ตอนที่ 9 การรอยคอยที่ทรมาน
ทีมไผทกับนาซีมจัดการพาผู้หญิงที่ถูกทำร้ายไปส่งโรงพยาบาล
และพาหญิงสาวมากมายที่ถูกพาตัวมากักขังไว้และยินยอมเป็นพยานให้ไปยังเชฟเฮาส์
เมื่อเรียบร้อยแล้วก็จัดกำลังตามกลุ่มของชีคนาซไปเป็นกำลังเสริม
นาซีมเรียกเฮลิคอร์ปเตอร์และให้ไผทขึ้นมาด้วยกัน ส่วนลูกน้องให้เปลี่ยนจากอูฐเป็นรถโฟวิลขับไปตามถนนถึงแม้จะอ้อมแต่ก็ดีกว่าอูฐที่ไม่สามารถฝ่าเปลวแดดร้อนจัดตอนนี้ได้
และเมื่อจัดกำลังเสร็จ นาซีมก็ได้รับวิทยุเรียกเฮลิปคอร์ปเตอร์ฉุกเฉินเขาก็ขับตรงไปยังพิกัดนั้นทันที
“บินเร็วกว่านี้ได้ไหม?”
ไผทหันไปเร่งนาซิม..บอดีการ์ดของชีคนาซที่กำลังขับเฮลิคอร์ปเตอร์อย่างตั้งใจอยู่ขณะนี้
“มีอะไร?”นาซีมถามเสียงเรียบ แต่แววตากังวลฉายฉัด
“ได้รับสัญญาณไม่ค่อยดีนัก”
ไผทบอกเสียงขรึมพลางมองสัญญาณบนนาฬิกาข้อมือ
นาซีมเพิ่มความเร็วของเครื่องยนต์ให้เคลื่อนที่ไปยังพิกัดที่ได้รับสัญญาณ
เสียงเฮลิคอร์ปเตอร์ดังกระหึ่มใกล้เข้ามา
บอดีการ์ดของชีคนาซยกกล้องส่องทางไกลส่องดูแล้วต้องพ่นลมหายใจอย่างโล่งอก
เมื่อเห็นสัญญาลักษณ์ ‘บาฮจา’บนตัวเครื่อง แต่แล้วทุกคนก็ต้องใจหาย เมื่อเห็นเฮลิคอร์ปเตอร์ของอดีบาอีกลำบินตามมาไม่ห่าง
“เอาปืนมา”
เสียงใสสั่งการ ตาจ้องเขม็งไปยังเฮลิปคอร์ปเตอร์ลำที่บินไล่กวาดเครื่องของฮาบจาอยู่ไม่ห่างอยู่ในขณะ
บอดีการ์ดของทีเค
กรุ๊ปส่งปืนยิงเรเซอร์ประสิทธิภาพสูงไปให้คนที่ยืนนิ่งรออย่างใจเย็น
บอดีการ์ดของบาฮจา มองคนที่ยืนนิ่งเหมือนแท่นศิลานั้นอย่างคาดไม่ถึง
ตัวเล็กๆอย่างนั้นไม่คิดว่ามันจะใจใหญ่อย่างนี้
คนของบาฮจาติดต่อวิทยุสัญญาณให้เฮลิคอร์ปเตอร์ของ‘บาฮจา’ ให้ล่อนต่ำลง และเมื่อเฮลิคอร์ปเตอร์ของอดีบาเข้ามาในพิกัดยิง
คนที่ถือปืนเล็งอยู่ก็ยิงเรเซอร์ทันทีอย่างไม่ลังเล เฮลิคอร์ปเตอร์ลำนั้นหักกลางลำแยกออกเป็นสองส่วนทันทีเหมือนโดนขวานจาม
จากนั้นก็ดิ่งลงมาโหม่งพื้นทรายก่อนเครื่องก็ระเบิดจนชิ้นส่วนแตกกระจายไปรอบทิศ
ส่วนเฮลิปคอร์เตอร์ของบาฮจาบินวนออกจากรัศมีระเบิดก่อนจะบินวกกลับมาร่อนลงไม่ห่างจากกลุ่มคนที่ชุมนุมกันอยู่
ชีคนาซที่อยู่ในเปลสนามถูกหามตรงไปยังเฮลิคอร์ปเตอร์อย่างรวดเร็ว รวมทั้งบอดีการ์ดคนอื่นๆที่ได้รับบาดเจ็บก็ถูกหามตามไปด้วย
นาซีมตกใจกับภาพที่เห็น
แต่เขาไม่มีเวลาซักไซ้
ไผทรีบเปิดประตูเครื่องให้กว้างขึ้นเพื่อให้นำคนเจ็บขึ้นเครื่องได้ง่ายขึ้น
“ตัวเล็ก?”
