ซีรีย์นิยายชุด Diary Love เรื่อง โลกกลมหรือพรหมลิขิต ตอนที่ 7



ตอนที่ 7 คนที่ใจเฝ้ารอ


หลังจากเรียนวิชาสุดท้ายของวันเสร็จอรปรียาก็ยืนยันว่ายังไงวันนี้ต้องไปห้องสมุดให้ได้ เพื่อนๆต่างส่ายหน้าไม่เห็นด้วย
มีอะไรที่ห้องสมุดหรือเปล่า? แกถึงได้ร่ำร้องจะไปนักวาสินีเอ่ยถามอย่างเหลืออด
อรปรียาสะดุ้ง ไม่มีอะไร เพียงแค่ฉันอยากอ่านนิยาย
ยืมมาอ่านที่บ้านก็ได้นี่นาธีราภรณ์แนะ
ฉันก็ต้องไปเลือกหนังสือก่อน แกก็รู้เวลาฉันอยู่กับหนังสือทีไร ฉันก็ลืมเวลาทุกที
อรปรียาให้เหตุผล เพื่อนๆจึงพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
แต่แกห้ามกลับดึกเข้าใจไหม?” ทิฆัมพรสำทับ
จ้า เจอหนังสือถูกใจฉันก็จะกลับเลยทันที อรปรียารับคำด้วยรอยยิ้มกว้าง


อรปรียาเลือกหนังสือนิยายมานั่งอ่านรอเวลาเผื่อใครบางคนจะโผล่มา ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไรสมาธิของเธอก็ยิ่งไม่อยู่กับตัวหนังสือตรงหน้ามากขึ้นเท่านั้น ใจมันคอยจะพะวงว่าเขาจะมาไหม
นาฬิกาที่ข้อมือบอกเวลาสองทุ่มกว่า อรปรียาลุกขึ้นเก็บหนังสืออย่างเศร้าๆ พลางบอกกับตัวเองว่า วันนี้เขาอาจจะมีธุระ พรุ่งนี้เขาคงจะมา
หญิงสาวเดินออกจากห้องสมุดอย่างซึมๆ  ตรงไปขึ้นรถและขับออกไป

****************
ไอ้อร แกยังจะไปห้องสมุดอีกหรือ?”
วาสินีนิ่วหน้าด้วยความเป็นห่วง เพราะอรปรียาดูซูบลงมากหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล
อื่อ เอาหนังสือไปคืนแป๊บหนึ่ง
ให้ฉันขับรถไปส่งไหม?”วาสินีอาสา
อรปรียาลังเล ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันก็กลับแล้ว
วาสินีมองตามเพื่อนอย่างห่วงใย อรปรียาซึมลงไปมาก ถามอะไรก็ไม่ยอมตอบ
หรือว่าไอ้อรมันอกหัก?”ธีราภรณ์เดา
แล้วมันไปรักกับใครตอนไหนวะ?”วาสินีขมวดคิ้ว
ก็มันนัดเจอกันที่ห้องสมุดไงธีราภรณ์คะเน

ดังนั้นวันต่อมาเมื่ออรปรียาไปห้องสมุด สามสาวเพื่อนซี้จึงตามติดไปด้วย
พวกแกเป็นอะไร ทำไมเกิดอยากจะไปห้องสมุด?”อรปรียาถามอย่างแปลกใจ
อ้าว พวกฉันก็อยากหาหนังสืออ่านบ้างสิ หรือว่าแกมีอะไรขัดข้อง?”วาสินีถาม
อรปรียายักไหล่ เปล๊า แค่แปลกใจ ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นพวกแกอยากจะอ่านหนังสือ พออยากอ่านก็เกิดอยากอ่านขึ้นมาพร้อมกัน
พวกฉันก็แค่ไปสำรวจพื้นที่ก่อน ถ้าเจอหนังสือน่าสนใจก็อาจจะยืม
อรปรียาไม่สนใจอีก เธอยังคงนั่งอ่านหนังสือที่โต๊ะตัวเดิม โดยมีสามสาวไปเป็นเพื่อน และทำตัวเป็นนักสืบลับๆ
วันแรกๆอรปรียาก็นึกหวั่นเหมือนกันว่า วทันยูอาจจะมาจ๊ะเอ๋กับเพื่อนของเธอเข้า แต่พอวันเวลาผ่านไป เธอก็เริ่มทำใจได้ และบอกตัวเองว่าเขาคงไม่มาอีกแล้ว
ส่วนสามสาวหลังจากที่เกาะติดอรปรียาไปห้องสมุดได้ไม่กี่วัน และไม่พบบุคคลน่าสงสัยจึงเลิกตาม ปล่อยให้อรปรียาไปห้องสมุดเพียงลำพังเช่นเคย

