ตอนที่ 10 สถานการณ์ตึงเครียด
กษัตริย์ซีมา อุซามะ อดีบา กล่าวหาว่าชีคนาซ
อซีซา บาฮจา บุกเข้าไปทำร้ายชีคอัลลาม อดีบาถึงคฤหาสน์ในเมืองดาเรน ชีคมาวาฮิป บาฮบา บาฮจาก็ตอบโต้ว่า ชีคอัลลาม
อดีบาต่างหากที่วางแผนรอบทำร้ายชีคนาซโดยแสร้งเชิญไปร่วมรับประทานอาหารที่คฤหาสน์แล้ววางกำลังรอบทำร้าย
และยังส่งคนตามไปทำร้ายถึงกลางทะเลทราย โดยนำศพของกองโจรที่เคยเป็นบอดีการ์ดของชีคอัลลามรวมทั้งซากเฮลิคอร์ปเตอร์มาเป็นหลักฐานในข้อกล่าวหา
ทำให้กษัตริย์ซีมา อุซามะ อดีบาไม่สามารถโต้แย้งได้ เพราะไม่มีใครสามารถเป็นพยานในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์ของชีคอัลลามได้
เนื่องจากทุกคนหลับกันหมด
แต่กลับมีพยานไม่น้อยที่เห็นเหตุการณ์ที่ชีคอัลลามเชิญชีคนาซไปร่วมรับประทานอาหารที่ตลาดเมืองดาเรน..และที่สำคัญชีคอัลลามไม่ได้เป็นอะไรเลย
ส่วนชีคนาซถูกยิงบาดเจ็บสาหัส พร้อมซากเฮลิคอร์ปเตอร์ของอดีบา
และศพของกองโจรที่เคยเป็นคนของชีคอัลลามจริง
กษัตริย์ซีมา อุซามะ
อดีบาสั่งกำลังทหารรักษาพระองค์ที่ขึ้นตรงต่อสำนักนักพระราชวังทั้งหมดประมาณสองหมื่นนายเข้าประจำการรักษาการรอบพระราชวังอย่างเข้มงวด
แต่เทียบไม่ได้เลยกับกำลังทหารหลายแสนนายที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของชีคมาวาฮิป บาฮบา
ชีคมาวาฮิป
บาฮบาสั่งให้เคลื่อนกำลังทหารเพียงบางส่วนเข้าประจำจุดยุทธศาตร์เพื่อตรึงกำลังและกดดันบรรดาเชื้อพระวงศ์ที่สนับสนุนชีคอัลลามให้เป็นรัชทายาทให้ไตร่ตรองใหม่อีกรอบ
เพราะกำลังทหารและเศรษฐกิจของประเทศขณะนี้ล้วนตกอยู่ในกำมือของ ตระกูลบาฮจาทั้งหมด
..ถึงเวลาที่ควรจะมีการเปลี่ยนแปลงเสียที
เนื่องจากขณะนี้กองกำลังของกษัตริย์ซีมา
อุซามะ อดีบา และกำลังทหารของท่านชีคมาวาฮิป บาฮบา บาฮจา กำลังเผชิญหน้ากันอยู่อย่างเคร่งเครียด
รัฐบาลจึงประกาศกฎอัยการศึก
ห้ามประชาชนออกจากเคหสถานด้วยเกรงว่าจะได้รับอันตรายหากเกิดการปะทะกันขึ้น
เมืองดูรฮาลตกอยู่ในความเงียบสงัดทันที ต่างประเทศมีประกาศห้ามประชาชนของตนเดินทางมายังประเทศนี้ในขณะนี้
สถานฑูตประเทศต่างๆเตรียมพร้อมอพยพพลเมืองของตนออกนอกประเทศ โดยรัฐบาลของดรูไรดาราน
ได้ประสานขอความช่วยเหลือในการอพยพไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
เพื่ออำนวยความสะดวกหากมีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น
รถเบนซ์สีดำสนิทติดกระจกกันกระสุนทั้งคันพาไผท
อาทิตยา และนาซีม เคลื่อนที่ไปยังคฤหาสน์บาฮจาที่อยู่ห่างโรงพยาบาลบาฮจา ฮอสปิทอล
