ซีรีย์นิยายชุด:วายร้ายยอดรัก เรื่อง คาสโนวี่ ที่รัก ตอนที่ 3


ตอนที่ 3 เด็กขี้เหงากับคนเจ้าอารมณ์
ติณห์กับหยาดพิรุณเปิดประตูก้าวเข้าห้องด้านในก็พบกับเด็กสาวนั่งซึมอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น ในมือเธอมีหนังสือเล่มเล็กที่เปิดไว้ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้อ่าน
“แพทตี้ วันนี้พี่มีธุระด่วน แพทตี้ไปอยู่กับติณห์สักวันได้ไหมจ๊ะ?”หยาดพิรุณบอกเด็กสาวพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน
“ไปอยู่กับ..”เด็กสาวชะงัก เมื่อเหลือบมองยักษ์ตัวโตหน้าดุที่ยืนทำหน้าบึ้งตึงไม่สบอารมณ์อยู่ตรงหน้า
“พี่เรนนี่ไปไหนคะ? ให้แพทตี้ไปด้วยไม่ได้หรือคะ แพทตี้สัญญาว่าจะไม่ทำให้พี่เรนนี่เสียงานหรอก”เด็กสาวรีบสัญญา
“อืม..พี่ต้องไปหลายที่ คงจะไม่สะดวกแน่ๆ ไปอยู่กับพี่ติณห์แค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น นะจ๊ะเด็กดีอย่าทำให้พี่เป็นห่วง”หยาดพิรุณปะเหลาะ
“แต่..
เด็กสาวยังคงลังเล ก็คนหน้าดุไม่ได้พูดเลยสักคำว่าอยากให้เธอไปอยู่ด้วย แล้วจะให้เธอทำหน้าหนาตามเขาไปได้อย่างไร

“ไปกันได้แล้ว ฉันยังมีงานต้องทำอีกเยอะนะ”
คนงานยุ่ง แต่ต้องเสียเวลามาที่นี่โดยไม่ได้อะไรเลย แถมยังมีตัวภาระติดไปด้วยบอกอย่างหงุดหงิด
“ไปกันเถอะจ๊ะ พี่ก็ต้องรีบไปทำธุระเหมือนกัน”หยาดพิรุณฉุดเด็กสาวให้ลุกขึ้นยืน แล้วก็เดินไปคว้ากระเป๋าสะพายใบเล็กขึ้นสะพายไหล่
ทั้งสามคนเดินตามกันเข้าลิฟท์เงียบๆ เพราะต่างก็มีเรื่องที่ต้องคิดอยู่ในใจ เมื่อถึงลานจอดรถ หยาดพิรุณก็จับแพทริเซียยัดเข้ารถของติณห์ เพื่อไม่ให้เด็กสาวมีโอกาสปฏิเสธเธอจึงโบกมือให้ติณห์ออกรถไปก่อน หลังจากนั้นเธอก็ขึ้นรถของตัวเองขับออกไปบ้าง แต่วนเลี้ยวไปอีกทาง

โครกคราก….เสียงท้องที่ร้องประท้วง เมื่อยังไม่มีอะไรตกถึงมันเลยตั้งแต่เช้า ทำให้เจ้าของท้องที่ส่งเสียงนั้นอายจนอยากจะเอาหน้ามุดลงไปใต้เบาะรถให้รู้แล้วรู้รอดพยานที่ได้ยินเสียงร้องประท้วงนั้นถึงกับมุมปากกระตุกเพราะกลั้นยิ้ม เขาไม่กล้าจะแสดงออกมากนักเพราะแค่นี้คนที่นั่งข้างๆก็อายจนหน้ากลายเป็นซอสมะเขือเทศแล้ว
เมื่อเห็นร้านอาหารฟ๊าสฟู๊ดที่เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงอยู่ด้านหน้าไม่ไกล ติณห์จึงตีไฟเลี้ยวไปจอดที่หน้าร้าน
“หิวไม่ใช่เหรอ? ลงไปซื้อสิ”ชายหนุ่มบอก เมื่อคนที่ท้องส่งเสียงยังคงนั่งนิ่งไม่ยอมขยับ
 “เอ่อ..เอ่อ..คุณลงไปซื้อให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ?”คนหิวกลับว่าอย่างนั้น
“นี่ ฉันไม่ใช้คนรับใช้ประจำตัวของเธอนะ หิวก็ไปซื้อกินเอง อย่าใช้คนอื่น”ชายหนุ่มทำหน้าดุ เสียงเข้ม
“แต่..”เด็กสาวอึกอักลังเลทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“แต่อะไร?”ชายหนุ่มถามอย่างหงุดหงิด
“ฉัน..ฉันสั่งไม่เป็น”เด็กสาวที่ไม่ค่อยได้ออกไปไหนสารภาพเสียงอ่อย
“สั่งไม่เป็น?”