******************
เวลาเรียนวิชา civil กับ mechanicalตรงกันแถมยังเรียนห้องติดกันอีก เรื่องนี้สร้างความลำบากใจให้วทันยูไม่ใช่น้อย ถ้าไม่ใช่วิชาบังคับเขาคงจะโดดแหลกลานไปแล้ว
อนพัทธ์มักจะเข้าไปเล่นที่ห้องเรียนข้างๆแล้วเดินหน้าบานกลับมาเข้าห้องเรียนของตนเสมอ วทันยูต้องเบือนหน้าหนีจากภาพบาดใจนั้นทุกครั้ง  ยิ่งบอกตัวเองให้ตัดใจก็เหมือนยิ่งยุให้คิดถึง ยิ่งถอยห่างก็ยิ่งเจ็บ ยิ่งเจ็บก็ยิ่งอยากเจอ เขาเป็นพวกซาดิสม์หรือเปล่านะถึงได้ชอบความเจ็บปวดนัก

ชายหนุ่มนอนมองเพดานห้องอย่างเหม่อลอย เกือบสามอาทิตย์แล้วที่เขาไม่ได้เจอหน้าเธอ กลางวันเขาก็เรียนอย่างซังกะตายกลางคืนก็มานอนเหม่ออยู่อย่างนี้
ศรุตพยายามขยั้นคะยอหากิจกรรมให้เพื่อนทำ แต่ก็เหลวเปล่า วทันยูไม่เคยสนใจอะไร เอาแต่มองเหม่อ ไม่ว่าจะซักจะเค้นถามยังไงก็ไม่ยอมปริปาก จนเขาต้องส่ายหน้ายอมแพ้ บางทีเวลาอาจจะทำให้อะไรๆมันดีขึ้นกว่านี้

วันนี้ก็เหมือนทุกวัน วทันยูนอนมองเพดาน ภาพความทรงจำในร้านอาหารคราวนั้นโผล่มาหลอกหลอนเขาอีกแล้ว ยิ่งอยากลืมมันก็ยิ่งจำ ชายหนุ่มหลับตาลงเผื่อจะสามารถลบภาพนั้นได้ แต่ภาพของเธอยังคงชัดเจนอยู่ในหัวใจ ทำไมเขาจะต้องทนทุกข์ทรมานอยู่อย่างนี้? ทำไมไม่ทำตามหัวใจตัวเองซะ ? เธอจะรักใคร จะเป็นแฟนใครมันเกี่ยวอะไรกับเขา ? ในเมื่อห้ามใจไม่ได้ ทำไมไม่ปล่อยตามใจตัวเองซะ ยังไงๆก็อกหักอยู่แล้ว ก็ให้มันหักแหลกละเอียดไปเลยไม่ดีกว่าหรือ?
ชายหนุ่มลุกขึ้นอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ เขาตัดสินใจแล้วว่าจะรักเธอ จะไม่ห้ามใจตัวเองให้เหนื่อยอีกแล้ว
อ้าวทัน นายจะไปไหน?”
ศรุตเอ่ยทักอย่างแปลกใจ เพราะตลอดสามอาทิตย์ที่ผ่านมาวทันยูทำตัวราวกับผีดิบ หรือไม่ก็หุ่นกระบอกไร้ชีวิต
ไปห้องสมุด
ให้ฉันไปเป็นเพื่อนไหม?” ศรุตเสนอตัวอย่างห่วงใย
ไม่ต้องหรอก จะไปแป๊บเดียว
เขาตั้งใจว่าแค่เห็นหน้าเธอเพียงแวบเดียวก็จะกลับห้อง
อื่อ งั้นก็ตามใจ
ศรุตมองตามเพื่อนอย่างห่วงใย แต่อย่างน้อยวันนี้เพื่อนเขาก็ออกไปไหนบ้าง ไม่ใช่ขังตัวเองอยู่ในห้องเหมือนทุกวันที่ผ่านมา

