ตอนที่ 13 ถึงเวลา.. กามาพิโรธ
อิลฮาม กลับมาถึงคฤหาสน์ของชีคอัลลามในเช้าวันต่อมา
ทันทีที่ก้าวเข้าไปในคฤหาสน์ก็ได้ยินเสียงตวาดดังลั่นของชีคอัลลาม
“ไอ้พวกไม่มีสมอง คนมีเป็นร้อย
แต่ดันปล่อยให้ไอ้นาซมันมาเหยียบจมูกถึงคฤหาสน์
พวกแกไม่น่าจะเหลือหัวไว้ทำงานพลาดอีกนะ”
อิลฮามถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะก้าวเข้าไปคลี่คลายสถานการณ์ก่อนที่บอดีการ์ดทั้งหมดที่อยู่ในนั้นจะกลายเป็นคนไม่มีหัวไปซะก่อน
“ท่านชีคครับ ผมมีข่าวจะรายงาน”อิลฮามเอ่ยขัดขึ้น ทำให้บอดีการ์ดที่ก้มหน้านิ่งต่างถอนหายใจอย่างโล่งอก
เมื่อรู้ว่ามีคนมาช่วยชีวิตของตนแล้ว
“เจ้าหายหัวไปไหนมา รู้ไหมว่าไอ้นาซมันทำข้าแสบขนาดไหน?”ชีคอัลลามตะคอก พลางสบถอย่างเคียดแค้น
“ผมได้ข่าวว่าชีคนาซถูกยิง”อิลฮามไม่สนใจต่อถ้อยคำหยาบคายที่ถูกพ่นออกมา
“อะไรนะ!”ชีคอัลลามอุทาน
ตาเป็นประกายกับข่าวใหม่ที่ได้รับ
“ใครยิงมัน?”เขาถามอย่างตื่นเต้น
“พวกกองโจร”..ของท่าน
อิลฮามบอกต่อในใจ
“ฮ่าๆๆๆ ดี ดีมาก
ข้าจะตกรางวัลให้พวกมันอย่างงาม”ชีคอัลลามบอกอย่างใจปล้ำ
“คงไม่ต้องแล้วล่ะ เพราะพวกมันถูกเก็บเรียบแล้ว”อิลฮามบอก
“และที่สำคัญ ศพของพวกมันยังเป็นพยานว่าท่านลอบทำร้ายชีคนาซ”อิลฮามรายงานต่อ
“อะไรนะ!”ชีคอัลลามอุทานอย่างตกใจ
“ตอนนี้ที่เมืองดูรฮาลกำลังวุ่นวาย
เพราะชีคมาวาฮิปยื่นประท้วง ทางราชสำนักก็กำลังเคร่งเครียด
ผมว่าท่านชีคกลับดูรฮาลก่อนดีกว่านะครับ”อิลฮามแนะ
ชีคอัลลามสบถอย่างหงุดหงิด
ทั้งๆที่ได้รับข่าวดีที่ศัตรูตัวฉกาจถูกยิง
แต่กลับต้องมาหัวเสียเพราะศพไม่มีญาติพวกนั้นอีก
“ก็ได้ อาบน้ำเสร็จข้าจะกลับไป ไปเรียกเด็กๆมาให้หมด”
ไหนๆก็จะไปแล้ว
ถือโอกาสหาความสุขกับสาวๆที่เขาอุตส่าห์เก็บสะสมไว้ให้เต็มที่สักหน่อย
นึกแล้วน่าเสียดาย ถ้าเขาได้ไอ้ตัวเล็กนั้นไว้ด้วย
ความบันเทิงของเขาคงจะเพิ่มขึ้นอีกมากโข โดยไม่รู้เลยว่าหายนะได้มาเยือนตนแล้ว
ชีคอัลลามเปลื้องชุดออก
ก่อนจะลงลอยคอกลางสระน้ำขนาดใหญ่ในคฤหาสน์มองดูสาวๆที่ทยอยเปลื้องผ้าลงสู่สระน้ำอย่างสำราญใจ
ร่างใหญ่โตที่อุดมไปด้วยไขมันสั่นระริกเมื่อความกำหนัดเริ่มตื่นตัว
“อ๊าก!!!”
