องผู้หญิงในฮาเล็มก็เลยถามดู”อีกฝ่ายตอบ
จากนั้นก็หันกลับไปมองข้างทางอีกครั้ง
“ที่เมืองดาเรน
นอกจากโรงกลั่นน้ำมันแล้วมีอะไรอีกไหม?”อาทิตยาสอบถาม
ทั้งๆที่ได้ข้อมูลรายละเอียดของเมืองดาเรนมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว
“ก็มีตลาดนัดที่พวกพ่อค้าเร่จะนำของจากเมืองต่างๆมาวางขาย
รวมทั้งมีตลาดขายอูฐด้วย”ชีคนาซตอบ
“ตลาดนัดแล้วก็ตลาดอูฐ?”คนถาม ถามอย่างสนใจ
“ใช่
เจ้าอยากไปดูไหมล่ะ?”ชีคนาซถามเมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นของมัน
“อืม ไปสิ ผมไม่ค่อยได้ไปตลาดนักหรอก”
เพราะคนชอบมองเธอเหมือนเห็นตัวประหลาด
ยิ่งไปกันเป็นกลุ่มคนยิ่งเรียกว่าตั้งแต่ต้นซอยยันท้ายซอยเลยทีเดียว
ดังนั้นเธอจึงไม่ชอบออกไปที่ชุมนุมชนสักเท่าไร
เธอไม่เคยรู้เลยว่าที่คนมองเพราะออร่าที่แผ่ออกมาจากตัวต่างหาก
เพราะไม่เคยใส่ใจเรื่องรูปกายภายนอกเธอจึงไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้มากนัก
ชีคนาซขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำตอบนั้น
หมายความว่ามันไม่ค่อยได้ไปไหนเลยใช่ไหม? ช่างน่าสงสารนัก
มันยังเด็กแต่กลับต้องมาทำงานหามรุ่งหามค่ำเช่นนี้
ใครกันนะช่างใจร้ายใช้งานไอ้ตัวเล็กหนักขนาดนี้
ชีคนาซคิดเวทนาคนตัวเล็กข้างกายโดยไม่รู้เลยว่าคนที่น่าสงสารคือคนที่ต้องทำงานกับคนตัวร้ายต่างหาก
“มีอะไรหรือเปล่า?”
คนตัวเล็กสงสัย เมื่อเห็นชีคนาซใช้วิทยุคลื่นสั้นติดต่อกับคนของตนในภาษาที่ฟังไม่เข้าใจ
“เปล่าหรอก
ข้าแค่ต้องการให้บางส่วนไปเคลียร์เส้นทางล่วงหน้า
เพราะเส้นทางแถวนี้ยังเป็นเขตของพวกพ่อค้าเร่ และเผ่าเร่ร่อน
บางทีก็พวกกองโจรทะเลทราย”
อาทิตยารับฟังอย่างสนใจ แสดงว่ากองโจรทะเลทรายมีจริง
และพวกเธออาจจะปะทะกับพวกมันเมื่อไรก็ได้ แต่ขณะนี้อาวุธพวกเธอยังไม่พร้อมเลย
เพราะมาในคราบนักธุรกิจ ไม่สามารถพกพาอาวุธร้ายแรงมาด้วยได้
“โจรทะเลทรายออกปล้นสะดมปล่อยไหม?”