ติณห์ถามเสียงสูง อายุขนาดนี้แล้วยังสั่งอาหารฟาสฟู๊ดกินเองไม่เป็นอีกเหรอ เธอโตมาได้ยังไงกันเนี่ย?
“ฉันไม่เคยไปสั่งเองเลย”เด็กสาวบอกเสียงเบาลงไปอีก
“งั้นไปด้วยกัน คราวหน้าจะได้ทำเองเป็น”
คนที่ต้องกลายเป็นเทรนเนอร์จำเป็นบอก ก่อนจะเปิดประตูก้าวลงจากรถ ซึ่งเด็กสาวก็ยอมเปิดประตูก้าวตามลงมา และเดินตามเขาเข้าไปในร้านติดๆ
“อยากกินอะไรล่ะ?”ชายหนุ่มถาม พลางชี้ให้ดูเมนูที่ติดไว้หน้าร้าน
“อยากกินชุดนั้น เอ่อ..ชุดนั้นก็น่ากิน อันนี้ด้วย แล้วก็อันนี้”เด็กสาวชี้เมนู เกือบทุกเมนูที่มีอยู่ในรายการ
“สั่งเยอะขนาดนั้น จะกินหมดไหม?”เทรนเนอร์จำเป็นถามอย่างระอา
“ก็ฉันไม่ค่อยได้กินอาหารพวกนี้”เด็กสาวว่า
ยัยคุณหนูติณห์คิดในใจ ก่อนจะบอกเสียงเข้มไม่ยอมตามใจ
“เลือกได้แค่สองชุดเท่านั้น”
“ฉันจ่ายเองก็ได้ค่ะ”เด็กสาวว่า
“นั่นมันไม่ใช่ประเด็น แต่ประเด็นคือซื้อไปเยอะแยะแล้วกินไม่หมด กินทิ้งกินขว้าง สงสารคนที่เขาไม่มีกินบ้างไหม?”ชายหนุ่มว่า
“แล้วมันเกี่ยวกันตรงไหนคะ?”
เด็กสาวถามอย่างไม่ค่อยเข้าใจ เธอซื้อเอง กินไม่หมดก็ทิ้ง ไม่เห็นจะเกี่ยวกับคนที่เขาพูดถึงตรงไหนเลย
“ช่างเถอะ อยากจะทำอะไรก็ตามใจ”
ติณห์บอกอย่างหงุดหงิด วันนี้เขาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระมามากพอแล้ว และไม่ต้องการเปลืองน้ำลายอธิบายอะไรให้ ยัยคุณหนูนี่ฟังอีก
เมื่อเห็นเขาแสดงอาการไม่พอใจ แพทริเซียก็ยอมเลือกซื้ออาหารสองชุดตามที่เขากำหนดอย่างว่าง่าย อย่างน้อยเขาก็ยังใจดียอมแวะซื้ออาหารเมื่อท้องเธอร้อง ได้แค่นี้ก็ดีแล้ว
เมื่อเห็นเด็กสาวเลือกซื้ออาหารแค่สองชุดตามที่บอก คนที่กำลังหงุดหงิดก็อารมณ์ดีขึ้นนิดหน่อย เขาสั่งน้ำอัดลมเพิ่มให้เธอ เมื่อเห็นเด็กสาวไม่ได้สั่ง และจ่ายค่าอาหารทั้งหมด เด็กสาวอึกอักประท้วง แต่เมื่อเขาถลึงตาดุจึงยอมอยู่ในความสงบ และเดินตามเขากลับไปที่รถต้อยๆคล้ายๆเด็กน้อยที่เดินตามผู้ปกครองอย่างไรอย่างนั้น
 “แล้วรถของฉันล่ะคะ?”