แต่จู่ๆร่างใหญ่ในสระก็ร้องโหยหวนพลางดิ้นพล่านจนน้ำในสระกระเพื่อมเป็นระลอกคลื่น
สาวๆต่างกรีดร้องอย่างตกใจ พลางตะเกียกตะกายหนีขึ้นจากสระอย่างชุลมุน
พวกบอดีการ์ดรีบกระโจนลงสระเพื่อไปลากร่างผู้เป็นนายขึ้นจากสระ แต่ก็ทุลักทุเลยิ่ง
เพราะร่างอ้วนฉุดิ้นพล่านด้วยความทรมานคล้ายมีเปลวไฟเผาไหม้ จนร้อนไปหมดทั้งตัว
‘กามาพิโรธ’ยาสูตรพิเศษ ที่มีไว้ ‘ปราบ’พวก
‘บ้ากาม’โดยเฉพาะ
ยาตัวนี้จะทำปฏิกิริยากับสารไนตริกอ๊อกไซด์ที่หลั่งออกมาขณะเกิดอารมณ์พิศวาส
ซึ่งจะทำให้อุณหภูมิภายในร่างกายเพิ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
จนทำให้คนที่กินยานี้เข้าไปรู้สึกเร่าร้อนทุรนทุรายเหมือนโดนไฟเผาผลาญ
อาการจะทุเลาลงก็ต่อเมื่อสารไนตริกอ๊อกไซด์ลดลง
นั่นหมายความว่าเมื่อไรที่มีอารมณ์พิศวาส
เมื่อนั้นก็จะร้อนรนทุรนทุรายจนไม่สามารถปฏิบัติกิจกามได้ ..แล้วพวกบ้ากาม..แต่ไม่สามารถทำประกอบกิจกามได้ จะทรมานสักแค่ไหน?
กามาดุจเพลิงกาญจน์ จะเผาผลาญให้วอดวาย
ตัณหา ราคะร้าย
ดุจเปลวไฟ ไหม้สุมทรวง
เหล่าบอดีการ์ดต่างไม่รู้ว่าจะช่วยผู้เป็นนายอย่างไรดี
และที่สำคัญหมอก็ไม่อยู่ที่คฤหาสน์แล้ว พวกเขาทำได้ก็แค่รีบไปตามหมอที่อยู่โรงพยาบาลประจำเมืองดาเรน
แต่คงอีกนานกว่าหมอจะมาถึง
ชีคอัลลามดิ้นทุรนทุรายอยู่ครู่ใหญ่กว่าความร้อนจะลดลง
ชีคร่างยักษ์ตัวสั่นระริกรู้สึกขยาดต่อความทรมานที่เกิดขึ้นไม่คลาย
เขาสั่งให้บอดีการ์ดเตรียมตัวออกเดินทางไปเมืองดูรฮาลให้เร็วที่สุด ด้วยเกรงว่าถ้าเกิดอาการแบบนี้ขึ้นอีก
แล้วตามหมอมารักษาไม่ได้ทัน ชีวิตตนอาจจะตกอยู่ในอันตรายได้
ชีคนาซลืมตาขึ้นอีกครั้ง “ตัวเล็กล่ะ?”
เป็นคำถามติดปากที่จะได้ยินเหมือนทุกครั้ง
จนพยาบาลที่เฝ้าไข้แอบอมยิ้ม
“กลับเมืองไทยไปแล้วค่ะ” พยาบาลสาวตอบ
‘กลับเมืองไทยไปแล้ว’ชีคนาซถอนหายใจ
เขารู้ดี แต่เพราะความเคยชินที่มีมันอยู่ใกล้ๆจนเผลอถามออกไป..ทำไมเขาถึงเคยชินกับมันอย่างรวดเร็วขนาดนี้
ทั้งๆที่มันอยู่ที่นี่เพียงแค่ไม่กี่วัน
ทำไมเขาถึงรู้สึกว่ามันอยู่กับเขามานานแสนนาน
จนเหมือนบางสิ่งที่ขาดหายเมื่อไม่มีมันอยู่ใกล้ๆ
ชีคนาซกดโทรศัพท์ถึงท่านที่ปรึกษา “อารบี
ได้เรื่องเจ้าตัวเล็กหรือยัง?”
“เอ่อ..ยังเลยครับ ทีเคกรุ๊ป
มีระบบรักษาข้อมูลดีเยี่ยมจนหาทางเจาะเข้าไปไม่ได้เลย
ส่วนเจ้าตัวเล็กเข้าไปในตึกสำนักงานใหญ่ก็ไม่ได้ออกไปไหนอีกเลย”อารบีรายงานอึกอัก
เพราะเป็นครั้งแรกที่เขาเจาะข่าวหาข้อมูลของอีกฝ่ายได้ยากขนาดนี้
“ทำไมไม่สืบจากเด็กสาวที่ถูกพาตัวมาล่ะ?”ชีคนาซแนะ
ขมวดคิ้วหงุดหงิดใจ เพราะอารบีไม่เคยทำงานช้ามาก่อน
“ครับ”อีกฝ่ายรับคำ
ชีคนาซกดวางสาย พลางครุ่นคิด
ทำไมทีเคกรุ๊ปจึงมีระบบป้องกันข้อมูลที่ยอดเยี่ยมขนาดที่คนของเขายังไม่สามารถเจาะเข้าไปได้