เพียงห้าร้อยเมตร ตามคำสั่งของท่านที่ปรึกษาอาบีร บาดรียา
ถนนสายหลักทุกสายของเมืองดูรฮาลมีทหารและรถถังหุ้มเกาะตั้งด่านสกัด
คนหรือรถที่จะผ่านไป-มาได้ก็ต้องได้รับอนุญาตเป็นพิเศษเท่านั้น.....แต่แค่รถเบนซ์สีดำวิ่งมาใกล้ทหารทุกด่านก็พร้อมเปิดทางให้ผ่านไปอย่างง่ายดาย
เพราะใบหน้าของนาซีมที่กดลดกระจกรถลงให้ทหารประจำด่านได้เห็น คือ ‘ใบอนุญาตพิเศษ’ประจำตัวอยู่แล้ว
ก๊อก ๆ ๆ
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่เรียบร้อยแล้วคนตัวเล็กก็เคาะห้องไผทเบาๆ
“เชิญครับ”ไผทบอกเบาๆ
ร่างระหงก้าวเข้ามาในห้องในชุดสะอาดใบหน้าผ่องใส
แต่ยังคงเครียดขึง
“คนของเราเป็นยังไงบ้าง?”เสียงใสเอ่ยถาม
“อยู่ครบ แต่เจ็บหนักสาม
และเล็กน้อยอีกเจ็ด”ไผทรายงาน คนถามพยักหน้ารับ
“ส่งคนเจ็บกลับ..ส่วนคนที่เหลือรอดูสถานการณ์ก่อน
เราเชื่อว่าปาริฉัตต์ยังปลอดภัย”คนตัวเล็กสั่งการ
“ครับ แล้วเราจะทำยังไงต่อไป?”ไผทปรึกษา เพราะสถานการณ์ตอนนี้ตึงเครียดยิ่ง
อาทิตยาถอนหายใจ “รอชีคนาซฟื้นก่อน...พักผ่อนเถอะ
เรากลับจะไปโรงพยาบาล”
ไผทขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่กล้าคัดค้านเพราะรู้ดีว่าถึงจะค้านไปก็ไม่มีประโยชน์
เขาถอนหายใจก่อนจะพยักหน้ารับ
คนตัวเล็กหมุนตัวเดินออกจากห้องอย่างเงียบๆเพื่อกลับไปยังโรงพยาบาลอีกครั้ง
************************
เกือบหกชั่วโมงหลังจากผ่าตัดเสร็จสิ้น
ชีคนาซ อซีซา บาฮจา ก็เริ่มรู้สึกตัว คณะแพทย์รีบแจ้งท่านหญิงราเนียที่ยืนกรานว่าจะรออยู่ที่ห้องรับรองจนกว่าชีคนาซจะฟื้นได้ทราบ
ท่านหญิงรีบเดินตามพยาบาลออกจากมาจากห้องรับรอง เพื่อไปเปลี่ยนชุดปลอดเชื้อเพื่อเข้าเยี่ยมบุตรชายในห้องผ่าตัด
แล้วท่านหญิงต้องชะงักเมื่อเห็นคนตัวเล็กยังคงนั่งนิ่งอยู่ท่าเดิมอยู่หน้าห้องแต่ใบหน้าเรียวเสลาผ่องใสขึ้นเพราะผ่านการอาบน้ำชำระร่างกายจนเกลี้ยงเกลา
ชุดที่ใส่ก็สะอาดสะอ้านไม่มอมแมมเหมือนที่เจอในครั้งแรก ทำให้ดูคล้ายเจ้าชายอาหรับองค์เล็กๆ
เหมือนจะรู้ว่ามีคนจ้องมอง คนนั่งนิ่งกระพริบขนตางอนยาวคล้ายผีเสื้อกระพือปีก
ก่อนดวงยาวเรียวยาวดำขลับดุจนิลจะประสานกับสายตาของคนสูงวัยที่จ้องมองอยู่ก่อน
ร่างเล็กลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วแต่ไม่ลุกลน
ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาท่านหญิงพร้อมกับโค้งคำนับงดงามอย่างคนที่ได้รับการอบมาดี
ผู้สูงวัยก็ตอบรับการเคารพอย่างงดงามเช่นกัน พร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยนส่งให้
“เจ้ารออยู่ที่นี่ตลอดเลยรึ?”