“ไม่บ่อย
เจ้ากลัวรึ?”ชีคนาซตอบและกระเซ้ากลับ
คนถูกกระเซ้ายักไหล่ “เปล่า เพียงแค่ผมไม่ได้เตรียมตัวมาเพื่อรบ
ดังนั้นรู้เขารู้เราไว้ก่อนก็ดี”
ชีคนาซหัวเราะกับคำตอบนั้น เขารู้ว่ามันคงจะกังวล
เพราะมันยังเด็กถึงจะคุยโวไปบ้าง แต่เด็กก็คือเด็กที่ยังขี้ขลาด
แต่เขามั่นใจว่าตัวเองดูแลคุ้มครองมันได้
“อย่ากลัวเลย ในพื้นที่ของข้าไม่มีโจรกลุ่มไหนกล้าอาระวาดหรอก”ชีคนาซรับประกันอย่างมั่นใจ
คนฟังเพียงแค่พยักหน้ารับ
ไม่อยากบอกหรอกว่าเธอไม่ได้กลัว เพียงแต่อาวุธยังไม่พร้อม และมีงานสำคัญรออยู่จึงไม่อยากเสียเวลากับเรื่องไร้สาระเช่นนี้
ขบวนรถยังคงเคลื่อนต่อไปบนถนนที่คดเคี้ยว
ทะเลทรายที่ทอดยาวสุดสายตาเมื่อโดนเปลวแดดก็ทอแสงระยิบระยับประดุจอัญมณีอันล้ำค่า
บางคราก็มองเห็นกระโจมพักของชนเผ่าเร่ร่อนที่สร้างที่พักแรมชั่วคราว
บางทีก็เห็นอูฐบรรทุกสัมภาระเดินเป็นขบวนผ่านทะเลทรายร้อนระอุ
“เราจะพักทานอาหารเที่ยงกันที่โอเอซีสข้างหน้า”ชีคนาซบอกเบาๆ
โอเอซีสที่มองเห็นอยู่ไกลๆในพยับแดดคล้ายภาพลวงตา
มันคือแอ่งน้ำอันโดดเดี่ยวกลางทะเลทราย ล้อมรอบไปด้วยพืชพันธ์ไม้ต่างๆ
ซึ่งถือได้ว่าเป็นความอยู่รอดและความหวังของสิ่งมีชีวิตในดินแดนที่แห้งแล้งและกันดารแบบนี้
เมื่อขบวนรถของชีคนาซหยุดที่โอเอซีส
ก็พบว่าขณะนี้มีอูฐกว่ายี่สิบเชือกและผู้คนหลายสิบคนจับจองอยู่ก่อนแล้ว
เมื่อคนตัวเล็กขยับตัวเตรียมก้าวลงจากรถชีคนาซก็รีบห้ามไว้
“อย่าเพิ่ง รอให้แน่ใจก่อน”
“พวกเขาเป็นใคร?”คนตัวเล็กขมวดคิ้วถามอย่างกังขา
“พวกเร่ร่อน..แต่อาจจะมีพวกนักฆ่าแฝงตัวมาก็ได้”ชีคนาซยักไหล่ตอบเสียงเรียบไม่แสดงอาการหวาดหวั่นแต่อย่างใด
พวกบอดีการ์ดของชีคนาซ
รีบลงไปเคลียร์พื้นที่อีกด้านหนึ่งที่ไม่มีใครจับจอง
ก่อนจะจัดตั้งสำรับที่ขนมาอย่างมากมายจนแทบไม่น่าเชื่อว่าจะขนมาได้หมด
เมื่อเรียบร้อยแล้วนาซีมก็เดินมารายงาน
“เรียบร้อยแล้วครับ”
“พวกนั้น...”ชีคนาซพยักเพยิดไปทางคนกลุ่มนั้น
“พวกพ่อค้าเร่ร่อน..กำลังจะเดินทางไปที่ดาเรนเหมือนกันครับ”นาซีมรายงาน
“ข้าว่าพวกมันคงไม่ใช่พวกเร่ร่อนธรรมดาแน่..จับตาดูให้ดี”ชีคนาซกำชับ
นาซีมคำนับรับคำสั่งก่อนจะไปสั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้น
“ท่านรู้ได้ยังไงว่าพวกนั้น
ไม่ใช่พวกเร่ร่อนธรรมดา”คนตัวเล็กถามอย่างกังขาระหว่างเดินเคียงกันมายังที่ตั้งสำหรับ
“สัญชาตญาณ”ชีคนาซตอบสั้นๆ
กองคาราวานของพวกเร่ร่อนเริ่มเคลื่อนไหว
พวกเขาโค้งคำนับเป็นเชิงล่ำลาอยู่ไกลๆก่อนออกเดินทาง เมื่อไม่มีกองคาราวานอยู่ด้วยทั้งโอเอซีสก็เปรียบเสมือนโลกส่วนตัวของชีคนาซ
“เจ้าอยากอาบน้ำก่อนจะออกเดินทางต่อไหม?”