เขารู้จักทีเคกรุ๊ปแค่เพียงผิวเผินว่าเป็นบริษัทน้องใหม่ที่เติบโตจนเป็นที่จับตามองของพวกนักลงทุน
แต่เนื่องจากไม่ใช่คู่แข่งทางธุรกิจทำให้เขาไม่ได้สนใจมากนัก…สงสัยเขาคงต้องกลับไปดูข้อมูลใหม่ซะแล้ว
อากรของชีคนาซดีขึ้นอย่างรวดเร็วจนแพทย์ทั้งโรงพยาบาลต่างแปลกใจ
เพียงแค่สามวัน แผลก็หายเกือบเป็นปกติ ยาสูตรพิเศษของมันวิเศษสมราคาคุยจริงๆ
ชีคนาซกลับไปพักฟื้นต่อที่คฤหาสน์บาฮจา
อารบีก็เข้ามารายงานความคืบหน้าที่สืบมาได้
“นี่ครับ รูปของคนที่ชีคอัลลามลักพาตัวมา”อารบียื่นรูปของปาริฉัตต์ให้ชีคนาซ
ชีคนาซรับรูปนั้นมาพิจารณา หญิงสาวในรูปดูน่ารักเหมือนตุ๊กตา
มิน่าล่ะชีคอัลลามถึงได้ลักพาตัวมาด้วย
“และนี่ คือรูปพี่สาวคนเดียวของคุณปาริฉัตต์”อารบียื่นรูปอีกใบให้
ชีคนาซชะงัก ‘พี่สาว’ เขารับรูปนั้นมามองอย่างพิจารณา
หญิงสาวในรูปก็ดูหน้ารักไม่แพ้กัน แต่ไม่ว่าจะดูมุมไหนก็ไม่มีทางเป็น ‘ไอ้ตัวร้าย’ไปได้
“แล้วพี่ชายล่ะ?”ชีคาซถามยังคงเพ่งพินิจรูปในมือ
“ไม่มีครับ”อารบีตอบ
“ไม่มี?”ชีคนาซเลิกคิ้ว
“ครับ ครอบครัวนี้มีแค่ลูกสาวสองคน คนโตเป็นครู ส่วนคนเล็กทำงานที่ทีเคกรุ๊ป”อารบีรายงานต่อ
‘น้องสาวผม’ ไอ้ตัวร้ายบอกเขาอย่างนั้น
แต่อารบีรายงาน ‘มีลูกสาวสองคน’และทั้งสองสาวนี้ดูยังไงก็ไม่มีทางเป็นไอ้ตัวร้ายของเขาไปได้
หรือว่ามันจะเป็นคนรักของคนที่เป็นพี่ มันคงถือว่า
น้องสาวของคนรักก็เหมือนน้องสาวของตัวเอง
เขาวางรูปในมือลงบนโต๊ะข้างเตียงอย่างหงุดหงิด
ที่มันทำทุกอย่างก็เพื่อผู้หญิงคนนี้ใช่ไหม
ก๊อก ๆ ๆ
“คุณแฮริค มาเยี่ยมครับผม”บอดีการ์ดเข้ามารายงาน
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่สไตล์ชาวยุโรปก้าวตามเข้ามาในห้องโดยไม่รอให้บอดีการ์ดรายงานจบ
ผมสีน้ำตาลทองเป็นประกายระยิบระยับ ดวงตาสีฟ้าสดใส ริมฝีปากหยักยิ้มละไม ‘แฮริค ฮานาส รัสเชนยาส’ ทายาทผู้ครองรัฐสวากาเซียร์
รัฐเล็กๆที่อยู่ท่ามกลางภูเขาสูงชัน แหล่งอัญมณีของโลก และเขายังเป็นเพลย์บอยชื่อก้องโลกที่เพิ่งมีข่าวสลัดดาราฮอลีวูดทิ้งเพื่อไปควงนางแบบสาวชุดชั้นในคนล่าสุด
“เป็นไงไอ้เสือ
ได้ข่าวว่าโดนตะปบรึ”ผู้มาใหม่ทักทายอย่างคนคุ้นเคย
“ยังไม่ตายหรอก”ชีคนาซตอบเพื่อนสนิท
“ฮ่าๆๆ ฉันว่างั้นแหละ จิ้งจอกทะเลทรายอย่างนาย
ตายง่ายๆก็เสียชื่อหมดสิ”แฮริคก้าวเข้ามานั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงคนเจ็บ
“สวัสดีครับ ท่านอารบียังดูหนุ่มแน่นเหมือนเคยนะครับ”แขกทักทายชายชราอย่างคุ้นเคย
“สวัสดีครับ ท่านลอร์ดเองก็ยังดูสง่างามเหมือนเคยนะครับ”ชายชราสัพยอกกลับ
“เชิญตามสบายนะขอรับ ผมขอตัวก่อน”อารบีขอตัว ปล่อยให้เพื่อนสนิทได้สนทนากันตามลำพัง
“เชิญครับ”แฮริค ลุกขึ้นยืนส่ง ก่อนจะนั่งลงตามเดิม
“เป็นไงมาไงถึงวิ่งไปรับลูกปืนได้วะ?”