ท่านหญิงถามด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงมิผิดเจ้าของภาษา
เนื่องจากท่านถูกส่งตัวไปศึกษาอยู่ที่ประเทศอังกฤษตั้งแต่เล็กจนกระทั่งเสกสมรสจึงกลับประเทศตามพระสวามี
“ผมกลับไปอาบน้ำแล้วกลับมาใหม่ครับ”
คำตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงเจ้าของภาษาเช่นกันแต่น้ำเสียงอ่อนน้อมให้ความเคารพต่อผู้สูงวัย
“เจ้าจะเข้าไปเยี่ยมอซีซาพร้อมกันเลยไหม?”
ท่านหญิงเอ่ยชวน
ไม่ว่าเจ้าตัวเล็กนี้จะเป็นใครมาจากไหน ขอเพียงมีน้ำใจกับลูกชายนาง
นางก็พร้อมจะดีตอบให้มากกว่าฝ่ายนั้นให้มาเสมอ และในทางกลับกัน ถ้าอีกฝ่ายร้ายมา
นางก็พร้อมจะร้ายตอบ...เช่นกัน
“ผมขอรอจนกว่าท่านชีคจะฟื้นเต็มที่ดีกว่าครับ”
คนตัวเล็กบอกพร้อมกับยิ้มน้อยๆ
ท่านหญิงราเนียยิ้มตอบก่อนจะเดินเข้าห้องคนเจ็บ แต่อดคิดในใจไม่ได้ ‘สงสัยอซีซาอาจจะต้องเสียตำแหน่งเพลย์บอยหน้าหยกให้คนตัวเล็กนี้ในอีกไม่ช้านี้ก็ได้’
ท่านหญิงราเนียเดินเข้าไปชิดเตียงคนเจ็บที่เริ่มขยับตัวแต่ยังไม่รู้สึกตัวดี
นางกุมมือบุตรชายถ่ายทอดความรู้สึกทั้งมวลที่แม่มีให้ลูก
เพื่อให้บุตรชายที่ยังไม่ได้สติเต็มที่ได้รับรู้ถึงความรัก ความห่วงใยที่นางมีให้
“แม่..ตัวเล็ก..”
เสียงละเมอของบุตรชายทำให้คนเป็นแม่ขมวดคิ้วนิดๆ
เมื่อวัยเด็กยามเจ็บป่วย บุตรชายจะละเมอเรียกหา ‘แม่’เสมอ แต่วันนี้มีอีกชื่อหนึ่งเพิ่มขึ้นมาในห้วงคำนึง
‘ตัวเล็ก’
ใช่หมายถึงเจ้าตัวเล็กที่นั่งนิ่งอยู่หน้าห้องผ่าตัดหรือไม่?
คนเจ็บเริ่มรู้สึกตัวมากขึ้น
ขนตายาวหนากระพริบถี่ๆก่อนจะปรือตาขึ้น
แววตาตอนแรกเลื่อนลอยคล้ายยังไม่ได้สติเต็มที่ ต่อมาเริ่มมองไปรอบๆเพื่อฟื้นความทรงจำ
จนกระทั่งแลสบกับดวงหน้าอ่อนโยนที่คุ้นเคยมาทั้งชีวิตไม่ว่ายามหลับหรือตื่น
“แม่”ถ้อยคำที่ผ่านริมฝีปากอิ่มแผ่วเบา
แต่กังวานในใจคนฟัง
“อซีซา ดีจริงที่ลูกปลอดภัย”
ท่านหญิงราเนียกล่าวพลางซับน้ำตาที่หัวตาเพื่อมิให้หยาดหยด
คนที่อยู่บนสุดได้
มิใช่แค่บุคคลที่โชคดีที่สุด...แต่ต้องเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดด้วย...
