ตอนที่
9 เข้าไปอยู่ในถ้ำของสิงโต
“ลีโอกำลังสงสัยเด็กใหม่”
คนที่เดินเข้ามาในห้องมืดสลัวเพื่อรายงานคนที่นั่งรออยู่ก่อนที่เห็นเพียงเงาตะคุ่ม
“เด็กใหม่รึ?
ใครล่ะ?”อีกคนถามอย่างใคร่รู้
“ยังไม่ระบุตัว
แต่วันนี้มันให้พาเด็กใหม่ชาวเอเชียไปพบ แต่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร”คนมาใหม่รายงานต่อ
“อืม…น่าสนใจ บางทีเราอาจจะทำอะไรสะดวกขึ้นถ้ามีแพะ
คุณว่าไหม?”อีกฝ่ายถามความเห็น
“นั่นสิ
แล้วคุณจะทำยังไงลีโอถึงจะสนใจแพะของเรา?”
“ให้งานมันทำสิ
งานที่เฉียดเข้าใกล้โปรเจคของเรา แล้วโอนเงินให้มันก้อนใหญ่ๆ
แค่นี้ก็น่าจะทำให้ลีโอไขว่เขวได้”
“แต่ลีโอไม่ได้โง่”อีกฝ่ายค้าน
“ผมก็ไม่ได้ว่ามันโง่
แต่เราแค่อยากทำให้มันไขว่เขว ทำให้เราอาศัยจังหวะนี้ลงมือ
โปรเจคของเราใกล้สมบูรณ์แล้วใช่ไหม?”คนนั่งอยู่ถามขึ้น
“ใช่
ตอนนี้ทำได้เก้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว คาดว่าอีกไม่นานจะเสร็จสมบูรณ์”
“ดี
ผมเบื่อที่จะต้องอยู่ใต้กรงเล็บของคนอื่นเต็มที ทำงานกับมันมาตั้งนาน
แต่ไม่เห็นจะได้อะไรสมกับที่ลงทุนลงแรงไปเลย ช่างน่าเจ็บใจนัก”
“ใช่
ผมถึงชวนคุณมาร่วมมือกันไง รับรองเลยว่าถ้างานนี้เราทำสำเร็จ
สเปซมาร์สจะต้องเสียหายหนักไม่แน่อาจจะต้องปิดบริษัทไปเลยก็ได้
และเราสองคนก็จะก้าวขึ้นมาแทนทีมัน”คนกล่าวมั่นใจ เพราะเขาวางแผนนี้มานานมากแล้ว
นานจนสามารถซื้อใจผู้บริหารระดับสูงได้ทั้งหมด
“ผมรอเวลานี้อยู่
และอยากจะให้ถึงไวๆ เพราะผมเบื่อการรอคอยที่สุด”คนใจร้อนกล่าวอย่างอึดอัด
“ใจเย็นๆ
ผมรอมานานมากกว่าคุณไม่รู้ตั้งกี่ปี ผมยังรอได้ และตอนนี้ก็ใกล้ถึงเวลาที่เรารอคอยแล้ว
ผมไม่ยอมให้เกิดความผิดพลาดขึ้นแน่ๆ”
“ผมรู้
ผมเองก็จะไม่ยอมให้มีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้นได้เช่นกัน”อีกฝ่ายเห็นด้วย
“ดี ส่วนเรื่องแพะ ผมจะกลับไปหาวิธี
แล้วจะรายงานให้ทราบ”
“ดีมาก
รบกวนคุณด้วย”
“ได้
เชื่อมือผมเถอะ”คนรับไปจัดการรับรอง
“แน่นอน
เพราะเชื่อมือคุณ ผมถึงยอมร่วมมือกับคุณ”
“อืม…งั้นผมไปล่ะ”
อีกฝ่ายกล่าวลาพร้อมก้มหัวให้นิดหนึ่งก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไป
ปล่อยให้คนที่อยู่ในห้องนั่งเงียบๆอยู่เพียงลำพัง
เขาจะต้องก้าวออกจากอุ้งเท้าของลีโอนาร์ดให้ได้
