ตอนที่ 11 วีรกรรมของวายร้ายอันดับหนึ่ง
เมืองไทย
ณ คฤหาสน์ ‘สิงหนฤนาท’ กันต์นั่งก้มหน้านิ่งเมื่อต้องเผชิญหน้ากับประมุขของตระกูล
‘พล.อ.อานนท์ สิงหนฤนาท’ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด
ด้วยบุคลิกน่าเกรงขาม แววตาเด็ดเดี่ยวเอาจริง
ที่หลานสาวเพียงคนเดียวได้รับการถ่ายทอดยีนส์ไปโดยไม่ตกหล่น ทำให้คนที่เผชิญหน้ารู้สึกเกรงจนตัวลีบ
อยากมีคาถาล่องหนจะได้หายตัวไปให้พ้นสายตา
“รู้ใช่ไหมว่าตอนนี้ตะวันอยู่ที่ไหน?”
ประโยคแรกที่เอ่ยถาม
ทำให้กันต์ต้องแอบกลืนน้ำลายเหนียวลงคออย่างฝืดฝืน ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างยอมจำนน
“ครับ”เขาตอบรับเสียงเบา
ด้วยรู้ความผิดของตัวเองที่ไม่ได้รายการให้ท่านทราบ
คำสั่งสั้นๆ ทำให้กันต์เงยหน้าขึ้นทันควัน ‘ไปรับกลับมา’ โอ๊ย...อย่างเขานี่นะจะไปบังคับคนตัวร้ายนั้นได้...แค่คิดก็สยอง
เหมือนท่านพล.อ.อานนท์จะรู้ถึงความลำบากใจนั้น
ท่านจึงพยักพเยิดไปทางบุตรชายคนรอง พันโทแทนไท สิงหนฤนาท ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ
“ไปรับน้องกลับมา”
คำสั่งนั้นทำให้กันต์ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ด้วยรู้ดีว่าถึงแม้ ‘เจ้านาย’จะฤทธิ์เดชมากขนาดไหนแต่ก็เกรงใจคนในครอบครัวเป็นที่ยิ่ง ถ้ามี ‘พี่ชาย’ไปด้วย เขาก็เป็นแค่ตัวเบิกทางเท่านั้น นอกจากนั้นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนในครอบครัวเขาจัดการกันเอง
“ครับ”
แทนไทรับคำสั้นๆ
ก่อนจะหันไปพยักหน้ากับกันต์เป็นความหมายว่าพร้อมจะออกเดินทางในทันที
ที่กันต์จัดการเรื่องการเดินทางเรียบร้อย
“ครับ”
กันต์รับคำ แล้วยกมือไหว้ลาบุรุษทั้งสองเพื่อไปรีบกลับไปจัดการเรื่องการเดินทางสู่ประเทศอันตรายโดยเร็วที่สุด
“ผมขอตัวก่อนนะครับ”แทนไทกล่าวกับบิดา
เมื่อท่านพยักหน้ารับก็ลุกขึ้นเดินขึ้นชั้นบนเพื่อเตรียมกระเป๋าเดินทางของตน
พล.อ.อานนท์ สิงหนฤนาท
มองตามบุตรชายที่เดินจากไปพร้อมถอนหายใจยาว
ท่านรู้สึกตกใจไม่น้อยเมื่อได้รับโทรศัพท์ทางไกลจากไผท อดีต ลูกน้องฝีมือดี
ที่ท่านเคยให้มาฝึกสอนการต่อสู้ให้หลานสาวเมื่อครั้งยังเป็นเพียง ‘เด็กหญิง’โดยท่านไม่เคยระแคะระคายเลยว่า
หลานสาวตัวดีกำลังคิดก่อตั้งกองกำลังของตัวเองขึ้น ทั้งๆที่มีอายุเพียงสิบกว่าขวบเท่านั้น
ไผทรายงายงานว่าตอนนี้
หลานสาวตัวดีของท่านอยู่ที่กรุงดูรฮาล รัฐดรูไรดาราน
เมืองที่พร้อมจะเกิดสงครามกลางเมืองได้ทุกขณะ
และดูเหมือนว่าคนที่จุดฉนวนสงครามในครั้งนี้จะเป็นหลานสาวของท่านนั่นเอง
แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับท่าน
เพราะหลานสาวคนเพียงเดียวของท่านมีความสามารถในการทำให้คนตกใจได้อย่างไม่มีใครเปรียบ
ถ้าไม่มีจิตใจเข้มแข็งแล้วละก็ ท่านคงจะช็อคจนต้องเข้าโรงพยาบาลไปหลายครั้งแล้ว
เริ่มต้นของเรื่อง....ก็ตั้งแต่ที่ท่านเห็นหลานสาวตัวน้อยอายุเพียงสี่ขวบกว่านั่งอ่านหนังสือวรรณกรรมของวิลเลียม
เชกสเปียร์ ภาคภาษาอังกฤษอย่างตั้งใจ เมื่อท่านลองแกล้งถามดูก็ได้รู้ว่า
หลานสาวอ่านหนังสือได้จริงไม่ใช่ดูแค่รูปภาพเหมือนเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน
ตอนแรกท่านตกใจ แต่เพื่อความแน่ใจจึงพาหลานสาวไปวัดระดับไอคิว ปรากฏว่าเด็กหญิง
มีระดับไอคิวสูงถึงร้อยแปดสิบ เรียกได้ว่าเป็นเด็กอัจฉริยะ
ด้วยกลัวว่าโรงเรียนธรรมดาอาจจะไม่สามารถตอบสนองและพัฒนาสมองของหลานสาวได้อย่างเต็มที่
ท่านจึงเสาะหาโรงเรียนที่เปิดสอนเฉพาะเด็กที่มีความสามารถพิเศษเท่านั้น..
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องยุ่งๆ เมื่อหลานสาวตัวดีไม่เพียงแต่เข้าไปเรียนที่นั่นเพื่อหาความรู้เท่านั้น
แต่เจ้าตัวร้ายยังปฏิบัติการยึดโรงเรียนนั้นเป็นฐานกำลังเพื่อเสาะหาบุคคลากรที่มีประสิทธิภาพสูงเข้ามาเป็นพรรคพวกของตนและตั้งเป็นกลุ่มที่เรียกตนเองว่า ‘The Kingdom of us :TK Group’ขึ้นด้วย
ซึ่งท่านได้รู้ความจริงนี้ก็เวลาล่วงเลยไปสิบปีกว่า
เมื่อจู่ๆรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้สัพยอกท่านกลางงานเลี้ยง
“เพิ่งทราบว่าท่านเสธฯ
เบื่อเมืองจนจะหนีไปอยู่เกาะ”รัฐมนตรีเฒ่าสัพยอกอย่างคนคุ้นเคย
“เกาะไหนครับ?”พล.อ.อานนท์ถามกลับอย่างงุนงง
“อ้าว ก็เกาะที่ท่านซื้อเมื่ออาทิตย์ก่อนไง
ตอนเซ็นผมยังแปลกใจเลยว่าท่านจะซื้อเกาะเอาไปทำอะไร
แต่เผอิญยุ่งๆก็เลยไม่ได้โทรถาม”ท่านรัฐมนตรีว่ายิ้มๆ
‘เจ้าของเกาะ’ ยืนงง เพราะแน่ใจว่าตนเองไม่เคยไปซื้อเกาะที่ไหน และที่สำคัญ
ตนไม่ร่ำรวยขนาดจะซื้อเกาะส่วนตัวได้
ด้วยความสงสัยท่านจึงสั่งให้คนใกล้ชิดสืบ..และได้ความว่า
มีการซื้อเกาะในนามของท่านจริง ด้วยมูลค่าที่น่าตกใจจนแทบช็อค ‘สามหมื่นล้านบาท’ มูลค่าทรัพย์สินทั้งสังหาและอสังหาริมทรัพย์ของท่านนับรวมกันแล้วยังไม่ถึง
‘ร้อยล้านบาท’ แล้วท่านจะเอาเงินตั้ง ‘สามหมื่นล้านบาท’มาจากไหน
ด้วยความกังวลใจท่านจึงสั่งให้สืบลึกลงไปอีก ยิ่งสืบยิ่งพิศวง
เมื่อมีข้อมูลว่าท่านเป็นนักเล่นหุ้นตัวฉกาจมานับสิบปีและมีวงเงินหมุนเวียนมากกว่าแสนล้านบาท
