ตอนที่ 5 ทรายนี้ยังมีน้ำ(ใจ)
ร่างเล็กที่นอนซมอยู่บนเตียงเริ่มขยับตัว
ทำให้ร่างสูงที่นั่งนิ่งๆอยู่เดินเข้ามาดู
“ฟื้นแล้วรึ?”
เสียงถามเป็นภาษาอาหรับดังขึ้นใกล้หู ปาริฉัตต์ปรือตาขึ้นอย่างลำบาก
ร่างกายทุกส่วนร้อนผ่าวเหมือนนอนอยู่บนกองไฟ
กับทั้งหนักอึ้งคล้ายมีก้อนหินผูกถ่วงไว้ ริมฝีปากแห้งผากเผยอขึ้น
“น้ำ...”เสียงแหบแห้งดังลอดออกไปเพียงแผ่วเบา เป็นภาษาไทย
“อะไรนะ?”คำถามเปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงแปลกแปร่ง แต่ยังพอฟังรู้เรื่อง
“น้ำ..ขอน้ำ”คนป่วยก็เปลี่ยนภาษาเป็นภาษาอังกฤษเช่นกันเพราะคุ้นเคยดีอยู่แล้ว
ครู่ต่อมาก็มีหยดน้ำหยดลงบนริมฝีปากที่แห้งผากที่ละหยดช้าๆ
ปาริฉัตต์แลบลิ้นเลียน้ำที่หยดลงบนริมฝีปาก
“ขออีก..มากๆ”เธอร้องขอ เพราะน้ำแค่นี้ไม่พอจะทำให้คอที่แห้งเป็นผงชุ่มชื่นขึ้นเลย
แล้วก็รู้สึกว่ามีแก้วน้ำมาจ่อที่ริมฝีปาก
มือแข็งแกร่งช้อนคอเธอขึ้นเพื่อช่วยพยุงให้เธอลุกเอนจะได้ดื่มน้ำได้ถนัด
หญิงสาวพยายามจะดื่มน้ำมากๆให้สมใจ
“ช้าๆ”เสียงกระซิบบอกทุ้มกังวาน
เจือคำปลอบโยน
เมื่อได้ดื่มน้ำจนพอใจแล้ว
หญิงสาวก็ปรือตาขึ้นมอง ภาพที่เห็นเลืองลางสลัวเหมือนอยู่ท่ามกลางหมอกควัน
เธอรู้เพียงว่าเขาเป็นผู้ชายร่างใหญ่ ใบหน้าถูกปิดไว้ด้วยผ้าสีดำเหลือเพียงดวงตาคมดุแลดูน่ากลัวจนหญิงสาวผงะอย่างตกใจ
“ไม่ต้องกลัว ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอก”เขากล่าว
ก่อนจะหมุนตัวเดินหนี
“เดี๋ยวค่ะ”
หญิงสาวเรียกรั้งเขาไว้ ก่อนจะพยุงกายลุกนั่ง
เธอรู้สึกไว้ใจเขาอย่างประหลาด อาจจะเป็นเพราะประโยคที่เขาบอกว่าจะไม่ร้ายเธอนั้นหนักแน่นจนเธอวางใจ
“คุณเป็นใครคะ?
และที่นี่คือที่ไหน?”หญิงสาวถาม
“ข้าเป็นใครมันไม่สำคัญหรอก ส่วนที่นี่คือคฤหาสน์ของชีคอัลลาม
รัฐดรูไรดาราน”
“ดรูไรดาราน ดรูไรดาราน ”หญิงสาวทวนเบาๆเพื่อทบทวนความทรงจำ
“อะ! แขกที่เช็คเอาท์ออกจากโรงแรมเมื่อวานนี้”
หญิงสาวนึกได้
เพราะเธอเป็นหัวหน้าฝ่ายต้อนรับประจำโรงแรมอาร์ทรายา
และจำได้ว่ามีแขกจากตะวันออกกลางเข้าพักกลุ่มใหญ่เมื่อสองวันก่อนและพนักงานต้อนรับสาวๆต่างระริกระรี้อยากออกมาต้อนรับแขกคณะนี้เพราะเผื่อโชคดีพวกเธออาจจะ
‘ตกบ่อน้ำมัน’ก็ได้
“ใช่”
“แล้วทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ได้?..”