และจะก้าวออกไปอย่างยิ่งใหญ่อีกด้วย คอยดูวันนั้นเถอะ ใครที่เคยปรามาสเขาไว้จะต้องยอมก้มหัวให้เขาด้วยความเคารพแทน
แล้ววันนั้น เขาจะหยามหยันพวกมันให้มากกว่าที่เขาเคยโดนมาให้สาแก่ใจ
-----------------------------
ทันทีที่ได้สิงโตยอมปล่อยตัว
ศศรานีก็ส่งรหัสขอความช่วยเหลือไปยังศูนย์บัญชาการใหญ่ทันที
ความจริงเธออยากจะเผ่นหนีเลยมากกว่า แต่ติดคำสั่ง ‘ห้ามทำอะไรนอกเหนือคำสั่ง’ ทำให้คนที่ต้องเผชิญหน้ากับสิงโตร้ายยังหนีไปไหนไม่ได้ เพราะระหว่างสิงโตเจ้าเล่ห์กับจอมมารที่รู้จักแต่คำว่า
‘ชนะโดยไม่เลือกวิธีใช้’ ถ้าจะต้องเลือกว่าอยากจะรับมือกับใคร
เธอขอเลือกสิงโตเจ้าเล่ห์มากกว่า
อย่างน้อยเขาก็ยังไม่รู้ทันเธอเหมือนกับจอมมารร้ายนั่นแน่ๆ
“ประ
ชุม เย็น นี้”
ข้อความตอบกลับเพียงสั้น
เป็นความหมายว่า เย็นนี้จะมีประชุมใหญ่ในฐานลับ
ศศรานีเก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋า
แสดงว่าตอนนี้เธอยังทำอะไรไม่ได้จนกว่าจะได้ผลสรุปจากที่ประชุม
หญิงสาวถอนหายใจยาวก่อนจะกลับไปที่ออฟฟิศเดิม
เพื่อเคลียร์งานที่ค้างให้คนในแผนกและเก็บของใช้ส่วนตัวซึ่งก็มีเพียงไม่กี่ชิ้น
เตรียมย้ายออฟฟิศ หรือถ้าโชคดี เธอก็อาจจะได้เผ่นหนีโดยไม่ต้องกลับมาทำงานที่สเปซมาร์สอีกเลยก็ได้
เพราะเธอไม่สนุกเลยที่จะต้องมารับมือกับสิงโตร้ายที่ชอบพูดจากวนอารมณ์นั่น คนแบบนี้น่าจะได้เจอกับปรายฟ้า
รับรองได้เลยว่านายสิงโตนี่จะต้องได้กลายเป็นใบ้ หรือไม่ก็พิกลพิการไปในเวลาเพียงกี่นาทีแน่
เอ…หรือว่าเธอจะขอให้ปรายฟ้าส่งยาพิษมาให้ดี จะได้เอาไว้ป้องกันตัวเผื่อนายนั่นกระโดดเข้ามาขย้ำหัวเธอ
หญิงสาวเริ่มคิดหาหนทางเอาตัวรอดจากสิงโตร้ายที่เอาแต่ใจตัวเอง
คนในแผนกต่างตกใจเมื่อรู้ว่าสาวน้อยหน้าใสจะต้องย้ายออฟฟิศกะทันหัน
หนุ่มๆบางคนถึงกับแสดงท่าแห้งเหี่ยวเมื่อความสดใสจะถูกพรากไปจากออฟฟิศ
เพื่อนๆในออฟฟิศอยากจะเลี้ยงส่งเธอในตอนเย็น แต่ศศรานีก็จำต้องปฏิเสธ
เพราะเธอมีนัดสำคัญที่ไม่อาจจะผิดนัดได้
ซึ่งพนักงานคนอื่นๆต่างคาดเดาว่าเธอมีนัดสำคัญกับหวานใจ
ทำให้หนุ่มๆหลายคนแสดงอาการใจสลายอย่างโอเวอร์แอคติ้งเรียกเสียงหัวเราะจากพนักงานคนอื่นๆไปทั่วทั้งออฟฟิศ
โดยไม่รู้เลยว่าพวกตนกำลังถูกจับตามมองผ่านกล้องวงจรปิดอยู่
และคนที่กำลังจับตามองก็กำลังหงุดหงิดกับภาพที่เห็น ฮึ…มีเสน่ห์เหลือเกินนะแม่สมัยน้อย ฉันปล่อยให้เธอได้โปรยเสน่ห์แค่วันนี้วันเดียวเท่านั้นแหละ