และที่สำคัญท่านยังเป็นผู้ให้ทุนการศึกษากับเด็กเรียนดีให้ไปศึกษาฟรีในมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกแล้วหลายสิบคน...ด้วยความร้อนใจ
ท่านจึงสั่งให้สืบหาตัวการที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด..และแล้วท่านก็แทบช็อคเมื่อรู้ตัวการของเรื่อง
หลานสาวคนเดียวของท่าน ‘อาทิตยา สุริยะ’ เด็กสาวอายุสิบห้าปี ที่กำลังจะคว้าปริญญาเอกใบที่สี่จากมหาวิทยาลัย
‘ฮาร์วาร์ด’
นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านได้รู้ฤทธิ์ของหลานสาว
แต่ท่านก็เก็บงำความลับนี้ไว้ ไม่ได้บอกใคร แม้แต่กับอารียาและทินกร
น้องสาวและน้องเขยซึ่งเป็นพ่อแม่ของหลานสาวตัวแสบ
และครั้งต่อมา
เมื่อรถบรรทุกสิบล้อเสียหลักพุ่งชนรถยนต์ที่นายทินกรและนางอารียานั่งมาหลังจากกลับจากงานเลี้ยง
นายทินกร นางอารียาและคนขับรถเสียชีวิตคาที่ ส่วนคนขับรถบรรทุกหนีหายไร้ล่องรอย
อุบัติเหตุครั้งนี้เหมือนกับเป็นอุบัติเหตุธรรมดา แต่พล.อ.อานนท์
รู้สึกว่ามันไม่ใช่ เนื่องจากก่อนจะเกิดเหตุเพียงไม่กี่วัน บริษัททินกร วิลเวจ
ได้ชนะการประมูลโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐบาล
ซึ่งโครงการนี้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ได้วิ่งเต้นอย่างหนักเพื่อให้ได้มา
...และนี่อาจจะเป็นมูลเหตุให้เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญในครั้งนี้ก็เป็นได้
เพราะประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่นั้นไม่ได้ใสซื่อมือสะอาดอย่างภาพลักษณ์ที่ออกสื่อ
อาทิตยากลับประเทศไทยเพื่อร่วมงานฌาปณกิจศพของพ่อแม่
พร้อมกับหนุ่มสาววัยไล่เลี่ยกันกลุ่มใหญ่
เด็กสาวไม่ได้ร่ำไห้โวยวายอย่างที่ญาติๆวิตก
แต่กลับเงียบขรึมมีเพียงแววตาเท่านั้นที่วาวโรจน์เมื่อมองประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ที่เดินทางมาเคารพศพ
งานศพผ่านไปอย่างเรียบร้อย
ตำรวจไม่สามารถหาหลักฐานเพิ่มเติมจึงปิดคดีว่าเป็นเพียงอุบัติเหตุที่ต้องตามหาตัวคนขับสิบล้อมาลงโทษตามอาญาเท่านั้น แต่หนึ่งเดือนหลังจากนั้น
สำนักข่าวทั้งไทยและเทศก็ได้ข่าวใหญ่ที่ดังไปทั่วโลก
‘มาเฟียเถื่อนยกพวกถล่มเจ้าสัวดังดับอนาจกลางกรุง’
เนื้อข่าว... นายศักดาโชค รุ่งเรื่องวัฒนาพานิชย์
หรือเสี่ยเม้ง เจ้าพ่อเมืองชลบุรี ยกพวกพาสนุนกว่ายี่สิบชีวิต
มาถล่มคฤหาสน์เจ้าสัวสัญชัย โชติช่วงทวีทรัพย์
ประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของไทย
เนื่องจากขัดผลประโยชน์ในการประมูลโครงการใหญ่ของรัฐบาล