“ตัวเล็ก..เป็นไง..บ้าง?”แม้ตัวเองจะบาดเจ็บสาหัส แต่กลับไม่สนใจจะรู้อาการของตน
ใจกังวลถึงแต่ตัวคนตัวเล็กที่เคยอยู่ข้างกายเท่านั้น
“ปลอดภัยดี”ท่านหญิงบอกเบาๆ คนเจ็บถอนหายใจยาวอย่างโล่งใจ
“นั่งเฝ้าเจ้าอยู่หน้าห้อง
ไม่ยอมไปไหน”ท่านหญิงบอกต่อ คนเจ็บนิ่วหน้าคล้ายไม่พอใจ
“ทำไม ..ไม่.. พา.. ไปพัก”คนเจ็บกัดฟันพูดเบาๆ
“เอาล่ะ แม่จะพาไปพักเอง
แต่คงต้องให้เข้ามาดูเจ้าก่อน ไม่งั้นคงไม่ยอมไปไหนแน่”
ท่านหญิงบอกยิ้มๆ เนื่องจากได้รับรายงานจากนาซีมว่าเขาได้พยายามเข้าไปอ้อนวอนให้คนตัวเล็กกลับไปพักผ่อนแล้ว
แต่อีกฝ่ายไม่ยอมรับฟัง แถมยังนั่งนิ่งเป็นประติมากรรมเฝ้าหน้าห้องผ่าตัดเสียอีก
คนเจ็บพยักหน้ารับมุมปากหยักยิ้มพอใจตาเป็นประกายแวววาวอ่อนหวาน
ท่านหญิงมองหน้าลูกชายแล้วก็เริ่มกังวลใจลึกๆ เนื่องจากอีกฝ่ายนั้นรูปงามยิ่ง...งามจนอาจจะทำให้คนหลงใหลได้ง่ายๆไม่ว่าจะเป็นเพศตรงข้ามหรือ..เพศเดียวกัน
เมื่อท่านหญิงกลับออกไปเพียงครู่เดียวคนตัวเล็กในชุดปลอดเชื้อก็เดินมายืนข้างเตียงคนเจ็บอย่างเงียบๆ
พลางมองหน้าที่ซีดเซียวของคนเจ็บอย่างพิจารณา....ทำไมเขาจึงกล้าเอาชีวิตของตนมาเสี่ยงรับความตายแทนคนที่เพิ่งรู้จักกันเพียงไม่กี่วันด้วยนะ...ทั้งๆที่ไม่ใช่ญาติสนิทหรือเพื่อนตายกันสักหน่อย
คนเจ็บเหมือนจะรู้ว่ามีคนมายืนมองตนจึงลืมตาขึ้น
เมื่อรู้ว่าเป็นใคร แววตาก็เปล่งประกายระยิบระยับด้วยความยินดี
และส่วนลึกในแววตาที่เจ้าตัวไม่ทันได้เก็บงำซ่อนเร้นก็เปิดเผยออกมาด้วย …แววตาออดอ้อนอ่อนหวาน
คนยืนมองอยู่ข้างเตียงขมวดคิ้ว
เมื่ออัตราการเต้นของหัวใจตนเริ่มผิดปกติ แววตาคู่นั้นทำไมมันถึงได้หวานเยิ้มจนไม่อยากจะสบตาด้วยก็ไม่รู้
…ไม่ใช่ไม่เคยเห็นแววตาแบบนี้ก่อน
แต่ที่ผ่านมาแววตาแบบนี้ก่อความรำคาญอย่างไม่น่าให้อภัย และใครก็ตามที่‘บังอาจ’มาสร้างความรำคาญใจ….มันผู้นั้นจะต้องได้รับโทษอย่างสาสม
แต่กับคนที่นอนเจ็บอยู่บนเตียงในขณะนี้...แววตาแบบนี้กลับก่อให้ความรู้สึกแปลกๆคล้ายอึดอัดปนหวานๆในอก..ไม่รู้ว่าจะเรียกอาการนี้ว่าอย่างไรดี
จะว่าดีก็ไม่ใช่ จะว่าแย่ก็ไม่เชิง จนไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับตัวการอย่างไรดี
“เจ้า..บาดเจ็บ..หรือเปล่า?”เสียงถามไถ่แผ่วเบา แต่ความห่วงใยฉายชัด
คนตัวเล็กส่ายหน้า
พยายามทำใจให้สงบก่อนจะหันมาสบตากับคนเจ็บ
“ไม่....ขอบคุณท่านมาก”
“ไม่เป็นไร..เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
คนเจ็บพยายามส่งยิ้มให้แม้จะแหยเกเพราะเจ็บแผล
แต่มีความจริงใจเปี่ยมล้น จนคนมาเยี่ยมแอบถอนหายใจ
เป็นครั้งแรกที่รู้สึกผิดที่ทำให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องต้องมาเดือดร้อนเพราะตน
“เจ้ากลับไปพักเถอะ..ข้าไม่เป็นไรแล้ว”คนเจ็บบอกเบาๆ คนมาเยี่ยมพยักหน้ารับ กลับหลังหันทันที
“เดี๋ยว!..”
“เอ่อ...เจ้าจะไม่ถามอาการข้าสักคำเลยรึ?”คนเจ็บอักอึกทักท้วง..