แล้วต่อไปอย่าหวังเลยว่าจะไปยิ้มแป้นอย่างนี้กับใครได้ เหยื่อที่เขาหมายตาไว้แล้ว คิดหรือว่าเขาจะปล่อยให้ใครมาชุบมือเปิบไปได้ง่ายๆ
-----------------------------------
ไฟกระพริบสีแดงที่วาบขึ้นบนโทรศัพท์มือถือทำให้คามินรีบเปิดไฟสัญญาณขอทางเพื่อหักรถไปจอดแอบไหล่ทางทันที
เพราะเขารู้ดีว่าสัญญาณนี้คือสัญญาณด่วน
และเมื่อเปิดอ่านข้อความภาษารหัสที่ส่งมาก็ได้ความว่า
“ประ
ชุม ที่ มิว นิค เย็น นี้”
คนที่ได้รับสำสั่งด่วนขมวดคิ้วเข้าหากันทันใด
‘ตัวร้ายเดียงสา’นั่น ก่อเหตุอีกแล้วใช่ไหม
แต่เขาไม่มีทางรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น จนกว่าจะประชุม
ตอนนี้ก็เกือบจะบ่ายสองโมงแล้วเขาจะต้องรีบกลับเข้าเมืองเพื่อจับเที่ยวบินให้ทันอย่างช้าที่สุดก็เที่ยวสี่โมงเย็น
แล้วเขาก็หันมองผู้ร่วมเดินทางที่กำลังมองมาที่เขาอย่างสงสัยใคร่รู้
“พี่มีงานด่วน
เดี๋ยวพี่จะไปส่งเราที่คอนโดก่อน”
“ฉันไปออฟฟิศกับพี่ก็ได้ค่ะ
ถ้าพี่ยุ่ง ตอนเย็นๆฉันจะนั่งแท็กซี่กลับเองก็ได้ไม่กวนพี่หรอก”โรซาเลียรีบบอกเพราะกลัวเขาจะรำคาญที่เธอชอบตามติดเขาอยู่เรื่อย
แต่เธอไม่อยากอยู่ห่างเขานี่นา
คามินถอนหายใจ
“พี่ไม่ได้เข้าออฟฟิศ แต่จะต้องเดินทางไปต่างเมือง”
“เมืองไหนคะ?”หญิงสาวซัก
“มิวนิค”
ชายหนุ่มตอบก่อนจะขับรถต่อเพื่อกลับเข้าเมือง
และโทรฯสั่งแม่บ้านให้จัดกระเป๋าเดินทางให้
และโทรฯไปสั่งงานมือขวาให้ทำงานแทนช่วงที่เขาไม่อยู่
“ฉันไปด้วย”คนชอบตาม
ขอตามเขาไปด้วยเช่นเคย
“ไม่ได้”
ชายหนุ่มทำเสียงดุ
งานนี้จะตามใจยัยตุ๊กแกน้อยนี้ไม่ได้แน่ๆ เพราะฐานลับจะให้คนนอกรู้เห็นไม่ได้โดยเด็ดขาด
“ฉันไม่ตามพี่ไปหรอกน่า
ฉันจะกลับบ้าน ถ้าพี่ทำงานเสร็จแล้วก็ไปรับฉันกลับมาด้วยก็แล้วกัน นะ นะ”หญิงสาวอ้อน
“จะตามกลับมาทำไมอีก
ทำไมไม่อยู่บ้านเลยล่ะ”อีกคนแกล้งว่า
“พี่รำคาญฉันแล้วเหรอ?”คนโดนรำคาญทำหน้ามุ่ยน้ำตาเอ่อเพราะน้อยใจ
“เฮ้ย! ไม่ใช่ อย่าร้องไห้น่า ไหนว่าไม่ใช่เด็กไง แล้วนี่อะไร
อะไรนิดอะไรหน่อยก็ร้องไห้งอแง”
คนแพ้น้ำตาผู้หญิงรีบบอก
เพราะเขาไม่รู้ว่าจะรับมือกับผู้หญิงเจ้าน้ำตาอย่างไรดี ที่ผ่านมาถ้ามีใครเป่าปี่เขาก็จะรีบชิ่งหนีให้เร็วที่สุด
แต่ตอนนี้หนีไปไหนไม่ได้นี่สิ
คนโดนว่า‘ร้องไห้เป็นเด็ก’รีบเช็ดน้ำตา ความจริงเธอก็ไม่ใช่คนขี้แยหรอก
