ตอนที่
5
ตามตอแยไม่เลิกรา
โรซาเลียเดินเลือกเสื้อผ้าอยู่ในห้องเสื้อชั้นนำด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
เธอมาอยู่กรุงเวียนนาได้หลายวันแล้ว และกิจกรรมของเธอก็มีแค่กิน นอน ช็อปปิ้ง
มันน่าเบื่อ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่เธอเริ่มรู้สึกว่าชีวิตของตนช่างไร้สาระ อาจจะเป็นเพราะมีภาพใครบางคนที่นั่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดกับจอคอมพิวเตอร์แวะเวียนเข้ามาในห้วงสำนึกกระมัง
แต่แปลกทั้งๆที่เธอก็เห็นภาพพี่ชายแบบนี้บ่อยๆกลับไม่รู้สึกอะไร
บางทียังคิดว่าชีวิตของเขาช่างน่าเบื่อ ในหัวคงจะมีแต่เรื่องธุรกิจ ไม่เรื่องน่ารื่นรมย์ใดๆ
แต่วันนี้เธอกลับอยากลองทำงานแบบนั้นบ้าง
เธออยากรู้ว่าตัวเองจะต้องนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่คอมพิวเตอร์แบบพวกเขาไหม
หญิงสาวเดินออกจากห้องเสื้อโดยไม่ซื้อเสื้อใหม่เลยสักชุด
แค่สิบกระเป๋าที่ขนมาด้วยนั่นก็มากพอแล้ว เธอไม่รู้ว่าจะซื้อไปอีกทำไม
เพียงแต่เธอไม่รู้ว่าควรจะไปที่ไหนดี จึงมาที่นี่
ห้างสรรพสินค้าที่มีพร้อมทุกอย่างแต่กลับว่างเปล่าจนน่าเบื่อ
แล้วความรู้สึกเบื่อหน่ายของเธอก็เปลี่ยนไปเมื่อสายตาของเธอไปปะทะกับคนคู่หนึ่งที่เดินเกาะแขนกันมา
ชายหนุ่มในชุดสูทหรูหราดูหล่อเหลางามสง่าสมกับสาวสวยในชุดสีแดงเพลิงรัดรูปอวดรูปร่างที่งดงามสมส่วน
ฝ่ายหญิงนั้นช่างเจรจาฉอเลาะ พูดพลางยิ้มแย้มเย้ายวนและยังเอาหัวมาซบไหล่ของเขาด้วยจริตหญิงที่ดูขัดตายิ่งสำหรับคนกำลังยืนมองตาแทบถลน
ขณะที่ฝ่ายชายก็ดูยิ้มแย้มไม่ได้ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดแต่อย่างใด
ช่าง…น่าโมโหนัก และโดยไม่ทันคิดสองขาก็พาเธอก้าวไปขวางหน้าคนทั้งคู่แล้ว
ชายหนุ่มหญิงสาวที่เดินควงกันมาหยุดชะงักเมื่อจู่ๆก็มีคนก้าวเข้ามายืนขวางทาง
และเมื่อเห็นผู้มาใหม่ชายหนุ่มก็ถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยใจ …จะปล่อยให้เขาอยู่อย่างสงบสุขบ้างไม่ได้หรือไงนะ
“มีอะไรหรือจ๊ะสาวน้อย?”