แฮริคซักเพื่อนอย่างแปลกใจ ทั้งๆที่อีกฝ่ายไม่เคยพลาดมาก่อน
“ปะทะกับกองโจรทะเลทรายน่ะ”ชีคนาซ เล่า
“แต่ฉันได้ข่าวว่านายวิ่งไปรับลูกกระสุนแทนคนอื่นนะ”แฮริคเอ่ยขัดพร้อมรอยยิ้ม
เพราะความคุ้นเคยกันมานานทำให้มีการแลกเปลี่ยนบอดีการ์ดกันและกันเพื่อเชื่อมสัมพันธ์และพัฒนาฝีมือบอดีการ์ดไปในตัว
และบอดีการ์ดเหล่านั้นยังเป็นแหล่งข่าวภายในที่ทำให้ทั้งคู่รู้วีรกรรมของอีกฝ่ายโดยไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลาด้วย…ตอนที่ได้รับข่าวว่าเพื่อนถูกยิง
เขาตกใจไม่น้อย
และยังมีข่าวตามมาว่าเพื่อนตนใช้ร่างบังกระสุนให้หนุ่มน้อยรูปงามทำให้เขาประหลาดใจยิ่ง
เขาจึงรีบเคลียร์งานและบินมาเยี่ยมเพื่อนให้เร็วที่สุด..ส่วนหนึ่งเพราะอยากดูอาการของเพื่อนรักให้เห็นกับตา
และอีกส่วนหนึ่งเขาอยากจะเห็น ‘หนุ่มน้อยรูปงาม’คนนั้น
“อยู่ที่ไหนแล้วล่ะ?”ชีคอัลลามถามหาคนที่เพื่อนรักรับกระสุนแทน
“กลับประเทศไปแล้ว”ชีคนาซตอบพลางทำหน้าบึ้งที่เพื่อนชักรู้มากเกินไปแล้ว
แฮริค อมยิ้มแต่ไม่กระเซ้าเพื่อนต่อ แล้วเขาก็หันไปเห็นรูปที่วางอย่างบนโต๊ะข้างเตียง
เขาจึงหยิบขึ้นมาดูแล้วต้องชะงัก
“รูปใคร?”แฮริคมองหญิงสาวในรูปอย่างพินิจ
“ผู้หญิงที่อัลลามฉุดมา”ชีคนาซตอบ
“แล้วอีกคนล่ะ?”คนเป็นแขกถามต่ออย่างสนใจ
“พี่สาว”ชีคนาซบอก
“อืม…น่ารักดีนะ..แล้วตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?”แฮริคถามอย่างสนใจ ตามประสาเพลย์บอยระดับโลกที่อยากจะรู้จักสาวสวยทุกคน
“ใคร? พี่หรือน้อง?”ชีคนาซถาม พลางหรี่ตามองเพื่อนอย่างรู้ทัน
“ก็ทั้งคู่”คนถามยิ้มกรุ้มกริ่ม
“น้องสาวหนีหายไปกลายทะเลทราย กำลังตามหาตัวอยู่
ส่วนคนพี่อยู่ที่ประเทศไทย”ชีคนาซบอก
แฮริคขมวดคิ้วครุ่นคิด “ประเทศไทยรึ? อยู่มุมไหนของโลก?”
“เอเชีย อยู่ระหว่างกัมบูเดียร์กับเมียนมาร์
ชีคนาซบอก ความจริงเขาก็ไม่เคยรู้จักประเทศนี้หรอก
จนได้เจอกับเจ้าตัวเล็กนั่นแหละเขาจึงหาข้อมูลมาอ่านเผื่อจะได้รู้ว่าคนไทยชอบอะไร
หรือมีแนวคิดแบบไหน เผื่อเขาจะเอาใจใครบางคนได้ถูก
“อืม…”
แฮริคพยายามนึกภาพแผนที่โลกเพื่อจะจินตนาการว่า
ประเทศไทยที่ว่านั้นควรอยู่ที่ไหน.. สงสัยว่าเขาคงจะต้องไปหาข้อมูลดูซะหน่อยแล้วเผื่อว่าเขาอาจจะต้องไป..ประเทศไทยเร็วๆนี้
“นายอยากให้ฉันช่วยออกตามหาเด็กสาวคนนี้ไหม?”แขกเสนอตัวเข้าช่วยอย่างใจดี
ชีคนาซหรี่ตาลง
เพื่อนของเขาไม่มีทางที่จะทำอะไรโดยไม่หวังผลอย่างแน่นอน..และผลตอบแทนที่ว่านั้นคงจะเป็นคนในรูปที่อยู่ในมือไม่ยอมวางนั่นเอง
“อย่าเลย เขามีคนช่วยอยู่แล้ว”ชีคนาซบอก ด้วยรู้ดี ‘ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ
“ใครวะ?”แววตาของคนถามฉายแววอันตราย….