************
อรปรียานั่งอยู่ที่โต๊ะตัวเดิม กางหนังสือเอาไว้ แต่ใบหน้ากลับมองเหม่อออกนอกหน้าต่าง ดอกอินทนิลที่เคยบานสะพรั่งเต็มต้นตอนนี้ร่วงหล่นเกือบหมดแล้ว ยิ่งดูก็ยิ่งหดหู่ และแล้วเธอก็รู้สึกว่ามีใครกำลังจ้องมองมา หญิงสาวหันขวับไปตามสัญชาตญาณ แล้วเธอก็พบใครคนหนึ่งที่ทำให้หัวใจเต้นระรัวขึ้น ริมฝีปากบางแย้มเตรียมยิ้มอย่างดีใจ แต่ก็ต้องแย้มเก้อเมื่อเห็นหน้าใสๆของใครอีกคนที่ก้าวเข้ามายืนเคียงข้างเขาอย่างสนิทสนม ....เพิ่งรู้เหตุผลที่เขาไม่มาที่เดิม..ของเรา  ความยินดีแปรเปลี่ยนปวดร้าวเกินทนทาน หญิงสาวหันกลับมาเก็บหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างช้าๆ พยายามกลั้นน้ำตาแห่งความน้อยใจไว้สุดความสามารถ ก่อนจะก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เดินผ่านชายหญิงที่ยืนคู่กันไปราวกับพวกเขาเป็นเพียงอากาศธาตุ
เธอก้าวลงบันไดช้าๆ พยายามจะกลั้นน้ำตาที่มันเอ่อล้นมาจ่อที่ขอบตาไม่ให้มันไหลรินออกมา ตลอดเวลาสามอาทิตย์ที่ผ่านมา เธอไม่เคยเสียน้ำตาเลยสักหยด แต่ทำไมเพียงแค่เห็นเขากับใครเท่านั้น น้ำตาที่เคยคิดว่าเหือดแห้งถึงได้เอ่อล้นออกมามากมายขนาดนี้

วทันยูก้าวเข้าห้อง นวนิยายและวรรณกรรม ด้วยใจระทึก เขาเดินเลยไปถึงชั้นหนังสือแถวท้ายสุด พร้อมมองไปยังโต๊ะตัวสุดท้ายอย่างคุ้นเคย
เธอนั่งอยู่ที่นั่นเหมือนที่เขาคิดไว้ นั่งเหม่อมองออกนอกหน้าต่างเหมือนวันแรกที่เขาเจอ แต่วันนี้ดูเธอซึมๆไม่สดใสเหมือนวันนั้น และแล้วเธอก็หันมามองเขาราวกับรู้ว่ามีคนกำลังแอบมอง
เพียงแค่สบตากันเขาก็เกิดอาการลังเลอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อยากเดินเข้าไปหา พร้อมๆอยากจะเดินหนีไปให้ไกลในเวลาเดียวกัน แต่แล้วเขาก็ต้องรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจเมื่อเห็นสายตาที่หมางเมินเย็นชา เธอหันกลับราวกับว่าเขาเป็นเพียงแมลงตัวเล็กๆที่ไร้ค่าไม่ควรใส่ใจ และเริ่มเก็บหนังสือ เขายังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม จนกระทั่งเธอเดินผ่านเขาไป ไม่แม้ชำเลืองมองมา คล้ายกับว่าเขาไม่มีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้
ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนกับทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวหมุนคว้าง จนเขาไม่สามารถที่จะทรงกายไว้ได้
เฮ้ยทัน นายเป็นอะไรวะศศิมาเดินเข้ามาพยุงเพื่อนไว้อย่างตกใจ เมื่อเห็นร่างเขาซวนเซเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง
ชายหนุ่มไม่ตอบได้แต่ส่ายหน้า หญิงสาวจึงช่วยพยุงเขาไปที่ลิฟท์อย่างเป็นห่วง