สาวสวยถามเด็กสาวที่ยืนทำตาวาวอยู่ตรงหน้า
และถ้าเธอจำไม่ผิด สาวน้อยคนนี้ โรซาเลีย ไวด์เดอร์ น้องสาวเจ้าพ่อเทเลคอม
โรซาเลียไม่ตอบแต่เม้มปากจ้องหน้าชายหนุ่มที่ยืนทำหน้าเซ็งอยู่ตรงหน้า
“ก็ไหนพี่บอกว่าพี่ต้องทำงาน
แล้วควงแม่นี่มาเดินร่อนอยู่ที่นี่หมายความว่าไงคะ?”หญิงสาวถาม
เหมือนเขาจำเป็นจะต้องรายงานเธอทุกๆเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องนี้
คามินกำลังจะบอกออกไปว่า
‘มันไม่เกี่ยวกับเธอ’แต่จากประสบการณ์ที่เขาต้องคอยรับมือกับเหล่าวายร้ายสอนเขาว่าอย่าไปแหย่ให้พวกหล่อนโกรธ
เพราะความโกรธของพวก ‘นางมารร้าย’นั้นน่ากลัวยิ่งกว่าขีปนาวุธเสียอีก
และเขาก็เชื่อว่าคนยืนทำตาวาวอยู่ตรงหน้าก็คือหนึ่งใน‘นางมารร้าย’เหล่านั้น
“ผมขอเคลียร์กับทางนี้ก่อน
แล้วจะชดเชยให้ทีหลังนะจ๊ะ”
ชายหนุ่มหันไปพูดกับสาวสวยข้างกาย
หญิงสาวที่จัดการง่ายกว่าคนที่กำลังยืนขวางทางอยู่ในขณะนี้
แม้จะไม่ยินยอมพร้อมใจ
แต่หญิงสาวเจนเวทีย่อมรู้ดีว่าตอนไหนควรรุก ตอนไหนควรถอย
และอีกอย่างเขาบอกว่าจะชดเชยให้เธอทีหลัง
นั่นก็แปลว่าเขาจะต้องมีสิ่งตอบแทนที่เธอยอมถอยในครั้งนี้อย่างสมน้ำสมเนื้ออย่างแน่นอน
“ได้ค่ะที่รัก
ฉันจะรอคุณนะคะ”
พูดจบหญิงสาวก็เขย่งตัวขึ้นจูบแก้มเขาและจงใจกดริมฝีปากจนทิ้งรอยลิปสติกไว้บนแก้มนั้นเป็นการตีตราประทับให้ใครบางคนรู้ว่าเขาเป็นของใคร
ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปอย่างสง่างาม
โรซาเลียมองตามหญิงสาวคนนั้นอย่างหงุดหงิดใจ
และตวัดสายตามองค้อนคนที่ล้วงผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดคราบลิปสติกนั้นทิ้งอย่างเย็นใจ ไม่ได้อารมณ์เสียที่อีกฝ่ายทิ้งคราบไว้เลอะแก้มตน
พร้อมทั้งเลิกคิ้วขึ้นกวนอารมณ์คนมองอย่างเข่นเขี้ยวตรงหน้าเสียอีก
“มีอะไรอีกล่ะ?”
ชายหนุ่มถามคนที่เดินเข้ามาหาเรื่องอย่างระอา
เขาไปรู้จักมักจี่กับเธอตั้งแต่เมื่อไร แม่คุณถึงได้ตามวีนเขาอย่างไม่ละอายแก่ใจแบบนี้
คนถูกถามชะงัก
นั่นสิ…มีอะไร เธอถึงเข้ามาเหวี่ยงใส่เขา
ทั้งๆที่แม้แต่ชื่อก็ยังไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ
“พี่จะไปไหนคะ?”เมื่อตอบคำถามไม่ได้
เธอก็เปลี่ยนเรื่องเสียเลย
ชายหนุ่มถอนหายใจ
“จะไปหาอะไรกิน แล้วจะกลับไปทำงาน”
เขาตอบอย่างเสียไม่ได้ก่อนจะก้าวยาวๆ
ตรงไปยังร้านอาหารที่เลขาโทรฯจองให้
แล้วมุมปากก็ยกยิ้มเมื่ออีกฝ่ายวิ่งตามมาเหมือนดังที่คาดไว้
“ฉันก็หิวแล้ว”โรซาเลียบอกหน้าเฉย
ใครจะว่าหน้าด้านก็ช่างปะไร
คามินไม่ได้ว่าอะไร
เพราะรู้ว่าพูดไปอีกฝ่ายก็คงไม่ฟังที่ตนพูดหรอก เพราะคุ้นเคยกับพวก ‘นางมารร้าย’มาก่อนเขาจึงไม่มีปฏิกิริยาใดๆกับนางมารน้อยอีกคน
“จะกินอะไรก็สั่ง”เขาบอก
เมื่อบริกรนำเมนูมาให้
“พี่ชอบอะไรคะ?”หญิงสาวถามยัดเยียดอีกฝ่ายเป็นพี่โดยไม่ได้ถามความสมัครใจของเขาเลย
“สเต็ก
และเราล่ะจะกินอะไร?”เขาถาม พร้อมกับหันไปสั่งอาหารของตน และส่งเมนูคืนให้บริกร
“เหมือนกัน”หญิงสาวสั่งง่ายๆ
เพราะขี้เกียจคิด พร้อมกับยื่นเมนูคืนให้บริกรเช่นกัน
“พี่ทำงานอยู่ที่นี่หรือคะ?”