แต่ไม่รู้ทำไมแค่เขาพูดแค่นี้ เธอก็น้อยใจจนอยากจะร้องไห้ก็ไม่รู้
“พี่ให้ฉันไปด้วยใช่ไหม?”แม้จะน้อยใจแต่ก็ยังไม่ละความพยายาม
อีกฝ่ายถอนหายใจอย่างยอมจำนน
“ก็ได้ แต่อย่าขนกระเป๋าไปมากมายเหมือนวันนั้นอีกนะ พี่ไม่มีเวลาช่วยเราจัดการกับกระเป๋ากองโตแบบนั้นแน่”เขาขู่
“ได้ค่ะ
ฉันจะไม่เอากระเป๋าไปเลย พี่จะได้ไม่ยุ่งยาก”คนที่อยากตามไปด้วยรีบบอกอย่างยินดี ก็ที่คฤหาสน์เธอมีพร้อมอยู่แล้ว
จะขนไปทำไมให้เหนื่อยแค่วันนั้นก็เข็ดแล้ว
คนอนุญาตส่ายหน้า
“หาไลน์ของซาร่า แล้วถ่ายรูปบัตรประจำของตัวเราส่งไป เธอจะได้จองตั๋วเครื่องบินให้พร้อมกัน”
เขาส่งโทรศัพท์มือถือของตนเองไปให้คนที่นั่งว่างอยู่ข้างๆ
เพราะตนกำลังขับรถไม่สะดวกจะจัดการอะไรในตอนนี้ หญิงสาวรีบทำตามคำสั่ง
“บอกให้ซาร่าจองตั๋วเที่ยวสี่โมงเย็นนะ
จะได้ไปถึงโน้นเร็วหน่อย”คนที่กำลังขับรถสั่งต่อ
“ค่ะ
แล้วมีอะไรอีกไหมคะ?”
หญิงสาวถาม
หลังจากพิมพ์ข้อความสั่งงานเลขาสาวตามคำสั่งของเขาเสร็จ เมื่อเห็นเขาเงียบไปก็แอบดูไลน์ของเขาว่ามีสาวๆเป็นเพื่อนในไลน์มากไหม
แล้วก็ยิ้มแก้มปริ เมื่อไลน์ของเขามีผู้หญิงเป็นเพื่อนแค่คนเดียวก็คือเลขาของเขานั่นเอง
“อย่าซน
เอาโทรศัพท์คืนมา”
เจ้าของโทรศัพท์สั่งเมื่อเห็นอีกคนชักจะก้าวข้ามขั้นถึงกลับไปแอบดูไลน์ส่วนตัวของเขา
แต่เขาไม่ต้องระวังอะไรหรอก เพราะเขาไม่มีข้อความลับอยู่ในไลน์อยู่แล้ว เพราะข้อความลับนั้นมันจะเลือนหายทันทีที่คนรับเปิดอ่าน
และที่สำคัญมันเป็นภาษารหัสที่รู้กันเฉพาะกลุ่มเท่านั้น
“ฉันแอดไลน์ของพี่นะ”
คนที่มีโอกาสไม่ยอมปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไปง่ายๆรีบแอดเขาเป็นเพื่อนในไลน์ของตนทันที
พร้อมกับเพิ่มตนเป็นเพื่อนในไลน์ของเขาด้วยเช่นกัน
แถมยังส่งข้อความตอบโต้กันในไลน์อย่างนึกสนุก
“อย่าซนน่า”
คามินปราม
ก่อนจะยื่นมือหมายคว้าโทรศัพท์คืน แต่คว้าผิดได้มือนุ่มมาแทน เขาจึงรีบปล่อยมือ
แต่..คนบางคนไม่ยอมปล่อยโอกาสหลุดลอยไปกลับจับมือเขาไว้แน่น
พร้อมกับอมยิ้มทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แต่แก้มแดงปลั่งอย่างเห็นได้ชัด
คนถูกจับมือไว้ถึงกลับส่ายหน้า แต่ก็อดที่จะอมยิ้มตามไม่ได้
“พี่กำลังขับรถนะ”
เขาติงแต่ไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก
ขับรถมือเดียวบนถนนว่างๆก็ไม่มีอะไรน่ากังวลนักหรอก เพียงแต่ไม่อยากให้ใครบางคนได้ใจจนเกินไป
