ซีรีย์นิยายชุด:วายร้ายยอดรัก เรื่อง ยอดร้าย ยอดรัก ตอนที่ 4


ตอนที่4 อาหรับราตรี

ทันทีที่รถของชีคนาซ อซีซา ลับสายตา คนที่ทำท่าสัปหงกอยู่บนรถมาตลอดทางตั้งแต่สนามแข่งอูฐจนมาถึงโรงแรม ก็กระปี้กระเป่าขึ้นทันที ไม่เหลือเค้าของคนง่วงนอนอยู่เลย
ถ้าไม่แกล้งทำเป็นง่วงนอน ชีคบ้าอำนาจนั่นคงตามประกบแจถึงเย็นแน่อาทิตยาถอนใจ เพิ่งจะเป็นครั้งแรกที่ต้องอดทนเวลามีคนขัดใจ เพื่องานสำคัญ เธอท่องประโยคเดิมซ้ำๆ เพราะรู้ดีว่าคงต้องทนกับชีคเอาแต่ใจคนนี้ไปอีกหลายวัน
เรียกประชุมด่วน ติดต่อกันต์ด้วย
เสียงใสสั่งการ ไผทคำนับ ก่อนเรียกลูกทีมเข้าร่วมประชุมอย่างรวดเร็ว
       
    
ชีคอัลลามยังอยู่ที่เมืองดาเรน 
หน่วยข่าวถึงเมืองดาเรนแล้ว แต่คฤหาสน์ของชีคอัลลามมีระบบรักษาความปลอดดีเยี่ยมไม่สามารถเข้าไปสำรวจภายในได้
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างครุ่นคิด ทำอย่างไรถึงจะเข้าไปช่วยปาริฉัตต์ออกมาได้โดยเร็วที่สุด
 “เมื่อไหร่ที่หน่วยจู่โจมแต่ละหน่วยจะไปถึงเมืองดาเรน?”
อาทิตยาถามกลับไปยังฐานหลักที่ติดตามความเคลื่อนไหวของแต่ละหน่วยด้วยดาวเทียม
“คาดว่าพรุ่งนี้ช่วงค่ำน่าจะไปรวมตัวกันครบครับ”กันต์รายงาน เพราะเงินที่เขาจ่ายไปก้อนใหญ่นั้นสามารถทำให้คนของทีเคกรุ๊ปเดินทางได้เร็วกว่าที่คาดไว้
“แล้วอาวุธล่ะ?”ไผทถาม
“พร้อมครับ แต่แยกไปกับหน่วยต่างๆ ไปรวมกันเมื่อไหร่ก็ประกอบกันพร้อมใช้งานได้เลย”กันต์ตอบ
อาวุธที่ทันสมัยที่สุดที่ถูกคิดค้นโดยอัจฉริยะของทีเคกรุ๊ปนั้น เมื่อแยกกันมันจะเป็นแค่เสาเต็นท์หรือไม่ก็อุปกรณ์พกพาอื่นๆ ซึ่งทำให้เครื่องตรวจอาวุธไม่มีทางตรวจจับหาได้ แต่ถ้าพวกมันรวมกันเมื่อไร มันจะกลายเป็นอาวุธที่มีประสิทธิภาพสูงทันที
“ส่งข้อมูลทั้งหมดได้มาให้หน่อย”อาทิตยาสั่ง
กันต์ส่งไฟล์ข้อมูลผ่านอีเมล์ แต่ต้องใช้ลายนิ้วมือของอาทิตยาหรือไผทสแกนเท่านั้นถึงจะเปิดไฟล์นั้นได้ และถึงแม้คนอื่นๆจะเปิดได้ก็ไม่สามารถเข้าใจ เพราะภาษาที่ใช้เป็นโค๊ดรหัสทั้งหมด และคนที่อ่านได้ก็จะมีเฉพาะคนของทีเคกรุ๊ปแค่ไม่กี่คนเท่านั้น
อาทิตยากับไผทอ่านข้อมูลที่เปิดดูจากนั้นก็ช่วยกันวิเคราะห์ ข้อมูลและวางแผนเพื่อหาทางเข้าใกล้คฤหาสน์ของชีคอัลลามให้มากที่สุด