โรซาเลียถาม
เพราะเขาบอกว่ากินเสร็จแล้วจะกลับไปทำงาน แสดงว่าที่ทำงานของเขาจะต้องอยู่ไม่ไกลแน่
และเขาก็ไม่ได้มีโปรแกรมจะไปต่อกับยัยทรงโตนั่นด้วย
“ใช่
แล้วเราล่ะ มาเดินเตร็ดเตร่อะไรอยู่แถวนี้?”คามินถาม
“มาช็อปปิ้ง”หญิงสาวตอบพร้อมกับทำหน้าเบ้
เมื่อมันไม่สนุกเลยที่ต้องมาเดินคนเดียวแบบนี้
‘พวกเด็กว่างงาน’ คามินนึกดูแคลนในใจ
เพราะเขามันพวกบ้างาน ดังนั้นจึงรู้สึกหงุดหงิดกับพวกที่ใช้ชีวิตล่องลอยไปวันๆ
“แล้วไม่เรียนหนังสือหรือไง?”เขาถาม
เด็กน่าจะไปเรียนไม่ใช่มาตระเวนช็อปปิ้งอยู่อย่างนี้
“ฉันเรียนจบแล้วนะคะ”หญิงสาวบอกหน้าง้ำ
ทำไมใครๆชอบว่าเธอเป็นเด็กอยู่เรื่อย ทั้งพี่ชายแล้วก็ผู้ชายตรงหน้านี้ด้วย
“อ้อ
แล้วไม่ทำงานทำการหรือไง?”เขาถามต่อ
“กำลังหางานอยู่”โรซาเลียตอบอย่างเบื่อๆ
ความจริงเธอเพิ่งคิดจะหางานทำก็วันนี้เองแหละ เพราะว่าเริ่มเบื่อแล้ว
“เอ่อจริงสิ
พี่มีงานให้ฉันทำไหมคะ?”หญิงสาวถามตาเป็นประกายอย่างคาดหวัง
“ไม่มีหรอก”คามินปฏิเสธทันที
ใครอยากจะรับ‘นางมารน้อย’ เข้ามาในชีวิตเพิ่มล่ะ
แค่มีอยู่ในทีเคกรุ๊ปก็ยากจะรับมือแล้ว
โรซาเลียหน้าบึ้งทันทีที่ได้ยินคำปฏิเสธแบบไร้เยื่อใยของเขา
“พี่ไม่สงสารคนไม่มีงานทำบ้างหรือไง?”หญิงสาวต่อว่าเขาอย่างไม่พอใจ
คนอะไรหน้าตาก็ดีแต่ใจดำชะมัด
“ไม่ล่ะ”
คามินตอบ
เขาสงสารตัวเองมากกว่า ตอนนี้เขาก็น่าสงสารพออยู่แล้ว
ฉะนั้นเขาไม่มีทางจะเพิ่มความน่าสงสารให้ตัวเองอีกแน่
“แต่ฉันว่างงานจริงๆนะ”
หญิงสาวทำหน้าอ้อน ไม่รู้ทำไมยิ่งเขาปฏิเสธเธอก็ยิ่งอยากไปอยู่ใกล้ๆเขา
คามินเหลือบตามองคนว่างงานที่ทำตาอ้อนเหมือนแมวน้อยขี้ประจบอยู่ตรงหน้า
มุมปากก็อดยกยิ้มไม่ได้
“แล้วเราจบอะไรมาล่ะ?”เขาอดถามไม่ได้
“แฟชั่นดีไซน์ค่ะ”หญิงสาวตอบพร้อมกับยิ้มแป้น
“เสียใจ
บริษัทที่พี่ทำ งานไม่ได้เกี่ยวกับแฟชั่นดีไซน์เลย”