เด็กสาวถามถึงรถของตนเองที่จอดทิ้งไว้ที่คอนโดนของหยาดพิรุณ
“เอากุญแจมา จะให้คนไปขับมาให้”ชายหนุ่มบอก
 “แล้วคุณจะไปไหนหรือคะ?”เด็กสาวถาม
“ไปทำงาน เดี๋ยวฉันจะให้คนไปเอารถของเธอมาให้ที่นั่น อยากกลับตอนไหนก็ขับรถกลับบ้านเองก็แล้วกัน”
ติณห์บอก เขาต้องรีบไปทำงาน เพราะนี่ก็เสียเวลาไปมากโขแล้ว..สิ้นเปลืองเวลาโดยไม่ได้อะไรกลับมาเลยจริงๆ แถมยังมี ตัวยุ่งติดมาด้วยอีกตัว ชายหนุ่มคิดอย่างหงุดหงิดใจ อดเหลือบมองค้อน ตัวยุ่งนิดหนึ่งไม่ได้
ตัวยุ่งที่กำลังแกะห่อแฮมเบอเกอร์กระพริบตาปริบๆเมื่อถูกค้อน ..เธอไปทำอะไรให้เขาโกรธอีกล่ะ..หรือจะเคืองที่เธอกินแล้วไม่ชวน เพื่อไม่ให้เสียมารยาทจนเกินไป ชวนเขากินหน่อยก็ได้ เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนจ่าย
“กินไหมคะ?”
คนถูกชวนเหลือบมองแวบเดียวแล้วหันไปสนใจถนนต่อ ก่อนจะตอบกลับแบบเสียไม่ได้
“กินเถอะ”
เพียงไม่นานชายหนุ่มก็เลี้ยวรถเข้าไปในบริเวณอาคารสำนักงานที่ทันสมัยแห่งหนึ่ง เมื่อจอดรถเรียบร้อยแล้ว เขาก็พยักหน้าชวน ตัวยุ่งลงจากรถ พาเดินเข้าไปในอาคารด้วยกัน
“ไหนล่ะกุญแจรถ?”ชายหนุ่มทวง
เด็กสาวจึงเปิดกระเป๋าสะพายค้นหากุญแจรถยื่นส่งให้
“รถรุ่นไหน? ทะเบียนอะไร?”ชายหนุ่มซักต่อ
“เฟอรารี่สีแดง ทะเบียน..”เด็กสาวบอกง่ายๆ
ติณห์รับกุญแจรถมา พยักหน้าเรียกบอดีการ์ดสองนายที่มีหน้าที่ติดตามเขา แต่วันนี้เขามีธุระพิเศษจึงสั่งให้ทั้งคู่มารอที่ทำงานก่อน เมื่อทั้งคู่เดินมาหาเขาก็แล้วยื่นกุญแจรถของเด็กสาวให้
“ไปขับรถที่คอนโดคุณเรนนี่มาที่นี่ให้หน่อย”
แล้วเขาก็บอกยี่ห้อกับทะเบียนรถสั้นๆ บอดีการ์ดคำนับรับคำสั่งก่อนจะหมุนตัวไปปฏิบัติตามคำสั่ง
“จะนั่งเล่นอยู่ข้างล่างนี่ไหม?”เขาหันมาถามเด็กสาว
แพทริเซียซึ่งหันมองไปรอบๆ แล้วก็สบตากับประชาสัมพันธ์สาวสวยสองคนที่กำลังลอบมองมาเป็นระยะ คล้ายกับเห็นเธอเป็นตัวประหลาด หรือไม่ก็สิ่งมหัศจรรย์ของโลก เมื่อได้ยินคำถามเธอก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที..เธอไม่ได้มีเขางอกหรือมีหางโผล่ออกมาสักหน่อย จะมองอะไรนักหนา
 “ขอฉันไปกับคุณได้ไหมคะ?”