การประชุมเคร่งเครียดดำเนินไปกว่าสามชั่วโมง
เจ้านายครับ จะถึงเวลานัดแล้วนะครับ ไผทเตือนเบาๆ
ร่างบางดูนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะถอนใจอย่างหงุดหงิด เอาล่ะ ยกเลิกการติดต่อ”
และเมื่อหน้าจอโน๊ตบุ๊คดับลง อาทิตยาก็หันไปสั่งบอดีการ์ดรวมทั้งจินนี่
“แยกย้ายกันไปทานอาหาร แล้วพักผ่อน เตรียมตัวออกเดินทางพรุ่งนี้
ไผทไปข้างนอกด้วยกันนะร่างบางบอก มือซ้ายที่เดินรั้งท้าย
ครับชายหนุ่มคำนับรับคำก่อนจะก้าวออกจากห้องไปเป็นคนสุดท้าย
อาทิตยาเดินไปล็อคประตูห้องก่อนอาบน้ำเปลี่ยนชุด พลางนิ่วหน้าครุ่นคิด ทำไมชีคนาซ ถึงได้เกาะติดหนึบขนาดนี้นะ หวังว่าเขาคงไม่ได้ระแวงอะไรเราหรอกนะ
           
***************

ชีคนาซ อซีซา บาฮจา มาถึงโรงแรมบาฮจาลีก่อนเวลานัดเล็กน้อย เขาจึงนั่งรอแขกคนสำคัญอยู่ที่ลอบบี้โรงแรม ไม่นานลิฟท์หน้าลอบบี้ก็เปิดออก ร่างระหงก้าวออกมาพร้อมกับบอดีการ์ดร่างใหญ่
ชีคนาซ มอง คนตัวเล็กที่เดินตรงมาอย่างสง่าพลางครุ่นคิด ไอ้ตัวเล็กนี่มันมีชุดแบบเดียวนี้แบบเดียว หรือว่ามันกลัวว่าคนจะไม่รู้ว่าตัวเองเป็นนักธุรกิจ จึงต้องใส่สูทอยู่ตลอดเวลา
ร่างบางชะงักเท้าคิ้วเรียวขมวดมุ่นเมื่อเห็นอาการอมยิ้มของคนที่ยืนรอ ท่านขำอะไร?”เสียงใสถามอย่างไม่พอใจ
เปล่า ข้าแค่สงสัยว่าเจ้ายังไม่อาบน้ำหรือไม่ยอมเปลี่ยนชุดกันแน่?คนตอบกลั้นหัวเราะจนตัวสั่น เมื่อเห็นอาการกระฟัดกระเฟียดของคนตัวเล็ก
ท่านก็ใส่ชุดเหมือนเดิม งั้นก็ไม่ได้อาบน้ำไม่ได้เปลี่ยนชุดเหมือนกันนะสิคนถูกว่าไม่อาบน้ำย้อนอย่างไม่ยอมแพ้
ท่านชีคก้มลงมองชุดตัวเอง เออ แหะ มันเหมือนชุดเดิมจริงๆนั่นแหละชุดอาหรับชุดไหนก็ดูคล้ายกันหมด
อืม..คงงั้นมั้ง ดีเหมือนกัน คนไม่อาบน้ำสองคนไปด้วยกัน คนอื่นจะได้ไม่กล้าเข้าใกล้ท่านชีคหัวเราะเบาๆไม่ทุกข์ร้อน
ผมอาบน้ำแล้ว ไม่สกปรกเหมือน..คนตอบกัดลิ้นไว้ทัน
เหมือนข้างั้นสิท่านชีคต่อให้ยิ้มๆ
ผมไม่ได้พูดคนไม่ได้พูดแต่คิด ปฏิเสธเสียงแข็ง
แต่ตาเจ้ามันบอกอย่างนั้นท่านชีคว่า
ท่านอย่ามาหาความผมนักได้ไหม ตกลงท่านนัดผมมาทานอาหารหรือมาทะเลาะกันแน่?” ‘แขกเริ่มหมดความอดทน
อย่าเพิ่งโมโหหิวน่า ข้าจะพาเจ้าไปกินเดี๋ยวนี้แหละ
ท่านชีคว่ายิ้มๆก่อนจะหมุนตัวเดินนำ คนเดินตามมองค้อนก่อนก้าวเดินเคียงข้างคนที่ชะลอเท้ารั้งรอ