ชายหนุ่มบอกพร้อมกับอมยิ้มที่สามารถปฏิเสธคนตรงหน้าได้
เขาไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มของตัวเองทำให้ใครบางคนหัวใจเต้นระรัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
โรซาเลียแกล้งสะบัดหน้าหนีอย่างแสนงอน
ความจริงแล้วแค่อยากจะซ่อนใบหน้าที่ร้อนผ่าวของตนเท่านั้น เขายอมแทนตัวเองว่า‘พี่’แล้ว แค่นี้ก็ทำให้คนที่คอยวิ่งตามปลื้มใจจนอดยิ้มกับตัวเองไม่ได้
เมื่อบริกรยกอาหารมาเสิร์ฟต่างคนต่างก้มหน้าจัดการกับอาหารของตน
พร้อมกับวางแผนกจัดการกับอีกฝ่ายในใจ
และเมื่อต่างคนต่างอิ่มคามินก็เรียกบริกรมาคิดเงิน
โรซาเลียจะจ่ายเอง แต่เขาถลึงตาดุ เธอจึงได้แต่ทำหน้างอพร้อมกับมองค้อน
และเมื่อออกจากร้านอาหารมาหญิงสาวก็เดินตามชายหนุ่มไม่ลดละ
“นี่
จะให้ไปส่งที่เดิมไหม?”
คามินถามคนช่างตื้อด้านหลัง
เพราะรู้ดีว่าเขาไม่มีทางเดินออกจากห้างสรรพสินค้านี้ไปโดยลำพังได้แน่
เมื่อนางมารน้อยแปลงร่างเป็นตุ๊กแกเกาะไม่ปล่อยอยู่อย่างนี้
“ไม่
ฉันจะไปที่ทำงานกับพี่”อีกฝ่ายบอกจุดหมายปลายทางอย่างแน่วแน่
“ที่ทำงานไม่ใช่สวนสนุกสำหรับเด็กนะ”เขาดุ
เด็กอะไรพูดไม่รู้เรื่อง
“ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่ใช่เด็ก”คนที่ไม่ใช่เด็กแย้ง
พร้อมกระทืบเท้าอย่างขัดใจ
คามินมองอีกฝ่ายก่อนส่ายหน้า
ไม่ใช่เด็กแล้วไอ้ที่ทำอยู่นี่ไม่ใช่กิริยาของเด็กๆหรือไง ‘เด็กเอาแต่ใจ’
“ให้ฉันไปดูที่ทำงานของพี่ด้วยนะคะ”
หญิงสาวรีบเปลี่ยนกิริยาใหม่
เข้ามาเกาะแขนเขาพร้อมกับทำหน้าอ้อนที่มักจะใช้ได้ผลเสมอกับพี่ชายและพ่อแม่
แต่เธอลืมไปว่าเขาไม่ใช่พี่ชาย แต่เป็นผู้ชายที่เธอไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อเขาเลยด้วยซ้ำ
คามินถอนหายใจ
ก่อนจะถามตรงๆ “รู้จักพี่ดีแล้วหรือถึงจะขอตามไปนี่? ไม่คิดว่าพี่จะหลอกเราไปทำมิดีมิร้ายหรือไง?”