เด็กสาวร้องขอ ถึงแม้ผู้ชายตรงหน้าจะชอบทำหน้าบึ้งเสียงดุ แต่ก็ยังดีว่าสายตาใคร่รู้อย่างรุนแรงของสองสาวนี้แน่เธอไม่ชอบสายตาแบบนี้เลยจริงๆ
ติณห์หันกลับมามอง ก็พบแววตาหวาดหวั่นของเด็กสาวเข้า เขาถอนหายใจ ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างจำยอม..ให้ตามขึ้นไปข้างบนด้วยดีกว่า คนน้อยหน่อย อยู่ข้างล่างคนเดียว ไม่รู้ว่าจะโดนซักไซ้จนตอบคำถามผิดเพี้ยน จนเกิดประเด็นอะไรขึ้นมาอีกหรือเปล่า พนักงานชั้นล่างนี้ยิ่งเป็นพวกกระหายข่าว ยิ่งกว่านักข่าวมืออาชีพอยู่ด้วย
และเมื่อทั้งคู่เดินเข้าลิฟท์ไปด้วยกัน ประชาสัมพันธ์สาวสวยถึงกับมองหน้ากันตาโต… ‘คุณชายหิมะไปพาเด็กสาวที่ไหนมาด้วยละเนี่ย.. สาวๆทั้งออฟฟิศต่างหลงใหลได้ปลื้มผู้จัดการสุดหล่อกันทั้งนั้น แต่ไม่มีใครสามารถฝ่ากำแพงน้ำแข็งที่เขาสร้างขึ้นมากั้นได้เลยสักคน ต่อให้ใจกล้าหน้าด้านสักแค่ไหน แค่เจอสายตาพายุน้ำแข็งของเขาเข้าก็จะแข็งค้างกลายไปตุ๊กตาหิมะยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่สามารถรุกคืบเข้าไปประชิดตัวเขาได้เลยแต่วันนี้‘คุณชายหิมะ’กลับพาเด็กสาวหน้าตางดงามราวกับตุ๊กตาเจ้าหญิงมาออฟฟิศด้วยหรือว่าจริงๆแล้ว..เขาแอบเลี้ยงต้อยเอาไว้จึงไม่สนใจสาวๆในออฟฟิศเลยอย่างที่เห็น?
ติณห์พาเด็กสาวมาถึงหน้าห้องทำงาน คมน์มือขวาและเลขาส่วนตัวของเขาซึ่งนั่งทำงานอยู่หน้าห้องลุกขึ้นยืนต้อนรับ พร้อมกับสายตาที่มีเครื่องหมายคำถามฉายชัด
“มีคนฝากให้ช่วยดูแล”
เจ้านายบอกคร่าวๆไม่ลงในรายละเอียด คนเป็นลูกน้องจึงคำนับรับรู้ ถึงแม้จะไม่กระจ่างแต่ก็ไม่กล้าถาม ได้แต่คาดเดาเอาเอง…‘มีคนฝากให้ช่วยดูแล ใครฝาก? และฝากใคร? หรือว่าฝากเขาให้ช่วยดูแล?
“นั่งรออยู่นี่ อย่าเดินเพ่นพ่านไปไหนล่ะ ถ้าอยากได้อะไรก็บอก..
ชายหนุ่มชี้มือไปยังชุดรับแขกเล็กๆที่จัดไว้มุมหนึ่งของห้องกว้าง พร้อมพยักพเยิด บอก..’หมายถึงให้บอกใคร
“ถ้าได้รถแล้ว จะกลับบ้านเลยก็ได้นะ”
เขาสั่งอีกประโยคก่อนจะผลักประตูเข้าห้องทำงานของตนไปโดยไม่สนใจฟังคำตอบรับของใคร เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นพวกไม่จำเป็นต้องฟังใคร นอกจากสั่งการอย่างเดียว
 “คุณหนู..”คมน์เรียกเบาๆ
คุณหนูหันมามองคนพูด
“อยากได้อะไรระหว่างนั่งรอไหมครับ?”