หญิงสาวชะงัก
เมื่อภาพความทรงจำก่อนหน้านี้ผุดขึ้นมา วันก่อนหลังเลิกงาน เพื่อนร่วมรุ่นได้โทรศัพท์มาชวนไปเลี้ยงฉลองก่อนจะสละโสด
เธอจึงโทรศัพท์ไปบอกที่บ้านว่าอาจจะกลับดึกหรือไม่ก็อาจจะค้างกับเพื่อนเลยไม่ต้องเป็นห่วง
แต่หลังจากรับประทานอาหารเสร็จและไปฟังเพลงกันต่อ
เพื่อนที่เธอตั้งใจจะไปค้างด้วยนั้นบังเอิญมีธุระด่วนต้องออกไปต่างจังหวัดทันที
ทำให้เธอและกลุ่มเพื่อนสลายตัว กลับบ้านของตัวเอง
และระหว่างทางที่ขับรถกลับบ้านนั้น มีรถเก๋งคนหนึ่งขับตัดหน้าและเบรคกระชั้นชิดทำให้รถที่เธอขับอยู่นั้นเบรคไม่ทันจนชนเข้าอย่างจัง
โชคดีที่เธอขับรถไม่เร็วและคาดเข็มขัดนิรภัยจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ
และขณะที่เธอเปิดประตูรถเพื่อออกมาดูคู่ก็กรณีก็ปรากฏว่ามีชายในชุดดำสองคนที่ขับรถตามหลังมาจอดต่อท้ายเปิดประตูลงมา
และกรูกันเข้ามาจับเธอพร้อมกับใช้ผ้าปิดปากปิดจมูกเธอ จากนั้นบรรยากาศรอบตัวก็มืดมิดลงทันใด
“ผู้ชายพวกนั้น...คุ..คุณลักพาตัวฉันมา”หญิงสาวกระเถิบตัวหนีอย่างหวาดกลัว
“ไม่ใช่ข้า”เขาปฏิเสธเสียงเรียบ
“แต่ผู้ชายพวกนั้น..”ปาริฉัตต์มองหน้าเขาอย่างระแวง
“ใช่...พวกเขาจับตัวเจ้ามา แต่ไม่ใช่คำสั่งของข้า”ชายหนุ่มยืนยัน
“ไม่ใช่คุณแล้วจะเป็นใคร?”หญิงสาวยังคงไม่เชื่อใจเขา
“ข้าบอกแล้วไง ว่าที่นี่คือคฤหาสน์ของชีคอัลลาม”ชายหนุ่มว่าพลางถอนหายใจอีกครั้ง
“คุณหมายความว่าชีคอัลลามจับตัวฉันมา
งั้นหรือคะ?”ปาริฉัตต์มองหน้าเขาอย่างตกใจ
ชายหนุ่มพยักหน้ารับ
“เขาจะจับตัวฉันมาทำไม?”หญิงสาวถามอย่างกังขา
“แล้วผู้ชายเขาเอาผู้หญิงมาทำอะไรล่ะ?”เขาย้อนถาม
ปาริฉัตต์นิ่งคิด แล้วร่างบางก็สั่นสะท้านอย่างหวาดกลัว
“ไม่..ไม่จริง
ฮือๆๆ พ่อจ๋า แม่จ๋าช่วยปลาด้วย”
หญิงสาวเริ่มร้องไห้ตัวสั่นอย่างหน้าสงสาร
“หยุดร้องไห้เถอะ
ร้องไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก”
ชายหนุ่มบอกเสียงเนือย
เขาเห็นภาพแบบนี้มาจนชินชาเสียแล้ว
“แล้วคุณจะให้ฉันหัวเราะหรือไง?”