เด็กอะไรไม่รู้จักระมัดระวังตนเองบ้างเลย
โรซาเลียชะงัก
นั่นสิ เธอยังไม่รู้จักเขาดีเลย ทำไมถึงอยากเกาะติดเขานักนะ
“ไม่หรอก
หน้าตาพี่ไม่ใช่คนร้ายสักหน่อย”หญิงสาวตอบอ้อมแอ้ม
“คนร้ายมันเขียนป้ายติดหน้าผากไว้หรือไง
เราถึงรู้ว่าหน้าไหนคนร้าย หน้าไหนคนดี”เขาประชด ก่อนจะก้าวนำไป
เด็กสาววิ่งตามพลางหัวเราะขันคำพูดเขา
นั่นสิ ถ้ามีป้ายติดหน้าผากไว้ทุกคนก็คงจะดีไม่น้อย
และเมื่อวิ่งมาถึงรถที่เขาเปิดประตูรอ หญิงสาวก็เบิกตากว้าง ‘แลมโบกินี่’
“ว้าว
รถพี่เจ๋งอะ”
หญิงสาวชื่นชม
พี่ชายของเธอก็มีรถสวยๆหลายคัน แต่เขาขี้หวง แค่เธอขับไปตกถนนแค่ครั้งเดียว
เขาก็สั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้เธอขับรถอีก
คามินส่ายหน้าให้กับคนที่เข้าไปนั่งในรถพร้อมกับขย่มเบาะเล่นเหมือนเด็ก
ก่อนจะเดินอ้อมมาเปิดประตูฝั่งคนขับ ขับรถออกไป
“พี่จะไปส่งที่คอนโด”เขาลองเสนอขึ้นอีกครั้ง
“ไม่เอาอะ
ฉันจะไปที่ทำงานกับพี่”หญิงสาวยืนยันอย่างดื้อดึง
“พี่ต้องทำงานนะ”ชายหนุ่มดุเด็กดื้อที่พูดไม่รู้เรื่อง
“ฉันไม่กวนพี่หรอกน่า
นะคะ ให้ฉันไปด้วย รับรองเลยว่าจะทำตัวเป็นคนดีไม่ดื้อไม่ซน”หญิงสาวยิ้มอ้อน เธอยังไม่อยากกลับตอนนี้
เพราะกำลังเบื่อ
ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างยอมแพ้
“ห้ามงอแงให้พามาส่งนะ”เขาขู่ ก่อนขับรถมุ่งหน้าไปออฟฟิศ
ด้วยไม่รู่ว่าจะจัดการกับนางมารน้อยจอมตื้อนี้อย่างไรดี
“สัญญา”หญิงสาวชูสามนิ้วสัญญาพร้อมกับยิ้มกว้างที่คนมองได้แต่ส่ายหน้า
“เอ่อ
จริงสิ ฉันยังไม่รู้จักชื่อพี่เลย ฉันโรซาเลียค่ะ”
หญิงสาวแนะนำตัวเอง
แต่ไม่บอกนามสกุล เธออยากทำความรู้จักกับเขาแบบผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งไม่ใช่
บุตรสาวคนเดียวของ ‘ไวด์เดอร์’ครอบครัวเศรษฐีระดับโลก
คามินส่ายหน้า
ทำไมไม่รอสักอาทิตย์หน้าค่อยถามล่ะ เขาคิดอย่างประชด ที่อีกฝ่ายตามคนที่ไม่รู้จักตั้งนานสองนานโดยไม่รู้ชื่อเสียงเรียงนามของอีกฝ่ายเลย
ถ้าเป็นน้องสาวของเขาจริงๆจะตีให้ขาลายเลย
“คามิน”ชายหนุ่มบอกชื่อตัวเองสั้นๆเช่นกัน
“คามิน”หญิงสาวทวน
“พี่เป็นคนอินเดี่ยนหรือคะ?”หญิงสาวถาม
“ไม่ใช่
เป็นลูกผสมไทยอังกฤษอินเดีย”คนมีหลายเชื้อชาติบอก
“ว้าว
เท่จัง มีตั้งหลายชาติ ฉันก็ลูกผสมเหมือนกันนะ แม่เป็นลูกครึ่งอังกฤษสเปน