ภาพชายหญิงที่ยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่ที่ลานจอดรถช่วยดึงสติของวทันยูมาให้กลับเข้าสู่ร่าง ห่างจากเขาเพียงไม่กี่ก้าว หญิงสาวร่างบางมัดผมหางม้ากำลังยืนมองชายหญิงคู่นั้นอย่างสนใจ
วทันยูตาโตอย่างตกใจ เมื่อมองชายหนุ่มคนนั้นชัดๆ นั่นมันไอ้พัทธ์กับยัยพิมพ์คณะบริหารการจัดการนี่นา ที่อื่นมีเป็นร้อยเป็นพันทำไมจะต้องเจาะจงมาทะเลาะกันที่นี่ตอนนี้ด้วย?’ วทันยูคิดอย่างโกรธแค้นเพื่อน ยิ่งเห็นอรปรียายืนนิ่งเท่าไรเขาก็ยิ่งร้อนรน อาการน้อยใจเสียใจที่มีมลายหายไปสิ้น ตอนนี้ในหัวเขามีเพียงความกังวลว่าเธอจะรู้สึกยังไงกับภาพตรงหน้า
อนพัทธ์กับพิมพ์มาดาขับรถตามกันออกไปแล้ว อรปรียาจึงเดินไปที่รถของตัวเอง
อร
เสียงเรียกเพียงเบาๆนั้นสามารถตรึงอรปรียาให้ยืนนิ่งอยู่กับที่ราวกับต้องมนต์ เธอหันไปมองแล้วก็ต้องรีบหันกลับเมื่อพบภาพบาดตาอย่างจัง ภาพสาวสวยที่เกาะแขนเขาอย่างสนิทสนมนั้นบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ได้ดีกว่าคำพูดใด
คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยนั้นทำให้น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ไหลทะลักออกมาราวเขื่อนกั้นน้ำแตก อรปรียาพยายามเม้มปากกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ เพื่อไม่ให้เขาได้ยิน
คุณโอเคใช่ไหม?”
วทันยูถามต่อเมื่อไม่มีอาการตอบรับจากคนข้างหน้า ความรู้สึกน้อยใจกลับมาอีกครั้ง นี่เขาน่ารังเกียจจนไม่อยากจะพูดจากันเลยใช่ไหม?’
ชายหนุ่มหลับตาลงช้าๆเพื่อข่มความเจ็บปวดที่กัดกินใจในตอนนี้ เขาหมุนตัวเตรียมเดินจากไป แต่ก้าวเดินได้เพียงแค่สองก้าวก็ได้ยินเสียงคล้ายสะอื้นของคนข้างหลัง เขาหันกลับมามองแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นเธอกำลังใช้หลังมือเช็ดน้ำตาอยู่ เพียงเสี้ยววินาทีชายหนุ่มก็ก้าวมายืนข้างหน้าเธอ
คุณร้องไห้!”ชายหนุ่มอุทานด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด
อรปรียาอึกอัก ไม่ใช่ แค่ฝุ่นเข้าตาเธอปฏิเสธปลายเสียงยังสะอื้น
อย่าร้องไห้เลยนะ
เขาพยายามปลอบ แต่น้ำตาเธอก็ยิ่งไหล
หยุดร้องเถอะ เห็นคุณร้องไห้แล้ว มันทำให้ผมยิ่งเจ็บปวดวทันยูกล่าวราวกับว่าเขาเจ็บปวดไปกับเธอด้วย
ฉันจะร้องไห้หรือหัวเราะมันก็ไม่เกี่ยวกับคุณ
อรปรียาตะโกนใส่หน้าเขา ก่อนจะวิ่งไปยังรถที่จอดอยู่ เธอเปิดประตูรถเข้าไปนั่ง ซบหน้าลงกับพวงมาลัย พร้อมกับสะอื้นไห้จนตัวโยน

วทันยูมองหญิงสาวที่ซบหน้ากับพวงมาลัยรถแล้วต้องกำหมัดแน่น
ฉันจะร้องไห้หรือหัวเราะมันก็ไม่เกี่ยวกับคุณ
เสียงของเธอดังสะท้อนอยู่ในหัว เขารู้ดีว่ามันไม่เกี่ยวกับเขา แต่จะให้เขาทนดูเธอเสียใจอย่างนี้เขาทนไม่ได้

