ซีรีย์นิยายชุด:วายร้ายยอดรัก เรื่อง จารกรรม นำรัก ตอนที่ 8



                    ตอนที่ 8 เผชิญหน้ากับสิงโตเจ้าป่า

ศศรานีเบิกตาโตเมื่อหัวหน้างานแจ้งว่า ซีอีโอให้เลขามาพาเธอไปพบ หญิงสาวชี้หน้าตัวเองพร้อมกับถามย้ำให้แน่ใจ
“ฉันเหรอคะ?”
“ใช่”
ฝ่ายนั้นพยักหน้ารับ พลางยักไหล่แบมือส่ายหน้าเป็นความหมายว่าไม่รู้ว่าเรื่องอะไรเหมือนกัน
คนถูกเชิญตัวไปพบเดินตามเลขาร่างใหญ่พลางขมวดคิ้วครุ่นคิด….เขาสืบรู้แล้วหรือ? เธอเปิดกระเป๋าหาตัวช่วย ถ้าจวนตัวขึ้นมาจริงๆเธอจะชิงลงมือก่อน แล้วเผ่นหนีให้เร็วที่สุด แต่จะรอดหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายนั้นเตรียมรับมือไว้ดีขนาดไหน ระหว่างทางเธอรีบส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปยังทีเคกรุ๊ปทันที
ถูก พา ไป พบ สิง โต

เพียงไม่นานก็มีข้อความตอบกลับ
ยัง ไม่ ถูก จับ ได้
ศศรานีได้อ่านข้อความนั้นก็ใจชื้นขึ้น เพราะเธอรู้ดีว่าข้อความนี้เชื่อถือได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้ายังไม่ถูกจับได้ แล้วตาสิงโตนั่นจะอยากพบกับเธอทำไมกัน?
รถเลี้ยวเข้าออฟฟิศของสเปซมาร์สซึ่งอยู่อาคารด้านหน้าของโรงงานประกอบยานอวกาศ ซึ่งห่างจากออฟฟิศใหญ่ประมาณห้ารอยเมตร ออฟฟิศแห่งนี้จะเป็นส่วนงานของวิศวกรเป็นหลัก ส่วนงานอื่นๆไม่ว่าจะเป็นธุรการ บัญชี ฝ่ายซื้อ ฝ่ายขาย ฝ่ายไอทีหรืออื่นๆ ล้วนแล้วแต่อยู่ในออฟฟิศใหญ่ เนื่องจากสเปซมาร์สไม่ต้องการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการผลิตยานอวกาศรั่วไหลดังนั้นเขตนี้จึงเป็นเขตควบคุมพิเศษคนที่สามารถผ่านเข้ามาได้เพียงคนที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
เมื่อมาถึงประตูที่จะเปิดเข้าไปในออฟฟิศ เลขาหนุ่มใหญ่ก็ใช้บัตรประจำตัวทาบกับเครื่องเซ็นเซอร์พร้อมทั้งใช้นิ้วหัวแม่มือสแกนและป้อนรหัส เพื่อเปิดประตูเข้าไปในออฟฟิศ คนที่เดินตามถึงกับนิ่วหน้า ระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีเยี่ยมเกินกว่าจะบุกเข้ามาง่ายๆ แถมระหว่างทางเดินเธอก็เห็นกล้องวงจรปิดติดไว้เป็นแผงแทบจะใช้แทนฝ้าเพดานได้เลย หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจกับระบบรักษาความปลอดภัยของอีกฝ่าย ถ้าเกิดเขารู้ตัวและเชิญเธอมาสอบสวนจริง ที่คิดว่าจะชิงลงมือแล้วเผ่นหนีให้เร็วที่สุดโอกาสจะทำอย่างที่คิดน่าจะไม่มีแล้ว ถ้าถูกจับได้จริงๆ เธอก็คงจะต้องยอมจำนนอย่างสงบ และรอกำลังที่จะชิงตัวออกไปอย่างเดียวเท่านั้น จะให้บุกเดี่ยวหนีตายคงจะไม่มีหวังแน่ๆ