พ่อลูกผสมกรีกเยอรมันอิตตาลี่ ฉันกับพี่ก็เลยไม่รู้ว่าตนเองเป็นคนชาติไหน”หญิงสาวหัวเราะขันเมื่อไม่สามารถระบุเชื้อชาติของตนเองได้
คามินเองก็อดจะยิ้มตามไม่ได้
ยัยเด็กนี่บางทีก็ดูน่ารักดี ถ้าไม่เหวี่ยงวีน แล้วเขาก็ต้องชะงักเมื่อนึกได้
นี่เขาเห็นนางมารน้อยน่ารักอย่างนั้นหรือ แย่แล้ว ไอ้คามิน อย่าเชียวนะ
ชีวิตแกยังวุ่นวายไม่พอหรือไง ชายหนุ่มด่าตัวเองในใจ
เมื่อมาถึงตึกสำนักงานของทีเคกรุ๊ป
ประชาสัมพันธ์รวมถึงเลขาหน้าห้องต่างแปลกใจไปตามๆกัน
เมื่อตอนที่เจ้านายออกไปควงสาวสวยหยาดเยิ้มออกไป แต่พอกลับเข้ามากลับควงสาวน้อยหน้าใสเข้ามาแทน
ตกลงว่าไปสับรางรถไฟตอนไหนเนี่ย
“ไปนั่งเล่นอยู่ตรงโน้น
ถ้าอยากได้อะไรก็ออกไปบอกเลขาหน้าห้องให้เธอจัดการให้ พี่จะทำงาน
เข้าใจไหม?”เขาชี้ไปยังมุมห้องที่มีชุดรับแขก ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะทำงานของตน
โรซาเลียพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน
เธอเดินไปเลือกหนังสือมาอ่าน
เพียงแต่หนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อนแถมหนังสือคือยานอนหลับที่ดีที่สุดสำหรับเธอ
เพียงไม่นานโซฟาตัวยาวทั้งหนาทั้งนุ่มก็เปลี่ยนสภาพเป็นเตียงนอนแทน
คามินเงยหน้าจากคอมพิวเตอร์แล้วต้องขมวดคิ้ว
เมื่อมองไม่เห็นคนที่เขาสั่งให้ไปนั่งเล่นอยู่มุมห้อง
จะว่าเดินออกไปจากห้องเขาก็ไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูนี่นา
ด้วยความสงสัยเขาจึงเดินมาดู แล้วก็ต้องส่ายหน้า
เมื่อเห็นอีกฝ่ายใช้หนังสือต่างหมอนนอนหลับอย่างสบายใจในห้องทำงานของคนอื่น
เขาถอนหายใจก่อนจะเดินกลับไปทำงานของตนต่อ ปล่อยให้คนว่างงานนอนหลับต่อไป
เมื่อถึงเวลาเลิกงานคามินก็เดินมาปลุกแมวน้อยขี้เซาให้ตื่นก่อนจะขับรถไปส่งที่คอนโด
แต่หญิงสาวบอกว่าหิวเขาก็เลยขับรถเลี้ยวเข้าร้านอาหารริมถนนที่รถวิ่งผ่านเพื่อหาอาหารง่ายๆรับประทานกันซึ่งหญิงสาวก็ไม่ได้บ่นอะไรแถมยังเจริญอาหารเสียอีก
“อร่อยนะคะ
ฉันไม่เคยรู้เลยว่าร้านเล็กๆแบบนี้ก็ทำอาหารอร่อย”หญิงสาวผู้คุ้นเคยแต่กับร้านใหญ่โตหรูหราบอกหลังจากที่ออกมาจากร้านนั้นแล้ว
“ความอร่อยมันไม่ได้ติดป้ายแขวนไว้หน้าร้านนี่
ร้านหรูหราบางทีก็ใช่ว่าจะอร่อยเสมอไป”คามินว่า