รถสปอร์ตเปิดประทุนสุดหรูจอดรออยู่หน้าโรงแรม บอดีการ์ดสองนายเปิดประตูรอ คนตัวเล็กก้าวขึ้นนั่งเคียงข้าง คนตัวโตที่ทำหน้าที่เป็นคนขับ ส่วนไผทก้าวขึ้นรถอีกคัน
รถคันเล็กวิ่งฉิวทันทีที่ชีคนาซแตะพวงมาลัย อาทิตยารีบเอามือจับผมตัวเอง เพราะกลัวว่าผมปลอมจะปลิวหลุดลอยไปตามลม ถึงแม้เจ้าของผลงาน วิกพิเศษนำจะรับรองเป็นมั่นเป็นเหมาะว่ามันไม่หลุดแน่แม้จะโดนถลกหนังหัวก็ตาม ต้องใช้นำยาชนิดพิเศษราดเท่านั้นจึงจะถอดออกได้ แต่คนใส่ยังไม่ไว้ใจส่วนเกินของร่างกายอยู่ดี
ชีคนาซ ชะลอความเร็วลงเมื่อเห็นอาการของคนนั่งข้างๆ
เจ้าทำอะไร?..ท่าทางแปลกประหลาดพิกลคนถามหัวเราะขบขันกับท่าทางของมัน
คนถูกถามมองค้อน ก่อนจะกล่าวโทษ ก็ท่านขับรถราวกับเหาะ ทำให้ผมผมเสียทรงหมด หน้าก็ชาไปหมดแล้ว ว่าพลางเอามือถูหน้าไปมาเพื่อกลบเกลื่อนจนแก้มใสแดงระเรื่องขึ้นมา
ชีคนาซ อซีซา มองหน้าใสที่แต้มสีแดงรับกับริมฝีปากสีชมพูช่ำน้ำนั้นพลันน้ำลายในปากเขาก็แห้งผากเลือดลมในกายก็พลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างไม่สามารถระงับได้
บ้าเอ๊ย! มันเป็นผู้ชายนะ ผู้ชาย!’
เขาพร่ำบอกตัวเอง แต่หัวใจเขากลับเต้นกระหน่ำอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน
ชีคนาซยกประทุนปิด หันกลับไปตั้งใจขับรถโดยพยายามไม่มองคนที่นั่งข้างๆ  เขาจึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายแอบมองสำรวจตนอย่างพินิจพิจารณาพลางวางแผนรับมือเอาไว้ในใจ