ชีคนาซถามขณะนอนเอกเขนกอยู่ใต้ร่มอินทผลัมอย่างสบายใจหลักจากรับประทานอาหารอย่างอิ่มหนำสำราญแล้ว
ราวกับว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวฉะนั้น
“อาบน้ำ!”คนตัวเล็กอุทานตาโต
ให้อาบน้ำในที่โล่งแจ้งท่ามกลางผู้ชายหลายสิบนายนี่นะ
ไผท
ก้มหน้าซ่อนยิ้มเมื่อเห็นอาการของเจ้านายตน
“หัวเราะอะไร?”มันหันมาทำตาเขียวใส่มือซ้ายของตน
“ผมว่าก็เข้าท่าดีนะครับ
อากาศร้อนขนาดนี้ ถ้าได้อาบน้ำเย็นๆคงสดชื่นดี”เขากระเซ้า
เพราะความคุ้นเคยบวกกับเคยเป็นครูฝึกสอนเรื่องการต่อสู้ทำให้คนตัวเล็กไม่ค่อยกล้าแผงฤทธิ์ใส่มากนัก
เพราะรู้ว่าฝีมือตนสู้คนเป็นครูไม่ได้ แต่ถ้าเป็นกันต์กล่าวเช่นนี้
ป่านนี้คงได้ลงไปนอนกองกับพื้นแล้ว
“เดินทางต่อเถอะ”มันบอกก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างหงุดหงิด
ชีคนาซขมวดคิ้วไม่เข้าใจกับอาการของเจ้านายกับลูกน้องคู่นี้
จะว่าไม่ถูกกันก็ไม่ใช่ จะว่ารักกันก็ไม่เชิง
“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้
ยังไงวันนี้ก็ดาเรนแน่ๆ”ชีคนาซลุกตามพร้อมบอกอย่างอารมณ์ดี
“แต่ผมอยากให้ถึงเร็ว
ยิ่งเร็วก็ยิ่งทำงานได้เร็วขึ้น”คนเดินนำบอกเรากับผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบมากมาย
ชีคนาซมองอาการของมันแล้วก็ขมวดคิ้ว บางทีมันเหมือนเด็กไร้เดียงสา
บางครามันก็เหมือนผู้ใหญ่ที่แบกภาระรับผิดชอบไว้มากมาย
หรือเพราะหน้าที่ที่มันทำอยู่ จึงทำให้มันต้องกลายเป็นแบบนี้ มันที่ควรสดใสร่าเริงแบบเด็กๆกลับต้องมารับผิดชอบงานที่ใหญ่เกินตัว..ช่างน่าสงสารยิ่งนัก
“เจ้ามาอยู่กับข้าดีไหม?”ชีคนาซเอ่ยถามเบาๆเมื่อนั่งเคียงกันบนรถ
“อยู่กับท่าน?”อาทิตยาทวนคำถามอย่างแปลกใจ
“ใช่ มาอยู่กับข้า เจ้าจะได้ไม่ต้องมาทำงานหนักอย่างนี้”ชีคนาซบอกเสียงอ่อนโยน
คนถูกชวนนิ่วหน้าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะคลี่ยิ้มอย่างสดใส
รอยยิ้มนั้นทำให้คนที่นั่งข้างๆหัวใจเต้นแรงแทบกระดอนออกมานอกอก
จนต้องเมินหน้าหนีเพื่อซ่อนอาการ
“แล้วจะให้ผมทำอะไร?”คนถามถามอย่างสนใจ