เหตุการณ์นี้เหมือนกับเป็นการล้างแค้นกันธรรมดา
แต่ที่ไม่ธรรมดาคือ ทั้งสองฝ่ายไม่มีใครรอดเลยสักคน
บางคนยังกระเสือกกระสนไปตายห่างจากที่เกิดเหตุหลายสิบเมตร
คล้ายกับว่ามีอีกพวกรอเก็บกวาดทุกอย่างให้เรียบร้อย
ตอนแรกที่ได้รับข่าวท่านก็ไม่คิดว่าหลานสาวจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้
แต่ตำรวจเจ้าของคดีที่สนิทกับท่านเป็นพิเศษได้รายงานมาว่า
พบผู้ตายบางคนเสียชีวิตด้วยอาวุธพิเศษ อาวุธที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ทั้งๆที่ตำรวจท่านนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธระดับโลก
และด้วยความบังเอิญที่ท่านอยากจะไปเห็นเกาะที่หลานสาวซื้อไว้ จึงสั่งให้เจ้าตัวพาไป
และที่นั่น ท่านได้พบอาวุธที่กำลังพัฒนาโดย กลุ่ม ‘TK’ ซึ่งมันคืออาวุธของพวกที่ตามเก็บ…คนที่พยายามหนีตายในเหตุการณ์ ‘มาเฟียถล่มเจ้าสัว’จนไม่มีใครรอดสักคนนั่นเอง
“ตะวัน รู้ข่าวเรื่อง
มาเฟียยกพวกถล่มเจ้าสัวดังไหม?”ท่านนายพล สอบถามหลานสาว
“ทราบค่ะ”คำตอบรับง่ายๆไม่ใส่ใจ
“แล้วตะวัน มีส่วนกับเรื่องนี้ไหม?”ท่านถามตรงๆ
หลานสาวอมยิ้มก่อนจะถามกลับตาพราว “ด้านไหนคะ?”
“ทุกด้าน”ท่านนายพลเริ่มสังหรณ์ใจว่าเรื่องนี้
หลานสาวอาจจะมีเอี่ยวด้วย
“อืม..จะว่ามีก็มี
หรือจะว่าไม่มีก็ได้”หลานสาวเริ่มเล่นลิ้น
“ยังไง ? อธิบายให้ละเอียด”ท่านดุ ถ้าเป็นคนอื่นคงกลัวจนตัวสั่นงันงก
แต่เจ้าตัวร้ายกลับยิ้มร่า “ตะวันก็แค่ช่วยส่งข่าวให้
....ก็แค่นั้น ”ก็แค่..เสี้ยมเขาควายให้ชนกัน
ท่านนายพลหรี่ตาลง “แล้วเรื่องตามเก็บพวกที่เหลือล่ะ?”
หลานสาวเลิกคิ้ว “ตะวันไม่เห็น” ไม่ใช่ ‘ไม่รู้’‘ไม่เห็น’คือ
ไม่เห็นกับตา ก็วันนั้นไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ
“แต่มีบางคนถูกเก็บด้วยอาวุธประหลาด..และลุงก็เจออาวุธนั่น..ที่นี่”พล.อ.อานนท์จ้องจับผิดเจ้าตัวร้าย
“อืม..ตะวันยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้”เธอใช้สำนวนนักการเมืองเวลาเลี่ยงที่จะตอบคำถามของสื่อมวลชน
ท่านนายพลถอนหายใจยาว “ตะวัน
ทำไมหนูไม่ให้ขบวนการยติธรรมเข้าจัดการล่ะ?” ไม่อยากให้หลานสาวทำให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย ถึงแม้บางที ‘ขบวนการยติธรรมเข้าจัดการ’อาจจะใช้เวลานานหลายปี…หรือบางทีก็..อาจจะช่วยอะไรไม่ได้เลยก็ตาม
แต่ถ้าคนไม่เคารพกฎหมายความวุ่นวายย่อมตามมาอย่างแน่นอน
“ขบวนการยุติธรรมที่ไส้เดือนพวกนี้ชอนไชจนพรุนไปหมดน่ะเหรอคะ