เด็กสาวนั่งลงแล้วหันมายิ้มรับ
“ขอน้ำชาค่ะสักถ้วยได้ไหมคะ ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป..ขอเป็นชาดาร์จีลิงนะคะ”เด็กสาวยิ้มหวาน..ก็บอกเองว่าอยากได้อะไรก็บอกบอกตามที่อยากได้แล้วนะ
“ชาดาร์จีลิง!
คนรับคำสั่งอุทาน มันมีหน้าตาเป็นยังไงไอ้ชาดาร์จีลิงที่ว่าเนี่ย..เขาไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องชาเสียด้วยสิ
“เอ่อ..เกรงว่าที่นี่จะไม่มีนะครับ”
ชายหนุ่มอึกอัก พลางนึกในใจเจ้านายไปพานางมารน้อยตนนี้มาจากไหนวะเนี่ย..ที่มีอยู่ในทีเคกรุ๊ปยังไม่พออีกหรือไงคราวนี้เขาจะต้องผมหงอกก่อนวัยแน่ๆ คนที่ต้องคอยรับมือนางมารน้อยโอดครวญในใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันรอได้”
เพราะรู้ว่าไม่มีไงถึงได้ร้องขอ..เธอยังไม่อยากกลับบ้านในตอนนี้ กลับไปเจอแต่ความว่างเปล่า..ใครล่ะอยากจะกลับไปสู้นั่งเล่นอยู่ที่นี่ไม่ได้ อย่างน้อยก็พอมีคนเดินไปเดินมาให้เหลียวมองบ้าง
“งั้น..โปรดรอสักพัก..ใหญ่ๆนะครับ ผมจะให้คนไปหาซื้อมาให้ครับ”
คนที่ต้องต้อนรับแขกของเจ้านายพยายามปั้นยิ้มอย่างสุดความสามารถ เอาวะ..แค่ชาดาร์จีลิง เขาหาซื้อไม่ได้ก็ให้มันรู้ไป
“ขอบคุณค่ะ”เด็กสาวยิ้มหวานรับ

“อ้าว! ทำไมยังไม่กลับอีกล่ะ?”
ติณห์เปิดประตูห้องทำงานออกมา ก็ต้องอุทานอย่างแปลกใจเมื่อเห็นคนที่สมควรกลับไปนานแล้วยังนั่งทำหน้าป๋อหลออยู่หน้าห้องเช่นเดิม
“เอ่อ..นั่งรอดื่มชาอยู่ค่ะ”
เด็กสาวตอบเบาๆ ไม่ยอมสบตา ..ก็นึกว่าจะหมกอยู่ในห้องทำงานทั้งวัน แล้วทำไมโผล่ออกมาเร็วนักล่ะ เธอกำลังคุยสนุกๆกับเลขาของเขาอยู่เลย
“ชาอะไร?”ชายหนุ่มถามเสียงแข็ง พลางตวัดสายตามองลูกน้องของตนที่ยิ้มแห้งๆส่งมาให้
“ชาดาร์จีลิงผมกำลังให้คนไปหาซื้ออยู่ครับ”
มือขวาตอบเบาๆ พลางแอบกลืนน้ำลาย ก็เขาไม่รู้นี่ว่าเด็กสาวคนนี้มีความสัมพันธ์ระดับไหนกับเจ้านาย..แต่มาด้วยกันอย่างนี้..เดาว่าก็คงไม่ใช่ระดับธรรมดาแน่ๆ
ติณห์ได้ยินคำตอบ เส้นเลือดตรงขมับก็เต้นตุ๊บๆคล้ายจะแตก จนเขาต้องหลับตาลงยัยเด็กนี่ตั้งใจจะกวนประสาทเขาจริงๆใช่ไหม
“ก็คุณบอกเองว่าอยากได้อะไรก็บอก..
คนที่แกล้งถ่วงเวลากลับบ้านบอกเสียงอ่อย เมื่อรู้สึกว่าคนตรงหน้าจะไม่พอใจตนจริงๆแล้ว
“เขาขับรถมาให้หรือยัง?”