“ก็แล้วแต่เจ้า..”ชีคนาซบอก ‘ขอแค่อยู่ข้างๆข้าอย่างนี้ก็พอ’เขาบอกประโยคหลังในใจ
“ว่าไงล่ะ?.”ชีคนาซถามซ้ำเมื่อไม่ได้รับคำตอบ
“คงไม่ได้หรอก
บริษัทของผม..เอ่อ..ผมหมายทีเคกรุ๊ปจะอยู่อย่างไรเมื่อไม่มีผม”คนถูกชวนปฏิเสธพร้อมให้เหตุผล
“เจ้าสำคัญกับทีเค
กรุ๊ปขนาดนั้นเชียวรึ?”ชีคนาซถามอย่างกังขา
“แน่นอน”คนตอบยึดอกอย่างภูมิใจ...ประธานบริษัทก็ต้องสำคัญแน่นอนอยู่แล้ว
“เจ้าทำอะไรที่ทีเครึ?”ชีคนาซถามตรงๆ
“ก็..”คนตอบอึกอัก
“ทุกอย่างนั่นแหละ แล้วแต่สถานการณ์”
ประธานบริษัททำอะไร เธอก็ทำอย่างนั้นแหละ
แต่อาจจะมากกว่าประธานบริษัทอื่นนิดหน่อยตรงที่ถ้ามีใครกล้ามาหยาม จะต้องตาม ‘เอาคืน’ แบบนี้
“ถ้าข้าให้เจ้ามากกว่าทีเค สิบเท่าล่ะ?”ท่านชีคลองยื่นข้อเสนอ
“สิบเท่า!”
อาทิตยาอุทานตาโต ก่อนจะหัวเราะเบาๆ สิบเท่า..ตอนนี้ทีเค
กรุ๊ปมีมูลค่าทรัพย์สินอยู่เท่าไรนะ คงต้องถามกันต์ซะแล้ว เพราะเธอมัวแต่สนุกกับงานมากกว่าสนใจมูลค่าของสินทรัพย์
แต่ถ้าได้จากชีคนาซมาอีกสิบเท่า เธอคงกลายเป็นคนรวยที่สุดในโลกแน่ๆ
“เจ้าคิดว่าข้าพูดเล่นอย่างงั้นรึ?”ชีคนาซถามอย่างหงุดหงิดเมื่อเห็นมันหัวเราะคำพูดของตน
“เปล๊า”เธอปฏิเสธเสียงสูงแต่ยังคงยิ้มขัน...เธอเชื่อว่าชีคนาซพูดจริงแต่จะจ่ายได้จริงหรือเปล่านั่นมันอีกเรื่องหนึ่ง
“ขอบคุณที่ท่านให้โอกาส..ผมจะลองกลับไปคิดดูก็แล้วกัน”เธอบอกเพื่อไม่ใช่ชีคนาซเสียหน้าจนเกินไป
ชีคนาซพยักหน้ารับ
แต่ดูจากท่าทางของมันแล้วเขาก็รู้ว่ามันคงปฏิเสธ..มันคงมีตำแหน่งไม่น้อยในทีเค
กรุ๊ป..หรือว่ามันเป็นลูกของผู้บริหาร
มีโอกาสจะก้าวขึ้นเป็นผู้บริหารต่อไป....อาจจะเป็นไปได้ เพราะว่ามันฉลาดมากถึงแม้อายุยังน้อยแต่มันก็มีสมองสมราคาคุย
ที่ทีเคกรุ๊ปส่งมันมาเจรจาในครั้งนี้ทั้งๆที่เพิ่งถูกปฏิเสธไปก็แสดงว่า
ทีเคกรุ๊ปต้องเชื่อมั่นในตัวมันไม่น้อย
ไม่เป็นไร..ยังมีเวลา มันบอกว่าจะอยู่ต่ออีกสักพัก
บางทีอาจจะมีวิธีรั้งมันไว้ได้ ชีคนาซบอกกับตัวเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น