“ก็ไอ้คนที่ฉันรับกระสุนแทนนี่ไง”ชีคนาซบอกอย่างหงุดหงิด
แฮริคหรี่ตาลงอย่างครุ่นคิด
จากคำบอกเล่าของบอดีการ์ดที่อยู่ในกองกำลังของชีคนาซ ‘เด็กหนุ่มหน้าสวย ตาดุ ขี้โมโห
แม้แต่ชีคนาซก็ยังไม่กลัว’ เขายิ้ม..ก็แค่เด็กวัยรุ่นอารมณ์ร้อน
จะมาสู้คนที่ผ่านโลกมาโชกโชนอย่างเขาได้อย่างไร
“ก็แค่เด็ก แต่นายคงไม่ว่าฉันรังแกเด็กของนายหรอกนะ”แฮริคสัพยอก
ชีคนาซยิ้มเยาะ เดี๋ยวก็รู้ฤทธิ์ ‘เด็ก’ว่าขนาดไหน “ตามใจ
ถ้าคิดว่าจะจัดการได้”
ขอโทษนะไอ้ตัวเล็ก…อย่าหาว่าข้าใช้วิธีสกปรกเลยนะ..แต่เด็กอ่อนหัดเรื่องความรักอย่างเจ้า
จะมาสู้เสือผู้หญิงระดับโลกอย่างแฮริคได้อย่างไร
‘ไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็ต้องเอาด้วยกล
ไม่ได้ด้วยมนต์ ก็ต้องเอาด้วยคาถา’
นั่นคือคติประจำใจของทั้งเขาและเพื่อนรัก..และไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใดเขาจะต้องเอาไอ้ตัวร้ายมาอยู่ข้างกายให้จงได้
แล้วทั้งคู่ก็สนทนาเรื่องสัพเพเหระตามประสาเพื่อนสนิทอยู่นาน
จนได้เวลารับประทานอาหารเย็น
แฮริคจึงออกไปร่วมรับประทานอาหารกับชีคมาวาฮิปและท่านหญิงราเนีย ปล่อยให้ให้เพื่อนรักกินยาและพักผ่อนฟื้นกำลัง
แทนไทเดินวนเวียนอยู่ในห้องพักสุดหรูชั้นบนสุดของตึกสำนักงานใหญ่ของทีเคกรุ๊ปอย่างหงุดหงิด
ทันทีที่กลับจากดรูไรดารานมาถึงประเทศไทย
คนของทีเคทั้งหมดก็ตรงมาที่ตึกแห่งนี้
ทำให้เขาจำเป็นต้องพักอยู่ที่นี่ด้วยเพราะคำสั่ง ‘เฝ้าไว้ไม่ให้คลาดสายตา’ ทันทีที่ถึงชั้นบนสุดของอาคาร
อาทิตยาก็เรียกประชุมผู้บริหารในทันที
ส่วนแทนไทก็ได้แต่เดินวนเวียนดูความหรูหราของห้องต่างๆที่ตกแต่งไว้อย่างงดงาม ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเข้าพักห้องสวีทสุดหรูมาก่อนแต่เพราะหลายปีมานี่เขาไปประจำอยู่ที่ชายแดนทำให้คุ้นเคยกับความทุรกันดารมากกว่า
วันแรกเขาก็ตื่นตาตื่นใจดีอยู่หรอก
เพราะน้องสาวของเขามีประชุมทั้งวัน คณะผู้บริหารกลุ่มนั้นออก
ก็มีกลุ่มอื่นสลับหมุนเวียนกันเข้าไปแทนไม่ได้ขาด
จนเขาไม่แน่ใจว่าน้องสาวของเขาเอาแรงจากไหนมานั่งทำงานแบบนี้ได้ทั้งวัน
ส่วนเขาก็ฆ่าเวลาโดยการเข้าไปเล่นเครื่องออกกำลังในห้องฟิตเนตที่ทันสมัย
ที่คาดว่าไม่น่าจะถูกใช้งานสักเท่าไร
วันที่สองเขาใช้เวลาที่ว่างทั้งวันไปกับการดูหนังในโรงหนังขนาดเล็กแต่หรูหราที่มีไว้สำหรับผู้บริหารใช้ผ่อนคลายหลังเลิกงาน
แต่เขาไม่แน่ใจว่าผู้บริหารเหล่านั้นจะมีเวลาใช้มันหรือเปล่า
เพราะเขาเห็นแต่ละคนดูยุ่งวุ่นวายทั้งวัน ส่วนน้องสาวของเขา
ถ้าไม่เห็นหน้ากันตอนรับประทานอาหารเช้า เขาคงคิดว่าอีกฝ่ายแอบหนีหายไปแล้ว
เพราะขนาดเขาเข้านอนเกือบเที่ยงคืนอาทิตยายังไม่ออกจากห้องประชุมเลย
และวันนี้เป็นวันที่สามแล้ว ที่เขาต้องอยู่อย่างคนว่างงาน
เขาเพิ่งจะรู้ว่าการอยู่เฉยๆโดยไม่มีอะไรทำมันน่าเบื่อขนาดไหน
“พี่แทน เดินไปเดินมาทำไมคะ?”