อรปรียานั่งร้องไห้อยู่พักใหญ่จนรู้สึกเจ็บตาไปหมด เธอจึงพยายามกลั้นสะอั้น นั่งระงับอารมณ์จนอาการสะอื้นคลายลงจึงขับรถออกไป
วทันยูมองตามรถแจ๊ชสีน้ำเงินสดที่เคลื่อนจากไปอย่างช้าๆ เขาควรจะทำอะไรสักอย่าง ถ้านิยามรักคือการให้ เขาก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้เธอมีความสุข
ใครวะไอ้ทัน?
ศศิมาเดินตามมา ถามอย่างสนใจยิ่ง..ดูอาการจะเป็นจะตายของเพื่อนก็บ่งบอกถึงความสำคัญของเธอคนนั้นได้เป็นอย่างดี แต่คำตอบของเขาทำให้หญิงสาวอ้าปากค้าง
แฟนไอ้พัทธ์
วทันยูขับรถออกไปแล้ว ปล่อยให้ศศิมายืนงงอยู่คนเดียว แฟนไอ้พัทธ์..แล้วทำไมไอ้ทันมันถึงได้ทำท่าจะเป็นจะตายขนาดนั้นวะ หญิงสาวเกาหัวอย่างงงๆ ก่อนจะเดินไปที่รถของตัวเองบ้าง
************

อรปรียาเดินก้มหน้าเข้าบ้านเมื่อผ่านเพื่อนๆที่นั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่น ก่อนเดินเลยไปยังห้องน้ำเพื่อล้างคราบน้ำตา
เมื่อสำรวจหน้าตาตัวเองในกระจกก็พบว่า นอกจากตาแดงแล้วจมูกยังแดงยังกับโดนผึ้งต่อยมา หญิงสาวพยายามหันหน้าไปอีกทางเมื่อต้องเดินผ่านเพื่อนๆ
ไอ้อร แกกินข้าวหรือยัง?”วาสินีเอ่ยถาม
อื่อ ฉันอาบน้ำนอนก่อนนะ
อรปรียารีบเดินเข้าห้องนอนไม่รอคำตอบรับ พยายามเลี่ยงการสบตากับเพื่อนทุกทาง
เมื่ออาบน้ำเสร็จเข้ามาอยู่ในห้องนอนเพียงลำค่อยถอนใจอย่างโล่งอก หญิงสาวล้มตัวลงนอน พยายามนับเลขในใจ เพื่อจะได้ไม่ต้องคิดเรื่องอะไรให้ฟุ้งซ่าน จนหลับไปในที่สุด