แล้วคุณลุงมั่นใจแค่ไหนว่าขบวนการยุติธรรมจะจัดการพวกนี้ได้?”เด็กสาวยิ้มหยัน ‘ตาชั่งแห่งความเป็นธรรมมักโน้มเอียงไปทางฝ่ายที่มีอำนาจมากกว่าเสมอ
ตามกฎแรงโน้มถ่วงของโลก’ แล้วจะเก็บพวก‘ตัวถ่วง’นี้ไว้ ‘หนักโลก’ทำไม บางทีพวกนี้หายไป โลกอาจจะมีความยุติธรรมมากขึ้นก็ได้
พล.อ.อานนท์
นิ่งงันไม่สามารถตอบคำถามของหลานสาวได้
ด้วยรู้ดีว่าเจ้าสัวใหญ่เป็นนายทุนหนุนหลังให้หลายคนในรัฐบาลชุดนี้อยู่
และด้วยความที่คร่ำหวอดในวงการนี้มานาน ทำให้ท่านรู้ดีว่า ‘ความยุติธรรมกับอำนาจ
มักเดินไปด้วยกันเสมอ’
เรื่องนี้จบลงโดยที่ท่านทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
ด้วยเห็นว่า แม้อาทิตยาจะไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยว
ทั้งสองฝ่ายก็มีเรื่องที่จะต้องสะสางกันอยู่แล้ว
หลานสาวของท่านเพียงแค่เป็นตัวเร่งให้ทั้งสองฝ่ายห้ำหั่นกันเร็วขึ้นเท่านั้น
*******************
หลังจากเหตุการณ์นั้นเพียงแค่อาทิตย์เดียว
อาทิตยาก็เทคโอเวอร์ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ของเจ้าสัวสัญชัย
และเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็น ‘ทีเค กรุ๊ป’ แล้วใช้คนของตนทั้งหมดเข้าบริหาร ด้วยความพรั่งพร้อมทั้งเงินทุนและบุคลากรที่เปี่ยมประสิทธิภาพ
และยังเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง ทำให้ ทีเค กรุ๊ป เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทั้งยังขยายธุรกิจจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สู่ธุรกิจกิจอื่นๆ ทั้งการเงิน
การท่องเที่ยว และการสื่อสาร ด้วยเวลาเพียงแค่ไม่กี่ปี
จากบริษัทระดับประเทศก็ก้าวขึ้นทำเนียบบริษัทชั้นนำระดับโลก บริษัทที่นักลงทุนต่างจับตามองทุกกระดานหุ้น
และ ณ ตอนนี้ ทีเค กรุ๊ป
มีสาขาย่อยอยู่ในประเทศต่างๆมากกว่าร้อยแห่งทั่วโลก
เมื่อหลานสาวเพียงคนเดียวกลับมาอยู่ที่เมืองไทย
คุณหญิงภารดี สิงหนฤนาท ก็อยากจะพาหลานสาวคนสวยไปเปิดตัวให้สังคมไฮโซได้รู้จัก
แต่อาทิตยาก็พยายามเลี่ยงมาตลอดโดยอ้างว่างานยุ่ง
คุณหญิงภารดีจึงใช้วิธีใหม่โดยมองหาชายหนุ่มที่ท่านเห็นว่า ‘คู่ควร’กับหลานสาวของตน
และทำตัวเป็นแม่สื่อหาทางชักนำหนุ่มสาวให้ได้รู้จักกัน
“ตะวัน วันอาทิตย์นี้ว่างไหมจ๊ะ?”
คุณหญิงถามหลานสาวที่กำลังนั่งเพ่งโน๊ตบุ๊คบนโต๊ะทำงาน
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันจนเป็นปม
“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณป้า?”หลานสาวเงยหน้าขึ้นถาม
“คือ...ป้ามีคนอยากแนะนำให้หนูรู้จัก”คุณหญิงภารดียิ้มตาพราว
“ใครคะ?”