อาทิตยาที่เพิ่งเก้าวออกจากห้องประชุมมาทันได้เห็นพี่ชายเดินวนเวียนเป็นเสือติดจั่นอยู่ในห้องนั่งเล่น
“พี่เบื่อ”พี่ชายบอกพร้อมกับทำหน้าให้รู้ว่า ‘เบื่อแค่ไหน’
“แล้วพี่แทนลาพักร้อนกี่วันคะ?”ถามถึงกำหนดการที่พี่ชายต้องตามประกบ
“เดือนนึง”พี่ชายทำหน้าหน่ายกับภารกิจที่ได้รับมอบหมาย
‘เดือนนึง’ฮึ …ฝากไว้ก่อนเถอะไผท หนีกลับไปได้เมื่อไหร่จะจับฝังไว้กลางทะเลทรายเลยคอยดู …คนตัวร้ายคิดอาฆาตคนที่กล้าหักหลังตน
“ทำไมพี่แทนไม่ลงไปเดินเล่นที่ชั้นล่างล่ะคะ?”น้องสาวถาม
เป็นคำถามที่น่าสนใจ แต่ ‘เฝ้าไว้ไม่ให้คลาดสายตา’ ภารกิจยังค้ำคอ
เหมือนอีกฝ่ายจะรู้
“ตะวันยังไปไหนหรอกน่า งานยังกองท่วมหัว
หรือพี่แทนจะเข้าไปประชุมด้วยกัน”น้องสาวแกล้งชวน คนเป็นพี่ส่ายหน้าทันใด
วันแรกที่มาถึงเขาก็เข้าไปนั่งเฝ้าในห้องประชุม
แต่ทุกคนที่เข้าร่วมประชุมต่างมองเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจ
และพวกนั้นก็คุยกันเหมือนกับใช้ภาษาของมนุษย์ต่างดาว เขาฟังออกแต่ไม่รู้เรื่อง
เขาทนฟังอยู่สองชั่วโมงก็ต้องยกธงขาวยอมแพ้
ก่อนจะเข้าฟิตเนตเล่นเครื่องออกกำลังกายทุกอย่างแก้เครียด ถ้าจะให้เขาเข้าไปร่วมประชุมอีกในวันนี้เขาคงจะต้องกลับคฤหาสน์ไปขอแลกเปลี่ยนภารกิจกับทัตเทพผู้เป็นพี่ชายแน่ๆ
“พี่จะลงไปเดินเล่นข้างล่าง”แทนไทตัดสินใจ มันน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในขณะนี้
อาทิตยาพยักหน้าให้บอดีการ์ดตามไป
เพราะแทนไทไม่มีคีย์การ์ดที่จะขึ้นมาชั้นบนนี้ได้
จากนั้นเธอก็เดินเข้าห้องพักของตนเพื่อหยิบเอกสาร
ก่อนจะกลับเข้าห้องประชุมอีกครั้ง
แทนไทเดินเล่นอยู่ชั้นล่างของอาคารที่มีร้านค้ามากมาย
เพื่อฆ่าเวลาและแล้วเขาต้องชะงัก
เมื่อเห็นด้านหลังของคนๆหนึ่งที่กำลังจะก้าวออกไปนอกอาคาร ขายาวๆออกวิ่งทันทีตามสัญชาตญาณ
“เดี๋ยว
ตะวันจะไปไหน?”เขาวิ่งไปคว้าแขนคนที่กำลังจะเดินไปขึ้นรถแท็กซี่
“อุ๊ย!”หญิงสาวหันหน้ากลับมาอย่างตกใจ
“เอ่อ..ขอโทษครับผมนึกว่าน้องสาวของผม”แทนไทเอ่ยขอโทษ
เมื่อหญิงสาวที่หันกลับมาไม่ใช่น้องสาวตนอย่างที่เข้าใจ
“ขอโทษจริงๆนะครับ”เขาขอโทษซ้ำอีกครั้งเมื่อหญิงสาวยังคงมีอาการตกใจ
“มะ ไม่เป็นไรค่ะ”หญิงสาวกล่าวก่อนจะเปิดประตูรถแท็กซี่และก้าวเข้าไปนั่ง
จากนั้นแท็กซี่ก็ขับออกไป
แทนไทเกาะศีรษะแก้เก้อ พลางนึกขันที่ตนจำคนผิดขนาดนั้น
เขาหมุนตัวเดินกลับพร้อมกับอมยิ้มขำตัวเอง เขาหมดอารมณ์ที่จะเดินเล่นจึงกลับขึ้นไปห้องพักชั้นบน
“ตะวัน
ประชุมเสร็จแล้วเหรอ?”แทนไทเอ่ยทักน้องสาวที่ก้าวเข้ามาในห้องนั่งเล่นขณะที่เขากำลังดูข่าวรอบห้าทุ่มครึ่ง
“ค่ะ แล้วพี่แทนยังไม่นอนอีกหรือคะ?”อาทิตยาถาม
พร้อมกับนั่งลงเก้าอี้ข้างๆ ตายังคงสนใจข้อมูลในโน๊ตบุ๊ค
“พี่นอนจนเบื่อแล้ว”พี่ชายบอกอย่างหงุดหงิด กินแล้วก็นอน
นอนตื่นก็กิน ช่างเป็นกิจวัตรที่น่าเบื่อที่สุด
ไม่รู้ว่าเขาจะทนอยู่อย่างนี้ได้สักกี่วัน