และเมื่อมาถึงหน้าห้องที่สลักรูปสิงโตคำรามขนาดเท่าตัวจริง เลขาหนุ่มก็ใช้บัตรประจำตัวทาบกับตัวเซ็นเซอร์ แล้วแล้วยกหูโทรศัพท์เพื่อโทรฯเข้าไปแจ้งบุคคลที่อยู่ในห้อง
“ผมพา มิส วอ ริท ธรี นัน มาพบแล้วครับ”เลขารายงาน
เพราะนามสกุลของหญิงสาวค่อนข้างอ่านยากพอสมควรสำหรับคนต่างชาติทำให้เขาจะต้องออกเสียงทีละคำ แล้วก็ไม่รู้ว่าจะถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ของภาษาของเธอหรือไม่ แต่เขาก็สามารถเรียกได้แค่นี้แหละ
“เข้ามาได้”
เสียงที่ผ่านจากลำโพงขนาดเล็กนั้นดังกังวานทรงพลังจนทำให้คนที่มีชนักติดหลังอดที่จะตัวเกร็งไม่ได้ หลังเสียงอนุญาตประตูขนาดใหญ่ก็เลื่อนเปิดเองโดยระบบรีโมตคอนโทรล ซึ่งผู้ที่จะเปิดปิดได้นั้นก็คือคนที่อยู่ด้านในเท่านั้น
ศศรานีก้าวเข้าไปด้านในด้วยอัตราการเต้นของหัวใจที่เร็วขึ้น หญิงสาวพยายามผ่อนลมหายใจเพื่อปรับอัตราการเต้นของหัวใจให้ลดลง เพราะคนมีพิรุธหัวใจจะเต้นเร็วกว่าปกติ เธอจะต้องไม่เผยพิรุธใดให้เขาจับได้
“มิส วอ ริท ธรี นัน ครับ”เลขารายงาน เมื่อเจ้านายยังก้มหน้าก้มตาเซ็นเอกสารในมืออยู่
ลีโอนาร์ดเงยหน้าขึ้นเมื่อเซ็นเอกสารเสร็จ แล้วเขาก็ต้องชะงักงันเมื่อสบกับดวงตากลมโตแวววาวสุกใสตรงหน้า
หญิงสาวรูปร่างบอบบางความสูงน่าจะไม่ถึงหนึ่งร้อยหกสิบห้าเซ็นติเมตร ใบหน้ารูปไข่ คิ้วเรียวโก่งสวย  จมูกโด่งรับกับริมฝีปากจิ้มลิ้มสีชมพูสดดูชุ่มช่ำคล้ายลูกเชอรี่ที่ชวนให้ลองชิมสักครั้งว่าจะหวานละมุนสักแค่ไหน และที่โดดเด่นที่สุดบนใบหน้าเนียนใส คือดวงตาคู่นั้น ดวงตากลมโตใสซื่อเหมือนเด็กเล็กๆที่มีแต่ความกระตือรือร้นอยากรู้อยากเห็น
“สวัสดีค่ะ ฉัน ศศรานี วริทธินันท์”
หญิงสาวแนะนำตัวเองพลางยกมือไหว้เขาอย่างอ่อนน้อมตามธรรมเนียมไทย เพราะไม่อยากจะจับมือกับคนตรงหน้านัก ผู้ชายขี้งก
“ผม ลีโอนาร์ด ยินดีที่ได้รู้จัก ซาซ่ารานี่”
เจ้าของห้องกล่าวพร้อมกับยื่นมือมาตรงหน้า ทำให้คนที่ไม่อยากจะจับมือผู้ชายขี้งกจำต้องยื่นมือออกไปสัมผัสเพียงเล็กน้อยแล้วรีบปล่อยทันที
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นเดียวกันค่ะ มิสเตอร์ไวด์เดอร์”หญิงสาวทักทายกลับตามมารยาทเป๊ะ
แต่คนที่ไม่ค่อยสนใจมารยาทโบกมือเบาๆ
“ไม่ต้องเป็นทางการอย่างนั้นหรอก ซาซ่า เรียกผมว่าลีโอก็ได้”
ข้ามชื่อสกุลและชื่อตัว ไปเรียกชื่อเล่นเลย ทำให้คนที่เพิ่งจะพบหน้ามาถึงกับทำตาโตที่อีกฝ่ายตีสนิทได้รวดเร็วขนาดนั้น
“ดิฉันไม่บังอาจหรอกค่ะ มิสเตอร์ไวด์เดอร์”หญิงสาวใช้น้ำเสียงเหินห่างสุดๆ เผื่ออีกฝ่ายจะได้สำนึกว่าเขากับเธอนั้นเพิ่งจะรู้จักกัน