“ลูกชายท่านพล.อ.ศิระ น่ะลูก เพิ่งจบด็อกเตอร์มาจากอเมริกา
นิสัยดีมาก”รู้สึกว่าคุณหญิงจะปลื้มบุคคลทีท่านเอ่ยถึงไม่น้อย
คิ้วเรียวของหลานสาวขมวดเข้าหากันยิ่งขึ้น
ดวงตาเรียวดุหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนริมฝีปากบางจะยกยิ้ม
แววตาเจ้าเล่ห์เป็นประกายวูบหนึ่ง
“ค่ะ ตะวันจะทำความรู้จัก”
เมื่อเห็นหลานสาวตกปากรับคำง่ายดายเกินคาด
ทำให้ป้าสะใภ้ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ก่อนจะกระวีกระวาดแจ้งข่าวกับแม่สื่อของอีกฝ่ายเพื่อให้จัดเตรียมสถานที่ไว้ให้พร้อม
โดยที่ท่านไม่รู้เลยว่า ‘หายนะ’กำลังจะไปเยือนด็อกเตอร์หนุ่มในไม่ช้า
เช้าวันต่อมา หนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับก็พาดหัวข่าว
‘ซัดกันนัวกลางผับดัง
ดอกเตอร์หนุ่มลูกชายนายทหารใหญ่ เมาแล้วซ่าส์ ลวนลามสาว จนโดนซัดน่วม’
“ต๊าย! ก็ไหนว่านิสัยดีนักดีหนาไง
ทำไมทำงามหน้าอย่างนี้ล่ะ”คุณหญิงภารดีเต้นผางเมื่อได้อ่านข่าว
‘ด็อกเตอร์หนุ่ม’ที่ตนหมายมาดว่าจะพาแนะนำมาให้หลานสาวเพียงคนเดียวได้รู้จัก
“ดีนะ
ที่ได้รู้จักตัวตนจริงๆเสียก่อน ถ้ารู้ทีหลังคงอกแตกตายแน่”คุณหญิงถอนใจอย่างโล่งอก
ก่อนจะหันไปปลอบหลานสาว
“ตะวัน…อย่าเสียใจนะลูก
คนดีๆยังมีอีกเยอะ”
“ค่ะ”หลานสาวตอบรับพร้อมกับก้มหน้าซ่อนรอยยิ้ม...จะเสียใจไปทำไม
ก็เรื่องทั้งหมด ล้วนเกิดจากฝีมือของตัวเองทั้งนั้น
พล.อ. อานนท์ หรี่ตามองหลานสาวตัวร้าย
สังหรณ์ใจว่าเรื่องนี้หลานสาวต้องมีส่วนรู้เห็นด้วยอย่างแน่นนอน แต่ท่านก็ไม่สามารถทำลายภาพ ‘นางฟ้า แสนสวย แสนดี’ของหลานสาวที่ฝังอยู่ในหัวของทุกคนในครอบครัวได้…‘แสนสวย’…น่ะใช่
แต่‘แสนดี’…จากวีรกรรมที่ท่านรู้มาน่าจะเป็น
‘แสนร้าย’มากกว่า
หลังจากนั้นเมื่อคุณหญิงภารดี ปรารภถึงชายหนุ่มที่
‘คู่ควร’เมื่อใด ชายหนุ่มเหล่านั้นก็จะต้องมีอันเป็นไปต่างๆนานาทุกครั้ง
จนพล.อ.อานนท์ ต้องขอร้องแกมบังคับภรรยา ให้หยุดสรรหาคน‘คู่ควร’กับหลานสาวของตนเสียที ก่อนที่ชายหนุ่มลูกผู้ดีมีตระกูลจะเดือดร้อนไปมากกว่านี้
....
และท่านนายพลก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
เมื่อหลานสาวตัวร้ายตัดสินใจไปก่อตั้งอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ของตนขึ้นบนเกาะที่ซื้อไว้
ทำให้จำนวน ‘คนโชคร้าย’
ไม่เพิ่มขึ้นหลังจากนั้น
‘กุหลาบงาม ย่อมหนามหนา
ใครหาญกล้า มาเด็ดดม
ระวังหนาม กุหลาบคม
จะทิ่มตำ ให้ช้ำทรวง
พล.อ.อานนท์ ถอนหายใจยาว เมื่อนึกถึงวีรกรรมของหลานสาว...และตอนนี้หลานสาวตัวร้ายออกจากเกาะอีกครั้ง แล้วจำนวน‘คนโชคร้าย’ในครั้งนี้จะมีมากมายแค่ไหนนะ?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น