“เอ่อใช่
วันนี้พี่เจอคนที่เหมือนตะวันด้วยแหละ”พี่ชายบอกอย่างนึกได้
“เหมือนตะวัน?”อาทิตยาถามอย่างแปลกใจ
ยังมีคนที่เหมือนตนอีกหรือ
“ไม่ใช่หน้าตาหรอก แต่เป็นด้านหลังน่ะ จนพี่ทักผิด
หน้าแตกเลย”พี่ชายหัวเราะเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เขาเข้าไปทักคนผิด
“ที่ไหนคะ?”อาทิตยาเงยหน้าขึ้นถามอย่างสนใจ
“ชั้นล่างของตึกนี้แหละ”พี่ชายบอก
“กี่โมงคะ?”น้องสาวซักต่อ
พี่ชายขวดคิ้วนิ่งคิด “ประมาณบ่ายสามได้มั้ง”
อาทิตยาพยักหน้า ดวงตาเรียวเปล่งประกายขึ้นวูบหนึ่ง
ก่อนจะดับลงอย่างรวดเร็วก่อนที่พี่ชายจะมองเห็น
“พรุ่งนี้ตะวันว่าจะไปโรงพยาบาล”น้องสาวเปลี่ยนเรื่อง
“โรงพยาบาล? ไปทำไม?”พี่ชายซัก
“ว่าจะดูคนเจ็บสักหน่อย พี่แทนไปด้วยกันไหมคะ?”
น้องสาวชวน
หลังจากที่มาถึงเมืองไทยก็ส่งบอดีการ์ดที่บาดเจ็บรวมถึงเด็กสาวชาวอาหรับเข้าโรงพยาบาล
ส่วนตัวเองก็ประชุมวางแผนเอาคืนชีคอัลลามจนไม่มีเวลาไปดูอาการของคนเจ็บเลย
“ไปสิ”แทนไทรีบบอก เพราะเขาเบื่อห้องสี่เหลี่ยมสุดหรูนี้เต็มทีแล้ว
“งั้น หกโมงเช้าเจอกันนะคะ”น้องสาวบอก
เพราะไม่ชอบช่วงเวลาที่มีคนพลุกพล่าน ไปแต่เช้านั่นและดี รถไม่ค่อยติดด้วย
“อืม”พี่ชายพยักหน้ารับ น้องสาวจึงขอตัวเข้าห้องพัก
ทันทีที่กลับเข้าห้องของตัวเอง
อาทิตยากดโทรศัพท์สายตรงถึงบอดีการ์ดที่คอยติดตามแทนไทในวันนี้
“นายเห็นผู้หญิงที่พี่แทนทักผิดไหม?”คำถามตรงประเด็น
“ครับ”บอดีการ์ดตอบรับ
“ดี…สืบรายละเอียดมาให้เรา
และอย่าให้ใครรู้ล่ะ”ประโยคสุดท้ายหนักแน่น
“ครับ”บอดีการ์ดรับคำ
ราวเจ็ดนาฬิกา กลุ่มคนของทีเค ก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาลเอกชนชั้นหนึ่งของเมืองไทย
โรงพยาบาลดูสะอาดหรูหราและเงียบสงบสมกับเป็นโรงพยาบาลเอกชนชั้นหนึ่งที่มีอัตราค่าบริการแพงสมมาตรฐานระดับโลก
ทำให้ประชาชนคนธรรมดาแทบจะไม่มีสิทธิเข้ามาใช้บริการ
ดังนั้นคนไข้ของที่นี่ส่วนใหญ่จึงเป็นพวกเศรษฐีที่ต้องการบริการที่ดีเลิศเท่านั้น
ทันทีที่เห็นคนกลุ่มใหญ่เดินตรงมา พยาบาลสาวในชุดสีขาวสะอาดตาก็เดินออกมาต้อนรับ
ด้วยรอยยิ้มหวานสมตำแหน่งเจ้าหน้าที่ต้อนรับ
“คุณ!/คุณ!”แทนไทและพยาบาลสาวอุทานขึ้นพร้อมกันเมื่อจำหน้าอีกฝ่ายหนึ่งได้
“เมื่อวานผมต้องเขาโทษจริงๆนะครับ”ชายหนุ่มเอ่ยขอโทษอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรคะ”พยาบาลสาวยิ้มหวาน
อาทิตยาหรี่ตามอง นี่หรือผู้หญิงทีพี่ชายบอกว่าเหมือนตน
ใบหน้าของพยาบาลสาว สวยหวานใบหน้าเรียวได้รูป ถ้าดูเฉพาะหน้าตาไม่คล้ายกับตนเลย
แต่ถ้าดูรูปร่าง ทั้งส่วนสูงโครงร่างมีความใกล้เคียงกันมากทีเดียว
โดยเฉพาะผมยาวสลวยดำสนิทเป็นเงาวาวนั่น…ถ้าเห็นด้านหลังและไม่ใช่คนที่สนิทกันจริงๆก็ยากที่จะแยกออก
อาทิตยาหันไปสบตากับบอดีการ์ดที่เป็นที่ติดตามพี่ชายเมื่อวาน
พลางส่งสายตาเป็นคำถา ‘คนนี้ใช่ไหม?’