ติณห์ตั้งคำถามใหม่ พยายามนับหนึ่งถึงสิบในใจเพื่อข่มอารมณ์
“ได้แล้วค่ะ”คนที่ได้รถแล้ว แต่ยังไม่อยากกลับบ้านตอบรับเสียงเบา
“ได้แล้ว ก็กลับบ้านไปซะ”
เจ้าของสถานที่ไล่อย่างไม่ไว้หน้า..เขาไม่อยากรับมือกับมารน้อยโรคจิตนานๆหรอกนะ งานของเขาเองก็กองสูงจะท่วมหัวอยู่แล้ว ถ้ายังต้องมาวุ่นวายกับเรื่องไร้สาระพวกนี้อีก เขาคงไม่ได้ทำงานทำการกันพอดี
“แต่”เด็กสาวหน้าเสียเธอไม่อยากกลับบ้านไม่อยากกลับตอนนี้เลยจริงๆ
“แต่อะไรอีกล่ะ?”คนเย็นชาถามเสียงแข็ง
“ฉันไม่อยากกลับ ยังไม่กลับตอนนี้ได้ไหมคะ? ฉันสัญญาว่าจะกวนทำงานของพวกคุณหรอก แต่ขอให้ฉันอยู่ที่นี่ด้วยสักพักได้ไหม?”
คนไม่อยากกลับบ้านเงยหน้าขึ้นขอร้องน้ำตาคลออย่างน่าสงสาร เธอไม่อยากกลับเข้าไปอยู่ที่คุมขังหรูหราแต่เงียบเหงานั่นเร็วนัก เพราะไหนๆวันนี้ก็ออกมาได้แล้ว ขออยู่ข้างนอกให้สบายใจสักวัน
คนออกปากไล่ เงยหน้าขึ้นกลอกตาก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ สุดท้ายก็จะพยักหน้าอนุญาตอย่างจำนน..เขาไม่ใช่คนใจร้ายขนาดผลักไสคนไม่มีที่ไปอย่างใจดำอย่างนั้น  ..เขาไปเก็บเด็กโรคจิตแถมมีปัญหาครอบครัวกลับมาด้วยหรือไงเนี่ย?
“ถ้าจะอยู่ต่อ ก็เข้าไปอยู่ในห้อง นั่งอยู่นี่ คนอื่นเขาทำงานเดี๋ยวไปเกะกะขวางทางเขา”
เด็กสาวลุกขึ้นเดินเข้าห้องทำงานไปอย่างว่าง่าย เจ้าของห้องมองตามก่อนจะส่ายหน้า และถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะหันมาสั่งมือขวา
 “ให้คนชงชากับซื้อเค้กมาให้สักชิ้น”
 “ต้องเป็นชาดาร์จีลิงไหมครับ?”ลูกน้องถามให้แน่ใจ ก็ตอนนี้ยังหาซื้อไม่ได้เลย
“ไม่ต้อง มีชาอะไรก็ชงมา อย่าเรื่องมาก”เจ้านายว่าเสียงเขียว
“ครับ”
คนโดนว่ารับคำคอย่น..เขาเรื่องมากที่ไหนกัน แขกของเจ้านายต่างหากเล่าที่เป็นคนสั่ง คนโดนทั้งขึ้นทั้งล่องแอบบ่นในใจ แต่ก็รีบไปจัดการตามคำสั่งโดยเร็ว หาไม่แล้วเขาอาจจะโดนสามเด้งในเรื่องเดียว
“อ้อ ให้คนหาหนังสืออะไร มาให้เด็กนั่นอ่านด้วยก็แล้วกัน”
เขาสั่งต่อก่อนจะหมุนตัวเดินไปผลักประตูเข้าห้องทำงาน และเห็นคนที่เข้ามาก่อนยืนมองดูภาพขนาดใหญ่ที่แขวนไว้ประดับห้อง
“ทะเลสวยจัง ที่ไหนหรือคะ?”