คนถูกทักท้วงยอมปล่อยมือให้เขากลับไปทำหน้าที่สารถีได้อย่างเต็มที่
แต่เอนหัวไปซบไหล่ของเขาแทน ก็เธออยากอยู่ใกล้ชิดเขานี่นา จับมือไม่ได้
ซบไหล่ก็ยังดี
คนที่ถูกแตะอั๋งตลอดถึงกลับส่ายหน้า
‘ยัยเด็กบ้า จะยั่วกันไปถึงไหน’
เมื่อถึงมิวนิค
คามินก็เรียกรถแท็กซี่เพื่อพาโรซาเลียไปส่งที่บ้านก่อน
เมื่อเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่เขาก็พยักหน้ากับตนเองว่าที่เคยคิดไว้นั่นถูกต้องแล้ว ‘ยัยคุณหนูลูกเศรษฐี’ แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก
เพราะเขาเองก็ใช่ว่ายากจนค้นแค้นห่างชั้นกับเธอจนไม่สามารถอาจเอื้อม และที่สำคัญเขากับเธอเพิ่งเจอกันยังไม่นาน
จึงไม่ควรจะคิดวิตกกังวลไกลเกินไป
และเมื่อส่งเธอเสร็จเขาสั่งให้รถแท็กซี่ไปส่งเขาใกล้ๆจุดหมาย
เมื่อจ่ายเงินค่าแท็กซี่แล้วเขาก็เดินเข้าไปในร้านกาแฟเล็กๆที่มีทางลับเชื่อมต่อไปยังฐานลับที่ถ้าไม่ใช่คนในจะไม่มีทางรู้เลยว่าร้านกาแฟเล็กๆแห่งนี้มีช่องทางลับ
พวกเขาซื้อตึกหลังนี้ไว้ตั้งแต่ที่พวกเขามาเรียนมหาวิทยาลัยแถบนี้เมื่อหลายปีก่อนเพื่อเป็นจุดนัดพบกันของเหล่าเด็กอัจฉริยะ
แต่ด้วยความที่ฉลาดเกินไปจึงไม่ชอบอะไรที่ง่ายๆ
พวกเขาจึงช่วยกันทำมันให้กลายเป็นฐานลับขึ้น และตอนนี้มันก็กลายเป็นฐานลับขึ้นมาจริงๆ
ชนิดที่คนภายนอกไม่มีทางที่จะเข้าหรือออกจากที่นี่ได้เลยถ้าไม่มีพวกเขามาด้วย
เมื่อคามินก้าวเข้าไปด้านในปรากฏว่ามีคนมารออยู่แล้วสามคน
ทั้งสามกำลังปรึกษากันเบาๆ และเมื่อเขาเข้าไปสมทบ ทั้งสามจึงหันมาหารือกับเขาด้วย
ทั้งสี่ปรึกษากันอยู่ร่วมชั่วโมง ‘ตัวร้ายเดียงสา’จึงเดินทางมาสมทบ และเมื่อต้นเหตุเดินทางมาถึง คนที่รออยู่ก็ติดต่อไปยังฐานหลักในทันที
“นายสิงโตนั่นสั่งย้ายจันทร์เจ้าไปทำงานที่ออฟฟิศด้านใน”คนก่อเหตุบอกถึงเหตุผลที่ตนจะต้องร้องขอความช่วยเหลือโดยด่วน
“ออฟฟิศที่ควบคุมการประกอบยานอวกาศ?”คนที่ยังอยู่ทะเลทรายถาม
“อืม
ไม่แน่ใจ”
คนถูกย้ายกะทันหันตอบ
เพราะเธอไปแค่ออฟฟิศเท่านั้นยังไม่เห็นส่วนอื่นๆ แต่คนที่อยู่ไกลถึงทะเลทรายกลับรู้ว่าเป็นออฟฟิศที่ใช้ควบคุมการประกอบยานอวกาศ
“ใช่แน่
ออฟฟิศนั่นมีระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยม”อีกฝ่ายยืนยันเหมือนตนได้สำรวจมากับตา
“แล้วจะทำยังไง
ให้จันทร์เจ้าชิ่งเลยดีไหม?”