เมืองดูรฮาลยามค่ำคืนสวยงามด้วยแสงไฟเหมือนเมืองใหญ่อื่นๆทั่วโลก รถราวิ่งกันขวักไขว่แต่ก็ไม่ได้ติดขัดเมืองเมืองไทย เพียงไม่นานนักขบวนรถของชีคนาซก็แล่นมาถึงถนนเลียบริมฝั่งแม่น้ำวารดา แม่น้ำสายหลักของดรูไรดาราน แสงไฟของบ้านเรือนริมสองฝั่งแม่น้ำเป็นประกายระยิบระยับ ราวจะแข่งกับแสงดาวบนท้องฟ้า
อาทิตยามองบรรยากาศรอบตัวอย่างผ่อนคลาย ดูไปบรรยากาศก็คล้ายๆกับริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาของไทย เพียงแต่แม่น้ำเจ้าพระยาจะกว้างกว่ามาก และมีบ้านเรือนริมน้ำหนาแน่นกว่าที่นี่
เป็นไง เจ้าชอบที่นี่ไหม?”
เสียงถามอ่อนโยนดังกังวานข้างหู รถก็ชะลอความเร็วลง ราวกับต้องการให้แขกได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศได้เต็มที่
แขกหันมามองหน้าคนถามอย่างแปลกใจมัจจุราชแห่งดรูไรดาราน ฆ่าคนได้ง่ายดายราวกระพริบตาข่าวที่ได้รับมาจริงหรือเท็จ...หรือว่าตอนนี้ต่างหากที่เป็นเท็จ
ก็สวยดี แล้วท่านจะพาผมไปทานอาหารที่ไหน?”คนที่ไม่ค่อยสนใจสิ่งรอบตัวนักถามถึงจุดประสงค์หลักทันทีตามประสาคนใจร้อน
เจ้าหิวแล้วหรือ?”เสียงถามกลั้วหัวเราะ
เปล่า แต่มาตั้งไกลแล้วยังไม่ถึงสักที ก็เลยถามดู
ใจเย็นๆสิ อยู่ข้างหน้านี่แหละท่านชีคบอก ก่อนจะเลี้ยวรถไปจอดหน้าอาคารหรูหราแห่งหนึ่งที่ถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงามด้วยไฟประดับระยิบระยับ
บอดีการ์ดสองนายรีบกุลีกุจอเปิดประตูรถให้ แขกมองร้านอาหารที่ตกแต่งสไตล์อาหรับอย่างสนใจ
เจ้าเคยทานอาหารอาหรับไหม?”ท่านชีคถามเสียงอ่อนโยน
คนถูกถามส่ายหน้า ไม่เคย
ลองดูก่อน ร้านนี้เป็นร้านอาหารอาหรับที่อร่อยที่สุดในเมืองดูรฮาลเลยนะ แต่ถ้าไม่ถูกปาก เราค่อยไปร้านอื่นกันท่านชีคกล่าวราวกับเป็นไกด์รายการเที่ยวไปกินไป
นักชิมจำเป็นถอนหายใจ ไม่เป็นไร อะไรผมทานก็ได้
เพราะปกติก็ไม่เคยยุ่งยากเรื่องกินอยู่แล้ว บางที่ยังเคยกินบะหมี่สำเร็จรูปด้วยซ้ำ แต่ต้องเป็นตอนที่กันต์ไม่อยู่ด้วยนะ เพราะรายนั้นทุกอย่างจะต้องดีที่สุด อาหารทุกอย่างต้องถูกคำนวณมาแล้วอย่างดีว่ามีสารอาหารครบทุกหมู่ตามหลักโภชนาการไหม แคลลอรี่เท่าไร และต้องกินเข้าไปเท่าไรจึงจะเป็นประโยชน์ที่สุด จนคนที่จะต้องกินแทบไม่อยากจะแตะอาหารนั้น แต่ก็ต้องจำใจกินเข้าไป ไม่อย่างนั้นจะโดนคนที่จัดทุกอย่างดีที่สุดให้บ่นงำงึมไปไม่เลิก
ใช่ เจ้ากินอะไรก็ได้ แต่แค่สามคำท่านชีคดักคอ
คนกินแค่สามคำมองค้อน ก็ผมอิ่ม ผมก็กินแค่นั้นนะสิ
กระเพาะเจ้าคงเล็กเท่ากำปั้นเจ้าล่ะมั้งชีคนาซว่า พลางมองมือมัน  มือเล็กๆที่โผล่พ้นสูทออกมานั้นเล็กมากเมื่อเทียบกับมือของเขา
ท่านมองมือผมทำไม?” ‘คนตัวเล็กถามอย่างระแวงพลางเอามือไขว่หลัง
เปล่า ข้าแค่แปลกใจว่าทำไมมือเจ้าถึงได้เล็กนัก
ก็..ก็ผมยังไม่โต คนตอบอึกอักนึกหาคำแก้ตัวไม่ทัน
ก็ไหนเจ้าบอกว่าเจ้าโตแล้วไง?ท่านชีคแย้งยิ้มๆ
ใช่ สมองผมนะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ร่างกายยังโตไม่เต็มที่คนที่โตแล้วแต่ตัวเล็กว่า
ท่านชีคหัวเราะเบาๆในความกะล่อนของมัน เจ้านี่ ช่างกะล่อนจริงๆว่าแล้วก็ก้าวเดินนำ

สาวใหญ่เจ้าของร้านอาหารนำพนักงานออกมายืนรอต้อนรับแขกผู้ทรงเกียรติเป็นแถว เธอแย้มยิ้มให้ท่านชีคอย่างอ่อนหวานและเชื้อเชิญแขกคนสำคัญของหล่อนเข้าสู่ห้องรับรองพิเศษด้านใน
ห้องพิเศษถูกตกแต่งด้วยพรมทอมือลวดลายงดงามตามแบบฉบับของชาวอาหรับ สีสันฉูดฉาดบาดตายิ่ง ในห้องมีเบาะรองนั่งอยู่หลายใบ ด้านหน้าเป็นโต๊ะเตี้ยๆคล้ายโต๊ะญี่ปุ่นแต่ใหญ่กว่าสำหรับวางจนอาหาร
 ชีคนาซ อซีซาทิ้งตัวลงบนเบาะหนานุ่มตัวใหญ่อย่างสบายใจ อาทิตยาเดินเลยจะไปนั่งยังเบาะถัดไปแต่ถูกชีคนาซคว้าข้อมือฉุดให้นั่งลงบนเบาะใบเดียวกัน เธอขยับตัวอย่างอึดอัด เพราะเบาะนั้นนุ่มเกินไป เมื่อคนตัวโตทิ้งน้ำหนักลงด้านหนึ่งของเบาะ ด้านที่คนตัวเล็กกว่านั่งอยู่จึงเอียงลาดลง ทำให้เธอไหลลงนั่งเบียดกับเขาอย่างจำใจ แม้มันพยายามขยับตัวหนี แต่ก็ไหลลื่นกลับมาเหมือนเดิมทุกที
ชีคนาซ อซีซา เหลือบตามองคนตัวเล็กที่กำลังมีปัญหากับเบาะนั่งอย่างขันๆ ปกติเขาก็ไม่เคยนั่งเบาะเดียวกับใคร แต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมวันนี้เขาจึงอยากนั่งร่วมเบาะกับมันนัก ยิ่งเวลามันไหลลื่นมานั่งเบียดชิดแบบนี้เขาก็ยิ่งพอใจ
ผมไปนั่งเบาะอื่นได้ไหม? ผมนั่งไม่สบายเลย” ‘แขกอุทรหลังจากที่พยายามถอยห่างร่างสูงหลายรอบแต่ไม่สำเร็จ
ไม่ได้! เจ้าไม่เห็นหรือว่าคนของข้ายังไม่ได้นั่งเลย
ท่านชีคปฏิเสธ ก่อนจะพูดเบาๆเป็นภาษาอาหรับกับบอดีการ์ดที่ยืนอารักขาอยู่รอบๆ  บอดีการ์ดทั้งหมดรีบหาที่นั่งทันที เบาะที่วางเรียงรายมีคนจับจองหมดในพริบตา
แขกตาโต กล่าวหาเสียงดัง ท่านแกล้งผม!”
           