***********
วทันยูเดินเข้าห้องเรียนวิชา civil อย่างอิดโรย มองอนพัทธ์ที่กำลังคุยเล่นหัวเราะอยู่กับเพื่อนๆแล้ว รู้สึกคันหมัดขึ้นมาทันที เขาเดินตรงไปหาเพื่อน พยายามข่มใจให้สงบลง
เฮ้ย! ไอ้พัทธ์มาคุยกันหน่อยสิ
อะไรวะ เรียกยังกะจะท้าต่อยอนพัทธ์ขมวดคิ้ว
วทันยูอยากจะตอบจริงๆว่า ก็ใช่สิโว้ย แต่ก็ต้องกัดลิ้นตัวเองไว้
เอ้า มีอะไรว่ามา
ทำไมเมื่อวานแกต้องไปยื้อยึดฉุดกระชากกับยัยพิมพ์ที่ห้องสมุดด้วยวะ?”วทันยูถามเสียงขุ่น
อนพัทธ์มองหน้าเพื่อนอย่างงงๆ จะว่าวทันยูหึงพิมพ์มาดาก็ไม่น่าจะใช่ เพราะยัยนั่นวิ่งตามวทันยูมานานสองนาน แต่วทันยูก็ยังไม่สนใจ จนยัยนั่นต้องเปลี่ยนเป้าหมายมาที่เขาแทน
ก็ยัยบ้านั่นนะสิ ตื้อไม่เลิก ผู้หญิงอะไรน่าเบื่อชะมัดอนพัทธ์ตอบเสียงขุ่นเมื่อนึกถึงผู้หญิงคนนั้น
ที่อื่นมีตั้งมากตั้งมาย ทำไมต้องไปทะเลาะกันที่นั่นด้วย?”
อ้าว ก็ยัยนั่นตามฉันไปที่นั่น แล้วจะให้ฉันไปทะเลาะที่ไหนวะ แล้วนายมาเกี่ยวอะไรด้วย?”อนพัทธ์ขมวดคิ้วถามเสียงหงุดหงิด
วทันยูถอนใจยาว
มันไม่เกี่ยวกับฉัน แต่แกรู้ไหมว่าเมื่อวานใครอยู่ตรงนั้น
ใคร?”
อนพัทธ์เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ก็มันไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายสักหน่อย ทำไมไอ้บ้านี่ถึงตีหน้าถมึงทึงอยู่ได้
อรวทันยูกล่าวช้าๆ คล้ายจะตอกย้ำชื่อนี้ให้ฝังลึกในใจลงไปอีก
อร?”
สีหน้าของอนพัทธ์แสดงชัดว่าแปลกใจมากกว่าตกใจ วทันยูต้องกำหมัดแน่น
ใช่ แล้วแกรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่แกไปแล้ว
หือ มีอะไร?”
อรเสียใจมาก ร้องไห้เสียยกใหญ่เลย
ห๊า! แกว่ายังไงนะ? อรร้องไห้เพราะฉันเนี่ยนะ?อนพัทธ์อุทานเสียงดังก่อนจะจับไหล่เพื่อนเขย่าถามให้แน่ใจ
วทันยูมองหน้าตื่นๆแววตาฉายชัดว่าดีใจนั้นแล้วรู้สึกโกรธเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ มันน่าดีใจนักหรือไงที่ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งต้องร้องไห้มากมายขนาดนั้น
นายพูดจริงหรือที่ว่า อรเขาร้องไห้เพราะเห็นฉันอยู่กับผู้หญิงอื่นอนพัทธ์ถามอย่างตื่นเต้น
ฉันจะโกหกนายทำแป๊ะอะไรวะวทันยูกระแทกเสียงอย่างหงุดหงิด
อนพัทธ์ไม่สนใจกับปฏิกิริยาของเพื่อน เพราะตอนนี้หัวใจเขาพองฟูจนแทบจะบินได้อยู่แล้ว
ขอบใจมากนะทัน ขอบใจสำหรับข่าวดีที่แกบอกฉัน
วทันยูขยับจะถามให้ชัดว่า ที่พูดหมายความว่ายังไง แต่อาจารย์เดินเข้าห้องมาเสียก่อนจึงจำต้องเก็บความสงสัยไว้ในใจ
เหลือเวลาไม่ถึงสิบนาทีจะครบชั่วโมง อนพัทธ์ก็ลุกขึ้นขออนุญาตอาจารย์ไปเข้าห้องน้ำแล้วหายเงียบไปเลย เมื่อหมดชั่วโมง วทันยูจึงต้องเป็นคนเก็บหนังสือกับกระเป๋าของอนพัทธ์ และเดินตามหาเจ้าของ