เมื่อเห็นคนมาเยี่ยมไม่ถามอาการตนสักคำ บอกให้ไปพักก็หมุนตัวจะไปเสียเฉย ไม่มีล่ำลาด้วยซ้ำ
คนตัวเล็กหมุนตัวกลับ “ถามหมอแล้ว”
คำตอบนั้นคงไม่สบอารมณ์คนฟังนัก
ใบหน้าที่ซีดเซียวจึงบึ้งตึงขึ้นทันใด
“ถามหมอทำไม ทำไมไม่ถามข้าล่ะ
หมอไม่ใช่คนเจ็บนี่” คนเจ็บเริ่มออกอาการ ‘พาล’ เพราะน้อยใจ …เขารึแสนห่วงใยมัน
แต่ดูมันสิ …จะแสดงอาการห่วงใยกันบ้างสักนิด..ก็ไม่ได้
คนมาเยี่ยมส่ายหน้าคล้ายระอา
ก่อนจะถามเสียงอ่อนโยนเอาใจ.. ‘เห็นว่ามาช่วยรับลูกกระสุนแทนหรอกนะ’
“แล้วท่านเป็นไงบ้าง เจ็บมากหรือเปล่า?”
“แค่ได้ยินเจ้าถาม
ก็หายเจ็บแล้วล่ะ”
คนเจ็บยิ้มกริ่มในทันใดดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ
จนคนถามมองค้อน ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้น อาการแปลกๆเกิดขึ้นอีกแล้ว เมื่อยังไม่รู้ว่าเป็นโรคอะไรก็กินยาแก้ไม่ถูก
ตอนนี้จึงทำได้แค่หมุนตัวเดินจากไปโดยไม่ล่ำลา…หรือว่าเธอจะเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่?
คนไอคิวสูงแต่อีคิวต่ำเริ่มวิเคราะห์โรคของตนเองอย่างกลุ้มใจ
คนเจ็บมองตามพร้อมกับยิ้มกว้าง ‘เวลาเขิน มันช่างน่ารักจริงๆ’ไม่รู้ทำไมเขาถึงมีความสุขมากมายขนาดนี้ ทั้งๆที่เจ็บแผลจนแทบจะขยับตัวไม่ได้
แต่ในใจกลับเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข
ชีคนาซหลับตาลง
รอยยิ้มละไมยังคงแต่งแต้มบนใบหน้าหล่อเหลา
พยาบาลสาวที่เข้ามาตรวจวัดความดันเหม่อมองหน้าคนเจ็บบนเตียงอย่างหลงใหล จนเผลอรัดแขนแกร่งแน่นมากเกินไป
คนเจ็บลืมตาขึ้นทันควัน เมื่อรู้ว่าใคร ใบหน้าที่ยิ้มละไมกลับบึ้งตึงขึ้นทันใด
แววตาอันตรายฉายชัด พยาบาลสาวรีบคลายสายรัดความความดันมือสั่นระริก
พลางละล่ำละลักขอโทษน้ำตาคลอ
“ออกไป!”