ข้าแกล้งเจ้าเมื่อไหร่  เจ้าไม่ได้บอกนี่นาว่าเจ้ามีคนมาเพิ่ม เค้าก็จัดที่นั่งให้เท่ากับจำนวนแขกพอดี ยังดีนะที่เบาะของข้าใหญ่ เจ้าถึงได้มีที่นั่ง
ท่านชีคบอกราวกับว่า ... ที่ต้องมานั่ง เบียดกันแบบนี้เพราะความผิดของเธอเองที่พาไผทมาด้วยโดยไม่ได้บอกเขาก่อน
คนผิดตาวาวอย่างโกรธจัดอยากจะเล่นงานชีคบ้าอำนาจคนนี้สักครั้ง แต่เพราะเห็นว่ายังต้องใช้ประโยชน์จากเขา จึงจำต้องอดทนไว้ก่อน. ฝากไว้ก่อนเถอะ ฮึ่ม

พนักงานในร้านเริ่มทยอยยกอาหารเข้ามาเสิร์ฟอย่างต่อเนื่องจนเต็มโต๊ะ
เอาน่า..เลิกงอแงได้แล้ว คราวหลังข้าจะให้เขาจัดที่ไว้เยอะๆ ให้เจ้าเลือกนั่งได้อย่างสบายใจเลยชีคนาซพยายามลอมชอมคนนั่งตาวาวอยู่ข้างๆ
“อาหารมาแล้ว เจ้าลองดูหน่อยนะว่าจะถูกปากเจ้าไหม?”เจ้าถิ่นเปลี่ยนเรื่องเสียงอ่อนโยนเอาใจ
นี่พิต้า” “เอาไว้ทำเป็นแซนด์วิชแทนขนมปัง หรือไม่ก็ทาฮัมมุส  คล้ายๆกับขนมปังทาเนย แต่ฮัมมุสทำจากถั่วเขียวบด
ชีคนาซอธิบายพร้อมทั้งจัดการทาฮัมมุลลงบนพิต้าและวางลงบนจานตรงหน้าของคนที่หน้างอไม่เลิกอย่างเอาใจ
คนหน้างอจึงมองค้อน ก่อนถอนหายใจอย่างข่มอารมณ์ เพราะรู้ดีว่าไม่ใช่ถิ่นตนเองจะอาละวาดก็เกรงจะกระทบเรื่องสำคัญ
แล้วก็นี่ ...แกะชาวาร์มา  อาหารขึ้นชื่อของที่นี่เลยนะ ลองดูหน่อยชีคนาซตัดแบ่งเนื้อชิ้นเล็กพอดีคำวางในจาน พลางคะยั้นคะยอแขกบังคับเชิญให้ลองชิม
เขาจะหมักเนื้อกับเครื่องเทศ  เช่น กระวาน ยี่หร่า  แล้วก็โยเกิร์ต แล้วนำไปย่างโดยเตาพิเศษ เวลาย่างจะเสียบไม้แนวตั้งที่จะหมุนไปเรื่อยๆ เนื้อจะถูกเฉือนจากด้านนอกเข้ามาด้านในขณะที่แท่งเสียบนั้นยังหมุนอยู่ เพื่อให้เนื้อที่อยู่ด้วยในสุกเสมอกัน  บางทีก็เขาก็เฉือนเนื้อไปประกบด้วยพิตต้าทำเป็นแซนด์วิช ไกด์ไม่ได้รับเชิญอธิบายอย่างละเอียดราวกับเชฟมือหนึ่ง
แล้วนี่เรียก ฟาลาเฟล  ทำจากชิคพี หอม และเครื่องเทศ บดรวมกัน ปั้นเป็นก้อนกลม นำไปทอด รับประทานเลยก็ได้หรือว่าเอาไปทำเป็นแซนด์วิชก็อร่อย