ลีโอนาร์ดมองสาวน้อยที่วางท่าพร้อมใช้น้ำเสียงอย่างเป็นทางการที่สุดกับเขา แล้วก็อดยิ้มไม่ได้ เหมือนเด็กที่พยายามจะทำตัวเป็นผู้ใหญ่ ดูยังไงก็ไม่น่าเกรงขามเลยสักนิด
“เอาล่ะ มิส วอ ริท ธรี นัน ว้าเรียกยากชะมัด ไม่รู้ล่ะ ผมเรียกคุณว่า ซาซ่าก็แล้วกัน”คนที่พูดเองเออเอง และสรุปเอาเองบอก
“นายกลับออกไปทำงานต่อเถอะ”
ลีโอนาร์ดหันไปสั่งเลขาที่ยังยืนรอรับคำสั่งอยู่ในห้องด้วย เมื่อฝ่ายนั้นคำนับและหมุนตัวเดินออกจากห้องไป เขาก็กดปิดประตู
ทันทีที่ประตูปิดลง ศศรานีก็เริ่มไม่สบายใจรู้สึกคล้ายๆถูกขังอยู่ในกรงกับสิงโต แถมเป็นสิงโตตัวใหญ่ที่เธอสูงไม่ถึงไหล่เขาด้วยสิ ถ้าเกิดมีการใช้กำลังรับรองเลยว่าแขนข้างเดียวของเขาสามารถหักกระดูกเธอได้แน่
“อืม เราไปหาที่นั่งคุยกันสบายๆหน่อยไหม?”
เจ้าของห้องกล่าวก่อนจะเดินนำไปยังชุดรับแขกที่อยู่มุมห้องตามประสาคนที่พูดเองเออเอง สรุปเองเสร็จสรรพ
แล้วจะมาทำเป็นถามทำไม สั่งมาเลยก็จบ คนเดินตามแอบบ่นในใจ
“เชิญนั่ง”
เจ้าของห้องเชื้อเชิญ และนั่งลงฝั่งตรงข้ามเมื่อแขกทรุดนั่งตามคำเชิญ
“คุณคงอยากรู้ว่าผมเชิญคุณมาพบทำไม?”ซีอีโอหนุ่มเปิดประเด็น
“ค่ะ”คนอยากรู้ตอบรับทันที
“ผมอ่านประวัติคุณแล้ว คุณจบปริญญาตรี คอมพิวเตอร์ จากมหาวิทยาลัยสิงคโปร์”อีกฝ่ายสอบประวัติ
“ใช่ค่ะ”
เจ้าของประวัติตอบรับ เธอเพิ่งจะจบเมื่อปลายปีที่แล้ว จากมหาวิทยาลัยแห่งนั้น ส่วนจากมหาวิทยาลัยแห่งอื่นๆจบมานานแล้ว และไม่ใช่แค่ปริญญาตรี
“ด้วยเกียรติ์นิยมอันดับสอง?”เขาถามย้ำ
“ใช่ค่ะ” ที่ได้เกียรติ์นิยมอันดับสองเพราะไม่ไปสอบสองวิชา เพราะไม่ใช่วิชาที่สนใจก็เลยขี้เกียจไปสอบ
“แล้วคุณไม่คิดจะเรียนต่อเหรอ?”ชายหนุ่มถาม
“เรียนต่อ?”คนที่เรียนมามากแล้วถามเสียงสูง จะให้เรียนต่อหลักสูตรไหนอีกล่ะ?
“ใช่ผมว่าเกรดอย่างคุณ เรียนต่อปริญญาโทได้สบาย ปริญญาเอกก็ยังได้เลยนะ”ชายหนุ่มว่า เขาเสียดายถ้าเธอจะหยุดการศึกษาอยู่แค่นี้
ศศรานีเริ่มเดาออกว่าที่ชายหนุ่มเรียกตนมานั้นเพราะเหตุใด ..ไม่ใช่เรื่องแฮกเกอร์ เมื่อสบายใจขึ้น เธอจึงยิ้มได้
“ฉันอยากจะหาประสบการณ์จากการทำงานก่อนค่ะ ค่อยเรียนต่อ” ถ้ามีวิชาที่น่าสนใจนะคนตอบพร้อมกับยิ้มหวาน โดยไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มของตนทำให้ใครบางคนนิ่งงัน
ลีโอนาร์ดกระแอมเบาๆ เพื่อเรียกสติกลับคืนหลังจากโดนรอยยิ้มสะกดนิ่งไป ก่อนจะถามต่อ
“คุณวางแผนไว้หรือเปล่า ว่าอีกกี่ปีคุณถึงจะเรียนต่อ?”