เด็กสาวถามอย่างสนใจ ภาพหาดทรายสีขาวสะอาดตา น้ำทะเลสีครามสดใสตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าใสช่างงดงาม น่าไปสัมผัสกับบรรยากาศแบบนี้สักครั้ง
“เกาะพันดาว ไทยแลนด์”ชายหนุ่มตอบเสียงอ่อนโยน เมื่อมีคนชื่นชมบ้านของตนเอง
“ไทยแลนด์หรือคะ? บ้านของคุณอยู่ที่นั่น?”เด็กสาวคาดเดาจากน้ำเสียงและแววตาที่อ่อนโยนของเขายามที่เอ่ยถึงสถานที่แห่งนี้
“ใช่”ติณห์ตอบรับ ใช่..ทีเคกรุ๊ป คือบ้านของพวกเขาที่ร่วมกันสร้างขึ้น
“ฉันอยากไปเที่ยวที่นี่จังเลย”เด็กสาววาดฝัน มันช่างงดงามนัก
“ถ้ามีโอกาส”เขาตอบโอกาสที่คนภายนอกน้อยคนนักจะได้ไปสัมผัส..ถ้าไม่ใช่คนพิเศษจริงๆก็ยากที่จะเข้าไปที่นั่นได้
“มีอะไรอยากระบายออกบ้างไหม?”ติณห์ถาม เมื่อนึกถึงแววตาของเด็กสาวเมื่อสักครู่นี้
เด็กสาวอึกอักลังเล จะให้เธอระบายอะไรกับเขาได้ ในเมื่อเขาไม่ใช่เพื่อน ไม่ใช่ญาติ จะว่าไปเธอยังไม่รู้จักเขาเลยด้วยซ้ำไป
“เอาเถอะ ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าอึดอัดจนทนไม่ไหว ระบายออกบ้างก็ดีนะ”ชายหนุ่มบอกเสียงอ่อนโยนขึ้น ก่อนจะชี้ไปยังมุมห้องซึ่งมีโซฟารับแขกวางจัดไว้อย่างสวยงาม
“ไปนั่งเล่นอยู่ตรงโน้นก่อน เดี๋ยวคมน์จะเอาน้ำชากับเค้กมาให้ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มก็บอกเขา แต่อย่าขออะไรที่มันทำให้เขายุ่งยากแบบชาดาร์จีลิงนั่นอีก เพราะงานเขาก็ยุ่งมากพออยู่แล้ว”เจ้าของห้องดักคอ
“ค่ะ” ตัวยุ่งรับคำอย่างสงบเสงี่ยม แค่เขาให้อยู่ที่นี่ต่อก็นับว่าใจดีมากแล้ว
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ คนคร่ำเคร่งอยู่กับงาน แถมยังต้องไปประชุมที่ห้องประชุมเกือบทั้งวัน กลับมาที่ห้องทำงานอีกทีก็มืดแล้ว เมื่อกลับเข้าห้องทำงานเขาก็ปิดโน๊ตบุ๊คและเก็บเอกสารสำคัญที่รอเซ็นอนุมัติเข้าตู้เซฟข้างโต๊ะทำงาน จากนั้นก็ลุกขึ้นบิดตัวแก้ขบเมื่อยก่อนจะก้าวออกจากห้อง แล้วหางตาของเขาก็เห็นคล้ายอะไรวางกองอยู่ที่โซฟาชุดรับแขก เมื่อหันขวับมามอง เขาก็ต้องเบิกโตคน..ใช่..คนจริงๆด้วย.. ยัยเด็กโรคจิตนั่น ยังไม่ได้กลับบ้านอีกหรือเนี่ย?