แล้วไกด์กิตติมศักดิ์ก็ผันตัวเองมาเป็นครูสอนวิธีรับประทานอาหารอาหรับ และยังพยายามบังคับแขกที่ไม่เต็มใจรับเชิญให้ลองรับประทานอาหารทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะ
 รสชาติของอาหารอาหรับนั้นค่อนข้างเผ็ดร้อน แต่ไม่ใช่เผ็ดร้อนแบบอาหารไทยหรืออาหารอินเดียน เพราะเครื่องเทศที่มีรสชาติและกลิ่นอายที่เฉพาะตัว เช่นหญ้าฝรั่น พริกไทย คูมิน อบเชย ลูกจันทน์เทศ ผักชี มินต์ มัสตาร์ด  นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีรสชาติของชีสและโยเกิร์ตผสมอยู่ในอาหารหลายเมนู อาหารจำพวกเนื้อก็จะทำจากเนื้อวัว แกะ แพะ ไก่ ปลา เป็นหลัก ส่วนหมูนั้นไม่นิยมนักเพราะว่าชาวอาหรับส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม
           
นี่สลัดทาบูเละห์  เป็นสลัดของชาวเลบานอน ไม่อ้วนหรอก มันทำมาจากข้าวสาลีบด ผักชี แตงกวา มะเขือเทศ ใบมินต์ หอม น้ำมันมะกอก น้ำมะนาว เกลือ และพริกไทย เหมาะสำหรับคนไดเอ็ดเลยล่ะไกด์อธิบายพลางสัพยอกยิ้มๆ
ผมไม่ได้ไดเอ็ดคนถูกกล่าวหาว่าไดเอ็ดแหวเสียงเขียว
ชีคนาซหัวเราะชอบใจ ก็นึกว่ากำลังไดเอ็ด เห็นเจ้ากินยังกะแมวดม
คนกินยังกะแมวดมมองค้อนอีกครั้ง แต่ไม่ต่อปากต่อคำ..ตั้งแต่เจอกับชีคนาซ เธอเถียงกับเขามากกว่าเถียงกับกันต์ที่อยู่ด้วยกันมาเกือบยี่สิบปีได้กระมัง..เพราะถึงกันต์จะชอบขัด แต่เขาก็มีเหตุผล ไม่เหมือนคนที่กำลังกวนอารมณ์อยู่ในขณะนี้ ที่ชอบทำอะไรตามใจตน แถมยังหาข้ออ้างที่ไม่มีเหตุผลมาอธิบายเสียอีก และมันน่าเจ็บใจตรงที่เธอทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้นี่สิ

ถ้าไม่ไดเอ็ดก็ลองนี่หน่อย
นี่มองแวบแรกเหมือนกับข้าวต้มมัดของไทยเรา ความจริงแล้วเป็นใบองุ่นห่อข้าวปรุงกับหอมแดง มะเขือเทศ น้ำมันมะกอก น้ำมะนาว ดิล น้ำสต๊อก เกลือ และพริกไทย รสชาติเปรี้ยวๆ มันๆ
เรียกว่า..ดอลมาเดส
อีกถ้วยคล้ายๆ เต้าเจี้ยวหลน แต่..ไกด์เรียกว่า  บาบากานูจ พร้อมทั้งบรรยายวิธีทำอย่างคล่องแคล่ว
เอามะเขือม่วงย่างแล้วปอกเปลือกก่อนนำไปบด ผสมกับกระเทียมซอย และเทฮินา  เทฮินาทำจากงาบดจนข้นผสมน้ำมะนาว น้ำมันมะกอก โยเกิร์ต เกลือและพริกไทย บาบากานูจรับประทานกับขนมปังพิต้าอร่อยมาก
คนที่ต้องลองทุกอย่างส่ายหน้าพลางโบกมือ..เป็นสัญญาณว่าไม่ไหวแล้ว...ไกด์จึงหัวเราะชอบใจ แต่ก็ยอมหยุดมือโดยดี

เวลาอาหารผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อชีคนาซไม่ได้อ้อยอิ่งเหมือนมื้อกลางวัน นักดนตรีบนเวทียกพื้นที่บรรเลงเพลงเบาๆระหว่างมื้ออาหาร เปลี่ยนจังหวะดนตรีเป็นเร่งเร้าร้อนแรงยิ่งขึ้นทันทีที่ท่านชีครวบช้อน หญิงสาวรูปร่างอรชรก็เคลื่อนกายออกจากหลังม่านออกมาเต้นระบำหน้าท้องด้วยลีลาอันร้อนแรง
คนเป็นแขกตาโตก่อนจะมองเมินไปอีกทาง ไม่ใช่ไม่เคยเห็น เพียงแต่เคยเห็นอยู่ไกลๆ ไม่ใช่มาเต้นร่อนอยู่แทบชิดปลายจมูกอย่างนี้ อีกอย่างตัวเธอเองก็เป็นผู้หญิง ต้องมานั่งมองผู้หญิงด้วยกันนุ่งน้อยห่มน้อยเต้นยั่วผู้ชายทั้งฝูงแบบนี้ จะให้รู้สึกเฉยๆก็เกินไปล่ะ คิดแล้วก็เริ่มโกรธคนต้นคิดที่นั่งยิ้มกริ่มอยู่ข้างๆ เพลย์บอยจริงๆ
 ชีคนาซ มองอาการของคนข้างตัวอย่างขันๆ  มันยังเด็กนัก คงยังไม่เคยผ่านเรื่องรักๆใคร่ๆมาแน่ ถึงได้มีอาการขัดเขินอย่างนี้ท่านชีคนึกอย่างเอ็นดู
เจ้าสนใจใครไหม? ข้าจะจัดให้นางไปรับใช้เจ้าในคืนนี้ท่านชีคแกล้งถามยิ้มๆ
คนถูกถามค้อนควับทันควัน ปฏิเสธพร้อมทั้งประชดกลับไม่ล่ะ ผมมาทำงาน และไม่ใช่เพลย์บอยที่จะขาดผู้หญิงไม่ได้
ท่านชีคหัวเราะขันกับคำประชดนั้น ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงไม่โกรธมันเลย ไม่ว่ามันจะประชดประชันยังไง เขาก็รู้สึกเพียงแค่ขันเท่านั้น

อาทิตยาขยับตัวอย่างอึดอัด ยิ่งเวลาผ่านไปดนตรียิ่งทวีความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ นางระบำก็ขยับเข้ามาเต้นใกล้ๆแขก ส่ายสะโพกยั่วยวนแทบติดปลายจมูก กลิ่นน้ำหอมฉุนๆของพวกนางรำทำให้เธอรู้สึกคลื่นไส้ เพราะกลิ่นหอมหลายกลิ่นตีกันจนทำให้คนสูดดมเริ่มเวียนหัว เพราะปกติเธอก็ไม่ชอบน้ำหอมที่ปรุงแต่งเท่าไร นอกจากดอกไม้สดที่ใช้ใส่อ่างอาบน้ำตอนนอนแช่เท่านั้น
“นี่ก็ดึกแล้ว พรุ่งนี้ต้องเดินทางไกลไปดูงาน ท่านว่าเราควรกลับกันได้หรือยัง?”คนเป็นแขกชวนกลับดื้อๆ เพราะเริ่มจะทนกลิ่นน้ำหอมที่ตลบอบอวลไม่ไหวแล้ว
ท่านชีคเลิกคิ้วมองคนชวนกลับอย่างแปลกใจ ขนาดมีผู้หญิงมาเต้นยั่วอยู่ปลายจมูก มันยังนึกถึงเรื่องงานอยู่อีกรึนี่ แต่เมื่อเห็นแขกคนสำคัญหน้าซีดเซียวเขาจึงรีบไถ่ถาม
“เจ้าเป็นอะไร ทำไมหน้าซีดๆ?”
“ผมแพ้กลิ่นน้ำหอม” คนตอบ ตอบเสียงกระซิบเพราะยังเกรงใจนางระบำที่ยังพยายามเต้นยั่วอยู่ไม่ห่าง
ชีคนาซไม่รู้ว่าจะขำหรือสงสารมันดี ที่พอมีสาวงามมาเต้นยั่ว เจ้าตัวกลับแพ้กลิ่นน้ำหอมของพวกนางเสียได้ ชีคนาซโบกมันให้สัญญาณกับพวกนางรำ ให้พวกเธอหยุดเต้นและถอยกลับไปหลังเวที ก่อนจะลุกขึ้นยืนและยังช่วยหิ้วคนข้างตัวที่ยังหน้าซีดเซียวให้ลุกขึ้นด้วย
“ขอบคุณ”
คนถูกหิ้วกล่าวขอบคุณเบาๆ ขอบคุณที่เขาช่วยไล่พวกนางรำออกไปไกลๆก่อนที่เธอจะอาเจียนออกมาจริงๆให้ขายหน้าคนทั้งคณะ และขอบคุณที่เขาจะพากลับสักที เพราะนี่จะสี่สิบแปดชั่วโมงแล้วที่เธอไม่ได้นอนพักเลย
“ไม่เป็นไร รู้สึกดีขึ้นหรือยัง?”
ชีคนาซถามอย่างห่วงใย และเมื่อมันพยักหน้า ก็เบาใจขึ้น แต่เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวันที่มันจับเขาทุ่มทีเผลอ แถมยังทำท่ายืดอกอย่างหยิ่งผยอง เทียบกับอาการของมันตอนนี้แล้ว เขาก็อยากจะหัวเราะเยาะดังๆให้สะใจ แต่กลับต้องกลั้นไว้ เพราะถ้าขืนทำอย่างนั้นจริง ไอ้ตัวร้ายนี้คงจะโกรธเขาแน่ๆ และเขาก็ไม่อยากให้มันโกรธ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงไม่อยากให้มันโกรธ เขาชอบมองเวลามันหงุดหงิด มันดูน่าอืมน่าเอ็นดูดี แต่ไม่อยากถูกโกรธ  แค่คิดว่ามันโกรธเขา เขาก็รู้สึกอึดอัดในอก
“ถ้างั้นก็กลับกันเถอะ”ชีคนาซชวนเบาๆน้ำเสียงอาทร
คนถูกชวนเงยหน้าขึ้นยิ้มรับในทันใดเพราะรออยู่แล้ว โดยไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มนั้นทำให้ใครบางคนหัวใจแกว่ง จนต้องหมุนตัวเดินนำออกจากห้องอาหารไปก่อน