“ก็คงซักสองปีมั้งคะ?”
คนยังไม่มีแผนเรียนต่อตอนนี้ตอบ เพราะหยาดพิรุณแนะนำมาว่า ไม่ควรจะบอกแพลนในช่วงที่สั้นเกินไป เพราะบริษัทไม่ต้องการจ้างงานคนที่จะอยู่กับเขาไม่นานหรอก เพราะเสียเวลาสอนงานเปล่าๆ
“สองปี? แล้วคุณจะทำงานอยู่ที่นี่ไปจนกว่าจะถึงเวลานั้นใช่ไหม?”ชายหนุ่มถามย้ำ
“ค่ะ ฉันจะทำงานอยู่ที่นี่จนกว่าจะถึงเวลานั้น” เวลานั้นหมายถึง เวลาที่สามารถเคลียร์ปัญหาเรื่องแฮกข้อมูลได้แล้วนะ และหวังว่าคงจะใช้เวลาไม่ถึงสองปี
ลีโอนาร์ดเคาะนิ้วมือกับโต๊ะรับแขกเบาๆอย่างใช้ความคิด ที่เธอพูดมามันก็ถูกทำงานก่อนแล้วค่อยกลับไปเรียน ประสบการณ์จากการทำงานจะทำให้การศึกษาต่อมีประสิทธิภาพมากขึ้น คนที่เอาแต่เรียนแต่ไม่รู้ว่าในการทำงานจริงนั้นเจอปัญหาอะไรบ้าง ก็ศึกษาได้แค่ทฤษฎีที่ไม่สามารถคิดค้นหาทางแก้ปัญหาได้ตรงจุด
“อืมถ้าสเปซมาร์สจะให้ทุนเรียนต่อล่ะ คุณสนใจไหม?”ซีอีโอหนุ่มถาม
บุคลากรที่มีประสิทธิภาพสูงอย่างนี้น่าดึงเข้ามาร่วมงานที่สุด เพราะหาคนงานนับพันนั้นหาไม่ยาก แต่หาพนักงานที่มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมเพียงหนึ่งคนนั้นหายากยิ่ง
“ให้ทุน?”
คนที่จะได้รับทุนโดยไม่คาดหมายถามเสียงสูง ถ้าเขารู้ว่าตนเองกำลังเสนอทุนให้แฮกเกอร์ตัวร้ายที่กำลังพลิกแผ่นดินหาตัวอยู่ขณะนี้ เขาจะรู้สึกอย่างไรนะ?