หญิงสาวแหว เมื่ออีกฝ่ายไม่ได้แสดงความเห็นอกเห็นใจ
ซ้ำยังทำเสียงเบื่อหน่ายใส่เธออีก
ชายหนุ่มนิ่งอึ้งอย่างคาดไม่ถึงว่าจะโดนย้อนแบบนี้
เพราะที่เคยเห็นหญิงสาวมากมายที่เข้ามาอยู่ที่นี่
ถ้าไม่โวยวายอย่างคนเสียสติก็จะยินดีปรีดากับแก้วแหวนเงินทองที่ชีคอัลลามประเคนให้ระหว่างที่ยังเป็น ‘ของใหม่’ ไม่มีสักคนจะมาชักสีหน้าและกล้าย้อนเขาแบบนี้
“ใช่ หัวเราะสิ เจ้าไม่รู้หรือว่ามีผู้หญิงมากมายแค่ไหนที่อยากมาอยู่ที่นี่”เขาบอกเสียงหยัน
ความขมขื่นแล่นขึ้นมาจนแน่นหน้าอก เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ …เรื่องที่คนๆหนึ่งอยากมาอยู่ในสถานที่แห่งนี้จนถึงขนาดทรยศได้แม้กระทั้งคนที่รักเธอสุดหัวใจ
“แต่ไม่ใช่ฉัน”หญิงสาวแย้งเสียงแข็ง เธอเองไม่ได้อับจนสิ้นหนทางจนต้องยอมขายศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิงกิน
“หึ ถ้าได้เจอกับท่านชีค เจ้าอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้”ชายหนุ่มกล่าวต่อ
ไฟสามารถหลอมละลายเหล็กที่แข็งแกร่งได้ฉันใด
ทรัพย์สินและอำนาจก็สามารถละลายหัวใจคนได้ฉันนั้น กี่คนแล้วล่ะที่ใจหลอมละลายจนติดอยู่ในกรงทองแห่งนี้
‘จนตาย’
“ฉันยังยืนยันว่าฉันไม่สนใจ ฉันเคยเจอชีคอัลลามแล้ว
และท่านก็ไม่ใช่สเปคของฉันแน่”ปาริฉัตต์ตอบอย่างมั่นใจ
ตุ่มต่อขาเช่นนั้น
ต่อให้ฉาบทองทั้งตัวเธอก็ไม่สนใจหรอก เพราะครอบครัวของเธอก็ใช่ว่าจะสิ้นไร้ไม้ตอก
เธอเองก็ได้ทำงานอยู่ในเครือบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก และที่สำคัญเธอนั้นมีหนุ่มในฝันอยู่แล้ว
หนุ่มหล่อ สมาร์ท ฉลาด นิ่งๆ ดูอบอุ่นเป็นแฟมิลี่แมนแบบท่านรองฯนั่นต่างหากที่เธอวาดฝันไว้
ฉะนั้น‘โอ่งราชบุรี’อย่างชีคอัลลามหรือจะทำให้เธอเปลี่ยนใจได้
มุมปากของชายหนุ่มยกขึ้นนิดๆ เมื่อเห็นท่าทีมั่นอกมั่นใจของหญิงสาว
ใช่..เขาเห็นสายตาของเธอที่มองตามผู้ชายคนหนึ่งที่เดินผ่านหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ไปในวันที่เขาต้องอยู่โยงคอยเฝ้าดูเธอ
ถ้าสเปคของเธอคือผู้ชายคนนั้น ชีคอัลลามก็ต้องไม่ใช่สเปคของเธอแน่ๆ ในเมื่อเธอชอบผู้ชายสูงโปร่ง
แต่ชีคอัลลามกลับคล้ายโอ่งเดินได้เช่นนี้
“คุณพอจะช่วยฉันได้ไหมคะ?”
ปาริฉัตต์เริ่มคิดหาลู่ทางช่วยตัวเอง
ผู้ชายตรงหน้าถึงแม้จะดูสูงใหญ่แถมปกปิดหน้าตาทำให้น่ากลัว แต่สัญชาตญาณบอกเธอว่า
เขาสามารถพึ่งพาได้
“ให้ข้าช่วยเจ้านี่นะ?”ชายหนุ่มถามอย่างแปลกใจ
เธอคิดอะไรอยู่หรือเปล่าทำไมกล้าขอให้เขาช่วย ทั้งๆที่ก็น่าจะรู้ว่าเขาคือบริวารของผู้ชายที่จับเธอมา
“ใช่ คุณพอจะมีทางช่วยฉันได้ไหม?