ครั้งนี้ชีคนาซเดินออกจากร้านอาหารไปโดยไม่พวกนางรำไปรับใช้เลยสักคน ทำให้เหล่าบอดีการ์ดมองหน้ากันอย่างประหลาดใจยิ่ง เพราะทุกครั้งที่ท่านชีคเรียกนักเต้นระบำหน้าท้องมาเต้นรำ จบการแสดงเมื่อไรต้องมีนางระบำตามไปปรนนิบัติท่านไม่ต่ำกว่าสองนาง แต่ครั้งนี้ท่านไม่ชายตามองใครเลยสักคนเดียว
           
รถของชีคนาซขับมาส่งแขกคนสำคัญที่หน้าโรงแรมหลังจากที่อีกฝ่ายยืนยันว่าต้องการกลับมาพักผ่อน ทั้งๆที่เขาพยายามหว่านล้อมชักชวนอีกฝ่ายไปฟังแพลงต่อแต่ไม่เป็นผล และเขาเห็นว่าแขกคนสำคัญคงจะเหน็ดเหนื่อยจริงๆ เพราะเจ้าตัวนั่งหลับตามาตลอดทาง แต่ไม่ได้หลับเพราะตอบทุกคำถามของเขา เขาอยากจับหัวเล็กที่หลับตาพลิ้วนั้นมาซบไหล่ของตนเหมือนกัน แต่ก็ต้องชะงักเมื่อระลึกได้ว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นผู้ชาย ถ้าทำอย่างนั้นคงดูแปลกๆ และที่สำคัญมันคงโวยวายหาว่าเขาเป็นพวกชอบไม้ป่าเดียวกันเป็นแน่ แต่เขาสาบานได้ว่าไม่เคยมีความชอบพิเศษแบบนั้นเลย แม้จะเคยเจอผู้ชายที่สวยจนได้ตำแหน่งระดับโลกการันตีก็ตาม แต่กับมัน….ไม่เขาแค่เอ็นดูมันเท่านั้นเอง เขาปฏิเสธทั้งๆในใจเริ่มหวั่นๆ
“ขอบคุณครับ ราตรีสวัสดิ์”
อาทิตยากล่าวขอบคุณและล่ำลาคนที่ขับรถมาส่ง และพยายามจะลากเธอไปต่อที่อื่นแต่ไม่สำเร็จ
“อืม ราตรีสวัสดิ์ พรุ่งนี้เจอกัน”

ชีคนาซโบกมือลาแต่ยังไม่ยอมออกรถ จนคนที่ยืนรีรออยู่หน้าโรงแรมต้องหมุนตัวเดินเข้าโรงแรมไปก่อน รถคันหรูจึงเคลื่อนออกจากที่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น