“ใช่ บริษัทเรายินดีที่จะสนับสนุนคนที่เรียนดีให้ได้รับการศึกษาที่ดีที่สุด และสูงที่สุดเท่าที่ความสามารถของเขาจะไปได้ เพื่อให้เปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่”ซีอีโอหนุ่มบอกนโยบายของบริษัทให้พนักงานใหม่ทราบเพื่อสร้างความประทับใจ และเมื่อเกิดความประทับใจพนักงานจะทุ่มเทให้กับงานอย่างเต็มที่
 “ขอบคุณค่ะที่ให้โอกาส แต่รอดูผลงานของฉันก่อนดีกว่าไหมคะ? เกรดที่เห็นอาจจะเป็นเพียงตัวเลขในกระดาษก็ได้”คนที่ได้รับโอกาสบ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับปาก เพราะรู้ดีว่าตนนั้นจะทำงานอยู่ที่นี่เพียงไม่นาน
ลีโอนาร์ดเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเมื่ออีกฝ่ายปฏิเสธบอกปัด แม้จะไม่ได้กล่าวออกมาตรงๆว่า ไม่แต่ฟังจากน้ำเสียงก็รู้ว่าเธอไม่อยากรับข้อเสนอของเขา ทำไม? เธอมีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธโอกาสดีๆที่เด็กเก่งๆต่างปรารถนาถึงกลับต้องสอบแข่งขันกันอย่างดุเดือด แต่เธอ..โอกาสลอยอยู่ตรงหน้าแล้วกลับไม่ยอมคว้าไว้  มั่นในในตนเองเกินไป หรือว่ามีเหตุผลอื่น? ซีอีโอหนุ่มคิดอย่างระแวง สงสัยเขาคงจะต้องจับตามองเธออย่างใกล้ชิดเสียแล้ว
ศศรานีมองชายหนุ่มที่กำลังนั่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ด้วยดวงตาใสซื่อและใคร่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ทำไมนิ่งเงียบไปเมื่อได้ยินคำตอบของเธอ
ลีโอนาร์ดมองหน้าคนหน้าใสที่จ้องมองเขาเหมือนเด็กที่อยากรู้อยากเห็นก็อดที่จะขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิมไม่ได้ หรือว่าเขาขี้ระแวงเกินไป ที่เธอปฏิเสธอาจจะเป็นเพราะไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้งจึงตอบปฏิเสธแบบเด็กๆ ก็ดวงตาของเธอใสซื่อขนาดนี้จะมีเล่ห์เหลี่ยมได้อย่างไร แต่สัญชาตญาณกลับเตือนให้ระวังเธอไว้ให้ดี
“คุณปฏิเสธ?”ชายหนุ่มถามย้ำ
คนที่ปฏิเสธแต่ไม่ได้พูดออกมาตรงๆส่ายหน้า “ไม่นี่ค่ะ คุณได้ยินฉันบอกว่าไม่ด้วยหรือคะ?”แถมย้อนหน้าซื่อ
สิงโตหนุ่มหรี่ตาลง ยัยเด็กนี่กล้าเล่นลิ้นกับเขาอืมดีล่ะ ช่วงนี้กำลังเบื่อๆ ตะปบสมันน้อยเล่นแก้เบื่อสักพักก็คงดี สิงห์ร้ายยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มีเหยื่อมาให้ตะปบเล่นแก้เซ็ง
ศศรานีตัวเกร็งขึ้นทันทีเมื่อเห็นรอยยิ้มของเขา รอยยิ้มชั่วร้ายแบบนี้เธอเห็นบ่อยๆจาก วายร้ายอันดับหนึ่งแห่งทีเคกรุ๊ป และเมื่อไรก็ตามที่ฝ่ายนั้นยิ้มแบบนี้แสดงว่าจะต้องมีคนเดือดร้อนแน่ๆ และที่นายสิงโตตัวใหญ่ยิ้มชั่วร้ายแบบนี้ กำลังวางแผนจะเล่นงานเธออยู่ในใจใช่ไหม? สมันน้อยตื่นตัวระแวงภัย เฮอะ..ถ้าคิดว่าจะเล่นงานเธอได้ง่ายๆล่ะก็ ก็ลองดูสิ