หรือไม่ก็บอกฉันทีว่าฉันควรจะทำยังไงถึงจะหนีไปได้”หญิงสาวถาม
“แล้วทำไมเจ้าถึงคิดว่าข้าจะช่วยเจ้า
หรือคิดหาวิธีให้เจ้าหนีไป เจ้าก็รู้ไม่ใช่หรือว่าข้าเป็นลูกน้องของชีคอัลลาม”ชายหนุ่มถามตรงๆ
“ใช่ ฉันรู้ว่าคุณเป็นลูกน้องของชีคอัลลาม
แต่ไม่รู้สิ”หญิงสาวยักไหล่
“ซิกเซนต์ของฉันบอกว่าคุณพึ่งพาได้ และมีคุณเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยฉันให้พ้นจากสถานการณ์เลวร้ายนี้ได้”
หญิงสาวบอกตามความรู้สึก
เธอมีซิกเซนต์ค่อนข้างแม่น แม้แต่วันที่เกิดเรื่องซิกเซนต์ก็เตือนเธอ
เพียงแต่เธอไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จึงไม่สามารถหาทางป้องกันไว้ก่อนได้
หรือบางทางอาจจะเป็นกรรมลิขิตที่เธอไม่สามารถหนีพ้นก็เป็นได้
ชายหนุ่มถอนหายใจ…..ใช่ เขาห่วงใยเธอ อย่างที่ไม่เคยห่วงใยใคร
แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงมีความรู้สึกอย่างนั้น อาจจะเป็นเพราะตลอดเวลาสองวันที่เขาเฝ้าดูเธออยู่ที่โรงแรมอาร์ทรายา
เขาถูกความสดใสของเธอดึงดูดสายตาเอาไว้ ทำให้เขาคิดถึงเด็กสาวคนหนึ่งเมื่อสิบปีก่อน
เด็กสาวที่เคยสวยสดใสแบบนี้ แต่ทรัพย์สินและความสะดวกสบายได้เปลี่ยนเธอไปจนหมดสิ้น
ไม่เหลือเค้าความสดใสที่เคยมี
มีแต่ความงดงามฟุ้งเฟ้อที่เธอพยายามทำทุกอย่างเพื่อรักษามันไว้
แม้กระทั่งหักหลังใครสักคน เพื่อให้ตัวเองรอด เขาไม่อยากให้เด็กสาวคนนี้ เป็นเหมือนเด็กสาวคนนั้น
“เจ้าพักผ่อนเถอะ”ชายหนุ่มตัดบท
“แต่คุณยังไม่ได้บอกเลยว่าจะช่วยฉันหรือเปล่า?”หญิงสาวท้วงเสียงแผ่ว
“เจ้าควรอยู่อย่างสงบ
และอย่าพยายามหนีอย่างเด็ดขาด เพราะพวกยามได้รับคำสั่งให้ฆ่าทุกคนที่คิดหนี
แต่พวกมันจะไม่ฆ่าทิ้งทันทีหรอกนะ พวกมันจะรุมโทรมจนกว่าเจ้าจะเหลือแต่ซากแล้วค่อยไปโยนทิ้งไว้กลางทะเลทรายให้เป็นเหยื่อของสัตว์ร้าย
ฉะนั้นถ้ายังรักจะมีชีวิตอยู่ต่อก็อย่าพยายามหนีเองโดยเด็ดขาด”เขาเตือนเสียงเข้มก่อนจะเดินออกไปแล้วปิดประตูล็อคกุญแจจากด้านนอก
ปาริฉัตต์มองตามคนที่เดินหนีไปโดยที่ไม่ได้ตกปากรับคำใดๆ
แต่เธอกลับรู้สึกวางใจ เพราะน้ำเสียงที่เขาเตือนเป็นประโยคสุดท้ายนั้นดูจริงจังและห่วงใยอยู่ในที
หญิงสาวนั่งกอดเข่ามองๆไปรอบๆห้องที่คุมขัง ห้องกว้างที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงามกลับให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในคุกที่แสนอึดอัดอึดอัด
เธอทิ้งตัวลงนอนอีกครั้งอย่างอ่อนล้า
เพราะยาสลบยังไม่หมดฤทธิ์ จากนั้นก็เริ่มสวดมนต์ภวนาในใจ ขอให้ตัวเองแคล้วคลาดปลอดภัยจากเรื่องเลวร้ายในครั้งนี้
และได้กลับไปเจอหน้าครอบครัวโดยเร็วด้วยเถอะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น