คนเจ็บตาปรือยื่นมือออกไปไขว่คว้าหาคนที่ตนห่วงใยทั้งๆที่ตนบาดเจ็บสาหัส
คนตัวเล็กตามขึ้นไปบนเครื่องอย่างว่องไว้ พร้อมกับกุมมือใหญ่ที่ยื่นหา
“ผมอยู่นี่”
เสียงกระซิบอ่อนโยนใกล้ๆจนรับรู้ถึงลมหายใจร้อนผ่าว
คนเจ็บยิ้มอย่างยินดี ก่อนจะปิดตาลงคล้ายหมดห่วง
“โชคดีที่เจ้าไม่เป็นไร”
เสียงนั้นแผ่วเบาจนคนอื่นไม่ได้ยิน
แต่คนที่ก้มหน้าลงใกล้ๆได้ยินชัดเจน..ชัดไปถึงหัวใจ
ความอบอุ่นหลั่งล้นจนแทบทะลักออกทางดวงตา จนต้องกระพริบตาถี่ๆไม่ให้มันหยาดหยด
...ตั้งแต่เสียน้ำตาให้พ่อกับแม่ที่ประสบอุบัติเหตุเมื่อสิบปีก่อน เธอก็ไม่เคยเสียน้ำตาให้เหตุการณ์ใดอีกเลย..จนกระทั่งตอนนี้
“ผมไม่เป็นไร
ท่านก็ต้องไม่เป็นไร”
เสียงใสกระซิบตอบแผ่วเบาแต่หนักแน่น
ถึงแม้คนเจ็บจะไม่ได้ยินด้วยหู แต่เธอเชื่อว่าเขาต้องรับรู้ด้วย ‘หัวใจ’
นาซีมมองภาพผ่านกระจกส่องหลังขณะขับเฮลิคอร์ปเตอร์พลางขมวดคิ้วครุ่นคิด
ภาพที่เห็นทำให้เชื่อในระดับหนึ่งว่าคนตัวเล็กไม่ใช่ศัตรู
เขาไม่รู้ว่าระหว่างที่เขาไม่อยู่ด้วย ได้เกิดอะไรขึ้นบ้าง
แต่ที่เห็นแน่ๆคือความห่วงใยระหว่างชีคนาซกับ‘แขกพิเศษ’
มันมายมากจนเขารู้สึกแปลกๆ...เขาสลัดศีรษะ ไม่อยากจินตนาการต่อกับภาพที่เห็น ‘ภาพที่มือใหญ่เกาะกุมมือเล็กไม่ยอมวาง แม้ไม่ได้สติก็ยังยอมไม่คลายมือ’...