ตัวร้ายเดียงสาอยากจะถอนตัว
เพราะที่คุมขังใหม่มีระบบรักษาความปลอดภัยดีเกินไป ถ้าเกิดฝ่ายนั้นจับได้เธอ ‘แหก’คุกออกมาด้วยตัวเองไม่ได้แน่
“ไม่ได้
ตอนนี้เขาหันไปจับตาพนักงานแทนแล้ว
เพราะไอ้คนสวมรอยมันดันทิ้งรอยให้จับได้ว่าเป็นคนในก่อเหตุ”จอมบงการสั่ง
“แล้วเราจะทำอย่างไรดี?”
‘คนใน’เริ่มจะอยู่ไม่สุขเมื่อบ่วงแร้วเริ่มรัดเข้ามาใกล้ตัวเรื่อยๆ
“ก็อย่างที่บอก
ไม่ต้องทำอะไร เราจะจัดการเอง
จันทร์เจ้าก็ไปอยู่ที่นั่นมีหน้าที่เรียนรู้ให้ได้มากที่สุด
รู้ไหมว่าเขากำลังสร้างยานอวกาศจะไปสำรวจดาวไททัน
เพื่อเตรียมอพยพคนไปอยู่บนดาวนั้น ถ้าสเปซมาร์สทำได้จริงรับรองเลยว่าพวกเศรษฐีทั้งหลายจะต้องแห่ไปจองบัตรเพื่อเตรียมย้ายบ้านหนีน้ำท่วมโลกแน่”
“ยานอวกาศสำรวจดาวไททัน?”คนที่เพิ่งรู้ข่าววงในตาโตขึ้นทันที
น่าสนใจมาก
“ใช่
ดังนั้นไม่ต้องคิดจะหนีหรอก นี่เป็นโอกาส
ไม่แน่เราอาจจะสามารถสร้างทีเคทูส่งไปสำรวจดาวไททันก่อนที่ยานอวกาศของสเปซมาร์สจะสร้างเสร็จก็ได้”
จอมวายร้ายยุส่ง
ไหนๆก็หนีออกมาตอนนี้ไม่ได้แล้ว ดังนั้นจะต้องพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส
และคนที่คลั่งไคล้เรื่องนี้เป็นทุนอยู่รับรองเลยว่า‘สู้ตาย’
“ได้
จันทร์เจ้าจะเข้าไปทำงานที่นั่น”คนที่คิดจะเผ่นหนีเปลี่ยนใจทันที ตามแรงยุของคนมากด้วยเล่ห์
“ดี..เอาล่ะเรามาวางแผนกันว่าจะทำอย่างไรไม่ให้สเปซมาร์สจับได้
แถมเรายังได้ทีเคทูไททันอีกด้วย”
คนที่วางแผนจะยิงปืนนัดเดียวได้นกสามตัว
คือหลบภัย ได้ดาวเทียมดวงใหม่ และลากคนสวมรอยออกมา
เริ่มอธิบายถึงแผนการให้คนที่เข้าร่วมประชุมได้รับทราบและปฏิบัติตาม…งานนี้จะต้องได้กับได้เท่านั้น…คนที่‘ต้องชนะ’โดยไม่เลือกวิธีใช้เริ่มเดินหมากในกระดานของตน
เพื่อบีบให้คู่แข่งเดินตาม
การประชุมลับจบลงเพียงไม่นาน
แต่งานที่ทุกคนได้รับกลับไม่น้อยตามเวลาที่ใช้ประชุมเลย เพราะแผนการแยบยลนั้นจะต้องใช้ฉากหน้าหลายองค์กร
และการที่จะใช้องค์กรเหล่านั้นเป็นทางผ่านก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกใหม่
เพราะสำหรับคนที่ต้องชนะโดยไม่เลือกวิธีใช้นั้นทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น