โรซาเลียหัวเราะขัน
“พี่นี่ชอบพูดแบบนี้นะ ความอร่อยไม่ได้ติดป้ายไว้หน้าร้านนะ
คนร้ายไม่ได้มีป้ายติดหน้าผากนะ”หญิงสาวยิ้มล้อเลียน คนถูกล้อเลียนจึงปั้นหน้าดุ
แต่สุดท้ายก็อดขำตามไม่ได้
“พรุ่งนี้พี่มารับฉันไปทำงานด้วยนะ”หญิงสาวเปลี่ยนเรื่อง
เมื่อรถใกล้จะถึงคอนโดของตนแล้ว
“ที่ทำงานของพี่ไม่ใช่ห้องนอนเล่นนะ”คามินว่าอย่างเหลืออด
“ฉันก็ไม่ได้ว่าจะไปนอนสักหน่อย”คนขี้เซาทำปากยื่น
“พรุ่งนี้พี่ต้องไปติดต่อธุรกิจข้างนอกไม่ได้เข้าออฟฟิศ”เขาหาข้ออ้างใหม่
“ฉันไปด้วย”คนอยากไปเที่ยวบอกอย่างตื่นเต้น
“พี่ไปทำงานนะ
ไม่ได้ไปเที่ยว”คนงานยุ่งบอกเสียงดุ ‘เด็กอะไรพูดไม่รู้เรื่อง’
คนโดนดุทำหน้ามุ่ย
“ก็ฉันเบื่อ นั่งๆนอนๆ แล้วก็เดินช็อปปิ้ง มันน่าเบื่อ
เบื่อม๊าก”คนเบื่อทำเสียงเบื่อชัดเจน
“เอาล่ะ
วันหลังค่อยไป พรุ่งนี้พี่ต้องไปเจรจาธุรกิจ มันไม่สนุกหรอก”เขาปะเหลาะเสียงอ่อนลง
คนโดนปะเหลาะยังทำหน้ามุ่ย
เพราะไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะไปทำอะไรดี มันว่าง ว่างมาก
คามินเหลือบมองคนที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่ก็ถอนหายใจยาว
“เอาล่ะ พรุ่งนี้ เจ็ดโมงเช้าพี่จะมารับ ห้ามช้าเด็ดขาด
ถ้าช้าพี่ไม่รอจริงๆด้วย”สุดท้ายเขาก็ใจอ่อนจนได้
เมื่อได้ยินดังนั้นคนที่นั่งทำหน้าเบื่อก็หน้าบานขึ้นทันที
“เย้
พี่น่ารักสุดในโลก”
ว่าแล้วก็หอมแก้มเขาให้รางวัลเสียเลย
แล้วทั้งคนให้รางวัลและคนรับรางวัลก็ชะงักงันกันทั้งคู่กับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น
“ถึงแล้วฉันไปล่ะ”
คนที่กระโดดหอมแก้มคนอื่นลนลานลงจากรถเมื่อรถจอดสนิท
แต่วิ่งไปได้เพียงสองสามก้าวก็หันกลับมาอย่างขัดเขิน
“พรุ่งนี้
พี่ต้องมารับฉันจริงๆนะ”เพราะกลัวเขาไม่มารับจึงจำต้องข่มความอายหันมาทวงสัญญา
เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้ารับก็ยิ้มเขินก่อนหมุนตัววิ่งหนีเข้าไปในคอนโดทันที
คนที่ให้สัญญาส่ายหน้าเบาๆ
แต่อดยกมือขึ้นลูบแก้มข้างที่โดนจูบไม่ได้ ‘เด็กบ้านี่
ทำอะไรไม่คิด ถ้าเป็นน้องจะจับตีก้นจริงๆด้วย’แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น
มุมปากก็อดที่จะยกยิ้มไม่ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น