นาซีมโทรศัพท์แจ้งไปทาง ‘บาฮจา กรุ๊ป’ให้เตรียมห้องผ่าตัดด่วน พร้อมกับรายงานเหตุการณ์คร่าวๆให้ทราบ
เมื่อเฮลิคอร์ปเตอร์ล่อนลงจอดบนดาดฟ้าของโรงพยาบาล ‘บาฮจา ฮอสปิทอล’เตียงพยาบาลพร้อมทีมแพทย์ก็เคลื่อนที่เข้ามารับคนเจ็บและนำไปยังห้องผ่าดัดฉุกเฉินที่เตรียมอุปกรณ์ไว้พร้อมในทันที
ส่วนบอดีการ์ดที่ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวไปรักษายังห้องอื่นๆที่เตรียมเครื่องมือไว้พร้อมเช่นกัน
ส่วนบอดีการ์ดคนอื่นๆที่ไม่รับบาดเจ็บมากมายก็มีรถทหารจากเมืองใกล้ๆไปรับกลับมา
อาทิตยาที่วิ่งตามเตียงที่เข็ญคนเจ็บจนถึงหน้าห้องผ่าตัด
แล้วหยุดรออยู่หน้าห้องอย่างกระวนกระวายเนื่องจากไม่สามารถตามเข้าไปข้างในได้
เธอไม่สนใจเมื่อนาซีมเดินมาบอกว่าให้ไปพักผ่อนก่อน
เธอไม่สนใจเมื่อไผทเดินมาบอกให้ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่
เธอยกมือขึ้นในปรางห้ามญาติเมื่อทั้งนาซีมและไผทยังตามเซ้าซี้ไม่เลิก
แล้วเธอก็ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ที่วางอยู่หน้าห้องผ่าตัด
พร้อมกับยกขาทั้งสองข้างขึ้นนั่งในท่าขัดสมาธิและหลับตาลงเป็นความหมายว่าห้าม ‘รบกวน’ ทำให้ทั้งนาซีมและไผทต่างมองหน้ากันก่อนจะส่ายหน้าอย่างอ่อนใจให้กับคนดื้อรั้น
สิบนาทีต่อมา ชีคมาวาฮิป บาฮจา ลุงของชีคนาซ อซีซา บาฮจา ซึ่งขณะนี้เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของดรูไรดาราน
พร้อมทั้งท่านหญิงราเนีย และอาบีร
ก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาล
พร้อมสั่งการให้ทหารกระจายกำลังการรักษาการรอบโรงพยาบาลอย่างแน่นหนา ทั้งสามคนต่างแปลกใจเมื่อเห็นคนตัวเล็กในชุดอาหรับมอมแมมนั่งขัดสมาธิบนเก้าอี้หน้าห้องผ่าตัด
โดยมีชายหนุ่มร่างสูงยืนเฝ้าไม่ห่าง นาซีม เดินเข้าไปคำนับกลุ่มผู้นำตระกูลบาฮจา
ชีคมาวาฮิป บาฮบาพยักพเยิดไปทางคนตัวเล็กเป็นเชิงถาม เขาจึงรายงานอย่างนอนน้อม
“แขกของท่านชีคครับ
มาจากไทยแลนด์ครับ”
“ไทยแลนด์?”ท่านหญิงราเนียอุทานเบาๆ
“ใช่คนที่ไปสนามแข่งอูฐกับอซีซาหรือเปล่า?”
ท่านหญิงถามต่ออย่างสนใจ เพราะได้นางรายงานเรื่องที่ลูกชายพา
‘เพื่อนใหม่’ไปดูแข่งอูฐเมื่อวานนี้ และดูเหมือน‘เพื่อนใหม่’ที่ว่าจะทำให้บุตรชายของนางสำราญไม่น้อย
เพราะคนรายงานต่างรายงานว่าบุตรชายของนางนั้นอารมณ์ดี ‘ผิดปกติ’ขนาดฮัมเพลงขณะนั่งรถกลับคฤหาสน์เลยทีเดียว
“ครับ”นาซีมตอบรับ
ท่านหญิงราเนียมองร่างเล็กอย่างพิจารณา
“ผู้หญิงรึ?”
ท่านหญิงถามอย่างแปลกใจ ด้วยรูปหน้าที่สวยล้ำแม้มีฝุ่นทรายเปื้อนเปรอะแต่ไม่สามารถบดบังความงามนั้นได้
ขนตางอนยาวหนาเป็นแพเมื่อยามหลับตาพริ้ม
จมูกโด่งรับกับริมฝีปากบางแม้จะดูแห้งเล็กน้อยแต่ก็ยังคงงดงามยวนใจ
นาซีมมองภาพนั้นก่อนจะกัดฟันตอบ “ผู้...ชายครับ”
“ผู้ชาย!”ท่านหญิงราเนียอุทานอย่างแปลกใจยิ่ง ชีคมาวาฮิป เขม้นมองแล้วยิ้มน้อยๆ
“เจ้าแน่ใจรึ?”