ลีโอนาร์ดอมยิ้มเมื่อเห็นอีกฝ่ายมองเขาอย่างระแวงระวัง แถมยังนั่งตัวเกร็งคล้ายกับว่าเขาจะกระโจนเข้าขย้ำเธอในตอนนี้ฉะนั้น ยังก่อน ขย้ำตอนนี้มันจะสนุกอะไร เก็บเอาไว้หยอกเล่นนานๆหน่อยค่อยขย้ำก็ยังไม่สาย ตัวเล็กๆกระดูกอ่อนๆแบบนี้เคี้ยวง่ายจะตาย คนที่มั่นใจในตนเองว่าสามารถจะขย้ำกลืนคนตรงหน้าเมื่อไรก็ได้ยิ้มกับตนเอง เพราะเขายังไม่เคยเจอกระดูกอ่อนๆติดคอมาก่อน
“อ้อ พอดีผมมีงานโปรเจคใหม่ ยังหาโปรแกรมเมอร์มาเขียนโปรแกรมไม่ได้เลย คุณมาช่วยผมหน่อยก็แล้วกันนะซาซ่า พรุ่งนี้ย้ายมาทำงานที่ตึกนี้ได้เลย”
คนที่พูดเองเออเองและสรุปเองบอกง่ายๆ ส่วนโปรเจคใหม่ที่ว่าก็เพิ่งคิดได้เมื่อกี้นี้เอง ถ้าเธอมาเขาก็หางานให้เธอทำได้เองแหละ แต่ตอนนี้แค่หาเรื่องย้ายสมันน้อยมาไว้ข้างตัวก่อนแค่นั้น
คนถูกย้ายกะทันหันเบิกตาโต ย้ายมาทำงานกับตาสิงโตขี้งกนี่นะ แต่จะหาเหตุผลอะไรมาอ้างได้ล่ะ อัจฉริยะเฉพาะด้านไอทีรีบใช้สมองอย่างเต็มที่เพื่อหาข้ออ้าง แต่เธอไม่ใช่ประธานฯตัวร้ายนะที่จะลื่นไหลไปได้ทุกเรื่อง
ลีโอนาร์ดยกมือขึ้นกอดอกนั่งมองคนที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างไม่สบายใจกับคำสั่งใหม่ที่ได้รับ ก็อดที่จะอมยิ้มพอใจไม่ได้ เด็กหนอเด็ก คิดอะไรก็แสดงออกทางใบหน้าและแววตามาให้คนอื่นรู้หมด ใสซื่ออย่างนี้จะไปทันใครเขาคนเจ้าเล่ห์คิดอย่างสงสาร แต่ก็ไม่คิดจะปล่อยมือหรอกนะ ก็นานๆทีจะมีสมัยน้อยไร้เดียงสามาให้หยอกเล่น จะปล่อยไปก็น่าเสียดาย
“ตกลงตามนี้นะ คุณกลับไปเก็บของที่โต๊ะได้ เดี๋ยวผมจะให้อีวานทำบัตรประจำตัวให้ พรุ่งนี้เช้าก็มาที่ออฟฟิศนี้เลย ไม่ต้องไปที่ตึกโน้นหรอก”คนที่สรุปเองบอกรวบรัดไม่เปิดโอกาสให้ใครปฏิเสธได้
“ค่ะ”
คนที่คิดหาข้ออ้างไม่ได้จำใจตอบรับ ที่ที่อันตรายที่สุด คือ ที่ที่ปลอดภัยที่สุด ตรงไหน? ที่นี่มันคือที่ตายชัดๆ คนที่ก้าวพลาดแอบโอดครวญในใจ
“ฉันกลับไปได้แล้วใช่ไหมคะ?”
คนที่อยากจะเผ่นหนีให้เร็วที่สุดถาม เผ่นไปตั้งหลักสักพักค่อยว่ากันใหม่ เอ..หรือว่าจะเผ่นแล้วเผ่นเลยดีล่ะ ต้องรีบปรึกษาจอมวายร้ายโดยด่วน จะมาอยู่ในถ้ำสิงโตที่มีระบบรักษาความปลอดภัยขนาดนี้ ไม่ปลอดภัยต่อตัวเองแน่ๆ
“อื่อ”ชายหนุ่มรับคำ ก่อนจะก้มมองนาฬิกา ใกล้จะเที่ยงแล้ว
“ไปหาอะไรกินกันก่อน เดี๋ยวจะให้รถไปส่ง”เขาไม่ได้ถามแต่สั่งเลยคราวนี้
คนถูกสั่งมองหน้า เจ้านายใหม่อย่างขัดเคือง ถามฉันบ้างไหมว่าฉันอยากจะไปไหนมาไหนด้วยหรือเปล่า
“ยังไม่หิวค่ะ”
คนรับคำสั่งปฏิเสธทันที ไม่รักษาแล้วมารยงมารยาท คนอะไรเอาแต่ใจตนเองที่สุดพร้อมทั้งแอบบ่นในใจ