เมื่อดูนาฬิกาข้อมือ เขาก็ต้องส่ายหน้า..จะสองทุ่มแล้ว ป่านนี้พ่อแม่ไม่ห่วงแย่แล้วหรือเนี่ย เขาก็ลืมไปเลยว่าพาลูกสาวคนอื่นมาด้วย
“ตื่น ตื่นได้แล้วยัยขี้เซา”
เขาเดินไปเขย่าปลุกคนที่ยึดห้องทำงานคนอื่นเป็นห้องนอนตัวเองจนหัวสั่นหัวคลอน
“วันนี้แพทตี้ไม่ไปเรียนนะคะแด๊ดดี้”เด็กสาวละเมองึมงำ แล้วหลับต่อ
คนที่โดนเรียก แด๊ดดี้ขมวดคิ้วฉับวันนี้เธอก็โดดเรียนไปแล้วนี่
“ตื่น! ลืมตาขึ้นมาดูว่าที่นี่มันที่ไหน”คนที่เขย่าปลุกตะโกนกรอกหูคนขี้เซาเสียงดัง
“ทำไมแด๊ดดี้ต้องเสียงดังด้วย แพทตี้บอกแล้วไงว่าไม่ไปเรียน”เด็กสาวงอแงไม่ยอมตื่นท่าเดียว
คนที่พยายามปลุกเริ่มรำคาญ จึงกดอินเตอร์คอมสั่งงานคนที่อยู่หน้าห้อง
“คมน์ เอาน้ำเย็นจัดมาให้ฉันแก้วหนึ่ง ด่วนด้วย”
เพียงไม่ถึงหนึ่งนาที น้ำเย็นจัดก็ถูกนำมาเสิร์ฟ ด่วนตามที่ขอ แต่แทนที่คนขอจะดื่มดับกระหาย เขากลับควักผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋าเสื้อสูทก่อนจะเทน้ำเย็นนั่นราดจนชุ่มก่อนจะวางโปะลงบนหน้าคนขี้เซาที่นอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟารับแขก
“อ๊าย อะไรกันเนี่ย เย็นๆ”คนที่กำลังหลับสบายสะดุ้งตื่น
“หือ ยังไม่กลับอีกหรอครับ?”คมน์ถามอย่างแปลกใจ เขานึกว่าเธอกลับไปนานแล้วเสียอีก
“ถ้ากลับไปแล้ว จะเห็นแบบนี้ไหม?”คนถูกถาม ย้อนอย่างหงุดหงิด
“นึกว่าจะยังไม่ตื่นอีก จะได้ราดลงไปทั้งแก้ว”ชายหนุ่มว่า พร้อมกับชูแก้วน้ำเย็นในมือเป็นเชิงขู่
“ตื่นแล้วๆ อย่าราดลงมานะเย็นจะตาย”เด็กสาวโวยวาย
“ทำไมยังไม่กลับบ้านอีก?”ติณห์ถามเสียงแข็ง
“ก็..ฉันนอนหลับ”เด็กสาวอึกอักหาข้ออ้าง
คนรู้ทันจึงส่ายหน้า แต่ไม่ซักไซ้ต่อ
“เอาล่ะ กลับกันได้แล้ว”
“แต่”เด็กสาวค้าน
“ไม่มีแต่ นี่มันสองทุ่มแล้ว คนอื่นกลับกันหมดแล้วด้วย”เจ้าของห้องเสียงแข็ง
“ฉัน หิวแล้ว”
แพทริเซียเอามือกุมท้อง ตอนกลางวันยังดีที่มีแฮมเบอร์เหลืออีกชุดเธอจึงไม่จึงไม่ต้องอด แต่ตอนนี้ท้องของเธอเริ่มส่งเสียงประท้วงอีกแล้ว
ติณห์อดกลอกตาไม่ได้ เขาไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็กนะ อีกอย่างเด็กตรงหน้าก็โตเกินกว่าจะมีใครรับเลี้ยงแล้ว นอกจากพวกชอบ เลี้ยงต้อยเท่านั้น
“เอาไงดีครับเจ้านาย?”
คมน์อดกระซิบถามเจ้านายของตนไม่ได้
“นายขับรถของยัยเด็กนี่ตามฉันไปก็แล้วกัน เราต้องเอาตัวยุ่งไปส่งบ้านก่อน ขากลับฉันจะแวะส่งนายที่คอนโด..ทำไมฉันต้องมาเจอยัยจอมยุ่งนี่ด้วยวะ”คนเป็นเจ้านายสั่งการรวดเร็ว พร้อมกับบ่นในประโยคสุดท้ายอย่างหงุดหงิด
ทำงานเลิกดึกแล้ว ยังต้องพาตัวยัยยุ่งไปเลี้ยงข้าว แถมต้องขับรถอ้อมเมืองไปส่งเธอถึงบ้านอีก เขาไม่น่าถ่อไปหาวายร้ายนั่นให้เสียเวลาเลย ไปหรือไม่ไปก็มีค่าเท่ากัน แถมได้ตัวยุ่งติดรถมาอีก..แกว่งเท้าหาเสี้ยนจริงๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น