นาซีม ถอนหายใจ
ถ้าให้ตอบแบบมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์เลยนั้นคงยาก เพราะครั้งแรกที่เห็นหน้า
เขายังคิดว่าเป็นผู้หญิง แต่หลังจากที่เห็น มัน‘สอย’เฮลิปคอร์ปเตอร์ของอดีบาลงมากับตา
เขาก็ชักไม่แน่ใจ
“ถ้าเป็นผู้หญิง
แล้วจับท่านชีคทุ่มได้ขนาดนั้น คงเป็นผู้หญิงที่น่ากลัวมากเลยล่ะครับ”อาบีร เล่าพลางหัวเราะขำ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ตึกบาฮจาเมื่อวันก่อน
“ทุ่มอซีซา นี่นะ!”ชีคมาวาฮิป บาฮบา เลิกคิ้วถามอย่างแปลกใจ
ก็ใครบ้างที่กล้าล้อเล่นกับพญามัจจุราช
“ครับ ..และดูเหมือนท่านชีคจะพอใจในความกล้าหาญของมันไม่น้อย”อาบีรเล่าต่อเพราะอยู่ในเหตุการณ์
นาซีมเลิกคิ้วขึ้น
เพิ่งจะเข้าใจสาเหตุที่ชีคนาซสนใจคนตัวเล็ก ‘ผิดปกติ’...แต่ที่จับมือกันไม่ยอมวางแม้ตอนที่หมดสตินั่นมันยิ่งกว่า
‘ผิดปกติ’อีกนะ
ชีคมาวาฮิป บาฮบา ท่านหญิงราเนียและอาบีร
เข้าไปนั่งรอที่ห้องรับรองพิเศษข้างห้องผ่าตัด
แต่คนตัวเล็กยังคงปักหลักนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้หน้าห้องเหมือนเดิมโดยมีไผทนั่งเป็นบอดีการ์ดอยู่ข้างกาย
เขาโบกมือให้บอดีการ์ดคนอื่นๆไปพักผ่อนตามที่ทางบาฮจาจัดให้
นาซีมเรียกประชุมทีมบอดีการ์ดที่กระจายกำลังรักษาความปลอดภัยตามจุดต่างๆทั่วโรงพยาบาล
พร้อมสั่งการอย่างเคร่งเครียดถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ห้องปฏิบัติการฉุกเฉินชั้นใต้ดินของตึกโรงพยาบาล
เวลาผ่านไปกว่าสามชั่วโมงห้องผ่าตัดจึงเปิดออก
คนตัวเล็กลืมตาขึ้นทันใด นายแพทย์อาวุโสในชุดกราวน์เดินเข้าไปรายงานผลในห้องรับรองเกือบครึ่งชั่วโมงจึงเดินออกมา
คนดูเล็กปราดเข้าไปหาอย่างรวดเร็วจนนายแพทย์ท่านนั้นตกใจ
“ขอโทษ”
เสียงใสเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน
เมื่อเห็นนายแพทย์สูงวัยยกมือทาบอกอย่างตกใจเพราะตนเป็นต้นเหตุ
“คนเจ็บ..ท่านชีคเป็นอย่างไรบ้าง?”
คำถามแม้จะดูราบเรียบ
แต่คนฟังยังรับรู้ถึงความกังวลหวาดหวั่นที่แฝงอยู่ในนั้นได้อย่างชัดเจน
ดวงตาคำถามมีแววอ้อนวอนอยู่ในที
นายแพทย์สูงวัยมองหน้าหนุ่มน้อยหน้าสวยที่อยู่ตรงหน้า
ก่อนจะเผยอยิ้มให้อย่างคนมีเมตตาจิตสมอาชีพ
“ท่านชีคปลอดภัยแล้วครับ...แต่คงอีกหลายชั่วโมงกว่าจะรู้สึกตัว”
คำตอบนั้นทำให้ร่างบางหลับตาลงและถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ขอบคุณ ขอบคุณคุณหมอมาก”
เสียงพึมพำแผ่วเบาแต่จริงใจยิ่ง
ทำให้นายแพทย์พยักหน้ายิ้มรับ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องผ่าตัดอีกครั้ง
“เจ้านาย ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนเถอะครับ”
ไผทเดินเข้ามากระซิบบอกอีกครั้ง
คนตัวเล็กก้มลงมองตัวเอง ก่อนจะหันกลับไปมองห้องผ่าตัดอย่างลังเลครู่หนึ่ง
จากนั้นก็หันมามองหัวหน้าบอดีการ์ดของตน ก่อนจะถอนหายใจยาวแล้วพยักหน้ารับในที่สุด
นาซีมประชุมเสร็จเดินมาถึงพอดี เมื่อได้ยินว่าชีคนาซพ้นขีดอันตราย
เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะเดินตามไผทและแขกพิเศษของชีคนาซไปเงียบๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น