คนถูกปฏิเสธเลิกคิ้วขึ้น อารมณ์เริ่มกรุ่นเพราะไม่เคยมีใครปฏิเสธมาก่อน ยัยเด็กนี่เป็นใครถึงกล้ามาปฏิเสธเขา ผู้หญิงมากมายถ้ามายืนต่อแถวกันคงจะยาวเป็นกิโลเมตรที่ยืนรอให้เขาเลือกไปดินเนอร์ด้วยสักมื้อ แต่ยัยเด็กนี่ เขาอุตส่าห์เปิดโอกาสให้ง่ายๆกลับไม่ยอมคว้าเอาไว้ ช่างเป็นเด็กที่ไม่รู้จักคำว่า โอกาสจริงๆ
“ไม่หิวก็ต้องกิน จะเที่ยงแล้ว กินอาหารผิดเวลาเดี๋ยวท้องไส้ก็พังกันพอดี”คนที่ไม่เคยถูกใครปฏิเสธมีหรือจะยอมรับคำปฏิเสธนั้นได้ เมื่อชวนดีๆไม่ไปก็บังคับเสียเลย
คนโดนบังคับได้แต่ก้มหน้าลงและแอบด่าคนตรงหน้าด้วยภาษาจาวาในใจ เพราะตนเองไม่ถนัดภาษาที่คนทั่วๆไปใช้กัน ดังนั้นด่าด้วยภาษาคอมพิวเตอร์นี่แหละสะใจเธอที่สุดแล้ว
ลีโอนาร์ดมองหน้าคนที่นั่งก้มหน้าก้มตาพลางยิ้มขัน ไม่บอกก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังแอบว่าเขาอยู่ในใจ ก็หน้าเธอแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่เพราะเขินแต่เป็นเพราะกำลังโกรธ เด็กหนอเด็ก รัก ชอบ เกลียด ชัง ก็แสดงออกมาหมด แล้วเขาก็ระบายลมหายใจยาว อยู่กับเด็กที่ดูออกง่ายๆไร้เดียงสามันก็สบายใจแบบนี้แหละ ดีกว่าอยู่กับผู้ใหญ่ที่ตีสองหน้าเก่ง ใบหน้าฉาบด้วยรอยยิ้ม พูดจาก็อ่อนหวานรื่นหู แต่มือกลับถือมีดไว้มั่นเตรียมพร้อมจะแทงข้างหลังคนอื่นได้ทุกเมื่อ ช่างน่าละเหี่ยใจ
“อ้าว จะไปกันหรือยังล่ะ ผมเสียเวลามาหลายนาทีแล้วนะ รู้ไหมว่าเวลาของผมนั้นมีค่านาทีละเท่าไหร่?”
คนชวนยืนขึ้นพร้อมกับแกล้งเร่งให้อีกฝ่ายอารมณ์เสียยิ่งขึ้น แกล้งเด็กเล่นก็สนุกแบบนี้แหละ
อีตาขี้งกเอ้ย สงสัยแค่ร้อยล้านเหรียญจะน้อยไปแล้วมั้ง รู้งี้ยึดดาวเทียมไว้ไม่คืนก็น่าจะดีหรอก
คิดถึงดาวเทียมก็นึกถึงลูกรักถ้าไม่ใช่เพราะอีตาขี้งกนี่ เธอก็คงไม่ต้องเสียลูกรักไปหรอก ฮื่มมันน่าจะทำอะไรสักอย่างให้สิงโตเต้นเป็นลิงเป็นค่างบ้างก็น่าจะดีหรอก ถ้าไม่ติดคำสั่งห้ามเด็ดขาด ห้ามทำอะไรนอกเหนือคำสั่งงานนี้เธอต้องเล่นงานตาสิงโตร้ายนี้ให้เต้นเป็นเจ้าเข้าแน่
หญิงสาวลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าที่งอยิ่งกว่าม้าหมากรุก ตากลมโตก็ขุ่นขวางเอาเรื่อง ริมฝีปากบางเม้มสนิท ใครเห็นก็คงจะไม่ต้องเดาว่าอยู่ในอารมณ์ไหน เพราะใบหน้านั้นประกาศชัด อารมณ์เสียสุดๆ
คนกวนอารมณ์คนอื่นยักไหล่อย่างรื่นรมย์ก่อนจะเดินนำหน้าด้วยใบหน้ายิ้มระรื่น มีเด็กมาให้หยอกเล่นมันสนุกดีอย่างนี้นี่เอง

เด็กที่เดินตามแยกเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่ฮึ่ม วันพระไม่ได้มีหนเดียวหรอก ถึงทีฉันเมื่อไหร่นายจะเต้นกว่าที่กำลังเป็นอยู่ตอนนี้แน่….คนที่ไม่เคยสนใจอะไร เริ่มจะติดนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นมาจาก จอมมารเสียแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น