คำสั่งสั้นๆแต่เด็ดขาดทำให้พยาบาลสาวลนลานออกจากห้องผ่าตัดคล้ายได้รับนิรโทษกรรม
เธอยกมือขึ้นทาบอก หัวใจยังเต้นแรงด้วยความหวาดหวั่น …ไม่ควรเลย ทั้งๆที่ก็รู้ดี..มัจจุราช…ถึงจะหล่อเหลาแค่ไหน..แต่เธอก็ไม่อยากใกล้ชิดกับความตายนักหรอก
เมื่ออาทิตยาถอดชุดปลอดเชื้ออกแล้วและออกมาข้างนอก
ก็พบว่าท่านหญิงราเนียก็นั่งรออยู่
“ไปพักกันเถอะ”ท่านหญิงเอ่ยชวนเสียงอ่อนโยน
“ครับผม”
คนตัวเล็กโค้งคำนับรับคำอย่างว่าง่าย
พลางคิดในใจ ‘ท่านหญิงช่างให้ความรู้สึกเหมือนแม่’ ‘แม่’ความอบอุ่นที่ขาดหายไปกว่าสิบปี...ความอบอุ่นนี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่ออยู่ใกล้ๆท่านหญิงผู้สูงศักดิ์
ท่านหญิงราเนียแอบพินิจคนเดินเคียงข้าง ร่างที่คิดว่าเล็กแต่พอเดินเคียงกันท่านหญิงกลับสูงแค่ไหล่
ร่างสูงโปร่งในชุดอาหรับตัวโคร่งจึงทำให้ไม่เห็นรูปร่างที่แท้จริงว่าจะแข็งแกร่งแบบชายชาญหรืออ้อนแอ้นบอบบางแบบหญิงสาว
มือที่โผล่พ้นแขนเสื้อขาวเนียนละเอียดประดุจผิวทารก
เมื่อนั่งเคียงกันบนรถท่านหญิงก็หันมาชวนคุย
“เจ้ามาเที่ยวรึ?” ยิ่งมองใกล้ๆยิ่งสวย..สวยราวประติมากรรมชิ้นเอก
“มาทำงานครับ..แต่คิดว่าจะอยู่เที่ยวต่อถ้าไม่เกิดเรื่องขึ้นซะก่อน”คนตอบเสียงเครียด
‘เรื่อง’ที่คนไม่รู้เรื่องแต่ถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้องจนเกือบจะต้องสังเวยชีวิตไปโดยใช่เหตุ
“เกิดเรื่องขึ้นแบบนี้ เจ้ากลับจะเลยหรือเปล่า
?”
ท่านหญิงถามเสียงอ่อนโยน แต่ในใจกลับกังวล
ถ้าคนตัวเล็กกลับไปแล้วลูกชายนางจะรู้สึกเช่นไร แต่ในทางกลับกัน
ถ้าคนตัวเล็กยังอยู่ต่อ ความรู้สึกของลูกชายนางจะถลำลึกไปไกลสักแค่ไหน ...
‘ตัวเล็ก’ ยามอซีซาเพ้อละเมอหาช่างอ่อนหวานยิ่งนัก....จักทำฉันใดดี...จะปล่อยให้บุตรชายคนเดียวของนาง..ทายาทคนเดียวของตระกูล
‘บาฮจา’ และคนที่ ‘อาจจะ’ก้าวขึ้นครองบัลลังค์ทองแห่งดรูไรดารานมีใจให้
‘ผู้ชาย’ได้อย่างไร..หรือจะต้องทำอะไรสักอย่างก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
“ผมคงจะต้องรอปรึกษาท่านชีคก่อน
เพราะงานที่ได้รับมอบหมายมายังไม่เรียบร้อย”
คนตอบถอนหายใจเบาๆ เป็นห่วงคนที่หายไปกลางทะเลทราย....ทะเลทรายกว้างไกลสุดสายตา
จะไปตามหาได้อย่างไรถ้าไม่มีคนในพื้นที่คอยช่วยเหลือ..แต่คนที่หวังจะพึ่งพิงกลับได้บาดเจ็บสาหัส
แล้วอย่างนี้จะทำอย่างไรต่อไปดี
ต่างคนต่างนิ่งจมอยู่กับความกังวลของตัวเองจนกระทั่งรถวิ่งเข้าไปจอดหน้าคฤหาสน์
ท่านหญิงและแขกจึงแยกย้ายกลับไปยังที่พักของตน เพียงคำนับล่ำลา โดยไร้วาจาใดอีก
*****************
ชีคนาซ อซีซา
ย้ายจากห้องผ่าตัดไปอยู่ห้องพักฟื้นพิเศษ เมื่อตื่นอีกครั้งก็เรียกนาซีมเข้าพบ
“เจ้าตัวเล็กล่ะ?”ประโยคแรกก็ถามถึง ‘คนพิเศษ’ทันที
“กลับไปพักที่คฤหาสน์..จะให้ตามตัวมาไหมครับ?”นาซีมตอบพร้อมกับถามกลับ.. ‘เรียกเราแต่กลับถามหาอีกคน’
“ไม่ต้องหรอก”ชีคนาซปฏิเสธ
ที่ถามหาเพราะความเคยชินมากกว่าอยากพบหน้าในเวลานี้
“อัลลามจับน้องสาวเจ้าตัวเล็กมา..มันก็เลยมาตาม ข้าสัญญาว่าจะช่วยมัน”ชีคนาซบอกข้อมูล นาซีมพยักหน้า เข้าใจถึงสาเหตุแท้จริงที่ทีเค
กรุ๊ปเดินทางมาในครั้งนี้ และเข้าใจแล้วว่าทำไมคนตัวเล็กนั่นถึงมองชีคคอัลลามอย่างอาฆาตมาดร้ายเช่นนั้น
“ตอนนี้บอร์ดีการ์ดของมันอยู่ที่ไหน?”ชีคนาซถามถึงไผท
“รออยู่ข้างนอกครับ”
“ตามมาพบข้าหน่อย”ชีคนาซสั่ง นาซีมเดินออกไปนอกห้องครู่หนึ่งก็กลับมาพร้อมไผท
“เรื่องน้องสาวไอ้ตัวเล็ก ข้าจะให้นาซีมช่วย..มีอะไรก็บอกได้เต็มที่”ชีคนาซบอก ตาเริ่มปรือ เริ่มง่วงเพราะฤทธิ์ยา
“ขอบคุณครับ”ไผทโค้งคำนับด้วยความขอบคุณ
“อืม...แล้วเจ้าคิดหรือยังว่าจะทำยังไง?”ชีคนาซถามความคิดเห็นเผื่อจะช่วยแนะนำ
“ก่อนอื่น คงจะต้องหาทางส่ง..