อร ขอคุยด้วยแป๊บนึงสิ
อรปรียาชะงักเพราะเสียงเรียกนั้น เมื่อหันไปก็พบอนพัทธ์ยืนยิ้มอยู่ไม่ห่าง
แต่อรมีเรียนต่อนะพัทธ์
ไม่นานหรอก
อรปรียาลังเล ก่อนพยักหน้าตกลง
ก็ได้ แต่เร็วๆหน่อยนะ อาจารย์ยิ่งเฮี๊ยบอยู่ด้วย
อนพัทธ์อมยิ้ม เธอยังเป็นอรปรียาคนเดิมที่ห่วงเรียนและตรงต่อเวลาที่สุด
จ้า แป๊บเดียวจริงๆ ไปตรงโน้นนะ ค่อยเงียบหน่อย
ตรงโน้นของเขา คือมุมตึกที่อยู่ไม่ไกลเท่าไร อรปรียาพยักหน้ารับ แล้วเดินนำไป
มีอะไรว่ามาสิ
อรปรียาเร่งเมื่ออนพัทธ์ยังคงยืนยิ้มกริ่มไม่ยอมพูดจา
คือ พัทธ์อยากบอกว่า เรื่องที่อร เห็นเมื่อวานมันไม่ใช่อย่างที่อรคิด
อรปรียาขมวดคิ้ว นี่เขารู้ด้วยหรือว่าเธอคิดอะไร
คือ พัทธ์กับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่เขาพยายามตามตื้อพัทธ์ไม่เลิก
อรปรียาพยักหน้ารับรู้ แต่มันก็ไม่เกี่ยวกับเธอ
อือ แล้วไง?”อรปรียาถาม
อร ไม่โกรธพัทธ์ใช่ไหม?”อนพัทธ์ถามอย่างเกรงๆ
ไม่โกรธ อรปรียาขมวดคิ้ว ทำไมต้องโกรธด้วย ในเมื่อมันไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย
อนพัทธ์ยิ้มได้ เขาเอามือถูกันอย่างอย่างขัดเขิน  เขาควงผู้หญิงมาจนนับไม่ถ้วน แต่เพิ่งเคยบอกรักผู้หญิงเพียงครั้งเดียว และนี่จะเป็นครั้งที่สอง แถมยังเป็นคนเดียวกันเสียด้วย
มีอะไรหรือเปล่าพัทธ์?”อรปรียาเอ่ยถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าอึกอักลังเล
อนพัทธ์ถอนใจ เอาวะ แค่บอกว่ารักมันไม่ทำให้น้ำลายติดคอตายหรอกน่า ชายหนุ่มตัดสินใจก่อนกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ
คือพัทธ์จะบอกว่า ผู้หญิงที่อยู่ในใจพัทธ์ตลอดมาก็คืออร
อรปรียาตาโตอ้าปากค้างอย่างคาดไม่ถึง
ฟังดูอาจจะเหมือนเป็นเรื่องเหลวไหล แต่พัทธ์รักอรนะ รักไม่เคยเปลี่ยนแปลง
อนพัทธ์สารภาพด้วยอาการเขินๆ หน้าแดงก่ำ อรปรียาเพิ่งได้สติ เธอสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนผ่อนออกมา
ขอบใจนะพัทธ์ ที่รู้สึกดีๆกับอร
อนพัทธ์ยิ้มตาเป็นประกายอย่างมีความสุข และรอยยิ้มนั้นก็เลือนไปเมื่อได้ยินประโยคต่อมา
แต่อรไม่เคยคิดกับพัทธ์มากเกินกว่าเพื่อนเลย ขอโทษนะ
ตะ.. แต่เมื่อวานอรร้องไห้เขาทักท้วงเสียงสั่น
ไม่ใช่เพราะพัทธ์
คำตอบนั้นราวกับฟ้าผ่าลงกลางใจ ชายหนุ่มหัวเราะออกมาทั้งๆที่ไม่มีความรู้สึกว่าอยากหัวเราะ
ขอโทษนะอรปรียามองหน้าเขาอย่างรู้สึกผิด
อย่ามองพัทธ์อย่างนั้นได้ไหม มันทำให้พัทธ์รู้สึกเหมือนตัวเองไร้ค่า
ไม่ใช่อย่างนั้น พัทธ์เป็นคนดี
แต่ไม่ดีพอที่จะรักอนพัทธ์ต่อให้ด้วยแววตาเศร้าๆ พร้อมหลับตาลงช้าๆ แล้วก็ลืมตาขึ้น
อรไปเรียนเถอะ  พัทธ์สัญญาว่าพัทธ์จะไม่กวนใจอรอีกแล้ว
อรปรียาลังเล ก่อนพยักหน้ารับ
พัทธ์เป็นเพื่อนที่ดีของอรหญิงสาวบอกเบาๆแต่หนักแน่น
เพื่อนที่ดีอย่างงั้นเหรอ?’
อนพัทธ์ยิ้มหยัน ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีคำตอบของเธอยังเหมือนเดิม แล้วทำไมเขายังฝังใจอยู่กลับเธอนัก ตื่นซะทีสิไอ้พัทธ์ ผู้หญิงมีให้แกเลือกตั้งมากมาย ไปสนคนที่เค้าไม่สนใจตัวเองอยู่ทำไม?’ ชายหนุ่มพยายามบอกตัวเองแต่มันไม่ง่ายเลยที่จะตัดใจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น