บอดีการ์ดพยักหน้ารับ …จุดไต้ตำตอจริงๆ
อาทิตยาส่งสายตา ‘ไปสืบประวัติเธอมาให้ละเอียด’บอดีการ์ดคำนับรับคำสั่ง
“เรามาเยี่ยมคนเจ็บของทีเคกรุ๊ปครับ”กันต์บอกจุดประสงค์ที่มาให้พยาบาลสาวทราบ
“เชิญค่ะ”เธอรีบเดินนำไปที่ลิฟท์
ทุกคนเดินตามเธอไป ยกเว้นบอดีการ์ดที่ได้รับคำสั่งพิเศษ
เขาบอกกับเพื่อนบอดีการ์ดด้วยกันว่าจะขอเฝ้าดูความเคลื่อนไหวชั้นล่าง
ไม่ตามขึ้นไปด้วย เพื่อนพยักหน้ารับรู้
เมื่อถึงห้องคนเจ็บ อาทิตยากับกันต์ก็เข้าไปพูดคุยกับเหล่าบอดีการ์ดที่ได้รับบาดเจ็บด้วยความห่วงใจจริงใจ
รวมทั้งเด็กสาวอาหรับที่นำมารักษาตัวที่เมืองไทยด้วย เมื่อสอบถามผ่านล่ามปรากฏว่าเด็กสาวยังหวาดกลัวมากจึงยังไม่ได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากนัก
คณะมาเยี่ยมคนเจ็บกลับออกจากโรงพยาบาล และทันทีที่ถึงตึกทีเคกรุ๊ป
อาทิตยาก็เรียกประชุมใหญ่อีกครั้ง แทนไทรู้สึกเบื่อมากถึงมากที่สุดเขาจึงเปลี่ยนชุดไปออกกำลังกาย
และถือโอกาสวิ่งวอร์มออกจากห้องพักเลย
แต่ทันทีที่เขาวิ่งเลี้ยวมุมห้องก็ต้องเบรคจนตัวโก่งที่เกือบจะชนกับร่างเล็กแบบบางที่หอบเอกสารพะรุงพะรังสวนทางมา
“อุ๊ย!”
อีกฝ่ายอุทานอย่างตกใจ
แฟ้มเอกสารหลายแฟ้มหล่นกระจายบนพื้นทั้งคู่จึงนั่งลงเพื่อเก็บมันพร้อมกัน และเมื่อชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นเพื่อยื่นแฟ้มเอกสารที่เก็บได้ไปให้อีกฝ่าย
เขาก็ต้องตกตะลึงนิ่งค้างกับภาพตรงหน้า หญิงสาวที่นั่งอยู่ไม่ห่างนั้นมีใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่
คิ้วโก่งเป็นธรรมชาติ แต่ที่สะดุดตาที่สุดก็คือดวงตากลมโตคู่นั้นมันช่างดูใสซื่อคล้ายดวงตาของเด็กทารกที่ยังไม่หย่านมมารดา
ทำให้คนที่พบเห็นรู้สึกอยากจะปกป้อง เพราะกลัวมารสังคมจะมาหลอกลวงเอาเธอตัวไปอย่างง่ายดาย
“ขอบคุณค่ะ”
หญิงสาวกล่าวขอบคุณเบาๆ ก่อนจะยื่นมือไปดึงแฟ้มเอกสารที่คนส่งให้นิ่งค้างอยู่ในท่าเดิม
เมื่อได้เอกสารครบแล้วเธอก็ลุกขึ้นยืนเตรียมตัวเดินจากไป
“เดี๋ยวครับ”ชายหนุ่มเรียกรั้งไว้
เธอหันกลับมามองด้วยดวงตาใสซื่อ
“เอ่อ…คุณ…ชื่อ….ชื่อคุณ”เขากลายเป็นคนติดอ่างขึ้นมาทันใด
“ศศรานีค่ะ”
เธอบอกชื่อตัวเองง่ายๆ ก่อนหมุนตัวเดินจากไปทันที ไม่สงสัย ไม่ติดใจว่าทำไมคนแปลกหน้าถึงถามชื่อตน
และไม่สนใจอยากจะรู้ชื่ออีกฝ่ายเลยสักนิด
ปล่อยให้คนมองตามถอนหายใจยาวอย่างแสนเสียดาย ครู่ต่อมาเขาก็รู้กระปี้กระเป่าขึ้น
เมื่อคิดว่าการที่ต้องเคยเฝ้าน้องสาวอาจจะไม่ใช่ภารกิจที่น่าเบื่ออีกต่อไปก็ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น