เจ้านายกลับเมืองไทยไปก่อน”
คำตอบของไผททำให้ทั้งชีคนาซและนาซีมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
ก็ใครจะนึกว่ามาด้วยกันดีๆ แต่กลับจะหาวิธีส่งกลับซะอย่างนั้น
“ทำไม?”ชีคนาซถามอย่างสงสัย
“อันตราย”คำตอบสั้นๆ ไม่ขยายความต่อว่า กลัว ‘มัน’จะได้รับอันตราย หรือว่า ‘มัน’เป็นตัวอันตรายกันแน่
“ก็ให้อยู่กับข้า”ชีคนาซเสนอ
“ยาก ถ้าไม่จับขังไว้คงเอาไม่อยู่” ไผทส่ายหน้า... แค่คิดก็เหนื่อยใจ
ชีคนาซอมยิ้ม นึกจินตนาการตอนจับ ‘มัน’ขังไว้ ฤทธิ์เดช‘มัน’คงไม่ใช่น้อยไม่อย่างนั้นคนใกล้ชิดคงไม่ทำท่าระอาขนาดนี้
“งั้นก็จับขังไว้”ชีคนาซเสนอยิ้มๆ
“ถ้าหนีตามไปเอง
จะยิ่งอันตรายนะครับ”ไผทแย้ง ด้วยรู้ฤทธิ์กันดี เปอร์เซ็นต์
‘หนีตามไปเอง’เก้าสิบเก้าจุดเก้าเก้า
เปอร์เซ็นต์ เลยล่ะ
“แล้วเจ้าคิดว่าจะส่งมันกลับไปได้ง่ายๆงั้นรึ?”ชีคนาซถามยิ้มๆ ก็ฤทธิ์มากขนาดนั้น
มันคงจะยอมให้จับขึ้นเครื่องบินส่งกลับไปเมืองไทยได้ง่ายๆหรอก
“คงต้องแจ้งให้คนทางโน้นมาคุมตัวกลับไป”ไผทอมยิ้ม วางแผนจัดการเจ้านายในใจ ‘ขืนให้อยู่ด้วยมีหวังวุ่นวายไม่รู้จบ’
ชีคนาซ ถอนหายใจ ใจหนึ่งก็ไม่อยากให้‘มัน’กลับไป
แต่อีกใจก็กลัว‘มัน’จะได้รับอันตราย
ในขณะที่ตนนอนเจ็บอยู่แบบนี้ ก็ไม่มั่นใจว่าจะมีใครคุม‘มัน’ได้บ้าง ...ก็เคยเห็นฤทธิ์มาแล้ว ‘มัน’เคยฟังใครซะที่ไหน เห็นแต่‘มัน’สั่งๆให้คนอื่นทำตาม แม้กระทั่งเขายังต้องคอยทำตาม‘มัน’เลย
“อืม..ไปวางแผนกันให้ดี...ถ้าต้องการอะไรก็บอกอาบีร” ชีคนาซเอ่ยอนุญาตก่อนจะหลับไปเพราะฤทธิ์ยา
นาซีมกับไผทเดินตามกันไปยังห้องปฏิบัติการฉุกเฉินห้องใต้ดิน
เพื่อหารือในรายละเอียดต่างๆ
:'(
ตอบลบ