ตอนที่
12 สมันน้อยโดนรังแก
หลังจากออกจากห้องของสิงโตร้าย
ศศรานีก็ส่งข้อความไปขอความช่วยเหลือทันที เธอจะอยู่ใกล้กับผู้ชายที่สามารถชัทดาวน์สมองของคนอื่นได้แบบนี้ไม่ดีแน่ๆ
ถ้าโดนชัทดาวน์บ่อยๆสมองของเธอไม่ออเร่อไปเลยเหรอ
“มีอะไร?”
คราวนี้ข้อความเด้งขึ้นบนหน้าจอคอมพิวเตอร์แทน
แสดงว่าคนที่ส่งข้อความมาสามารถแฮกเข้าเครื่องของเธอได้แล้ว
“นายนั่นสามารถชัทดาวน์สมองคนอื่นได้”คนโดนชัทดาวน์สมองบอกอย่างกังวลใจ
“ทำยังไง?”
คำถามสั้นๆ
แต่คนตอบเริ่มหายใจติดขัดเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตอนนี้ยังรู้สึกแน่นหน้าอก
คล้ายอากาศไม่พอหายใจอยู่เลย พลังงานไฟฟ้าก็แล่นไปมาทั่วร่างจนร้อนวูบวาบไปหมด
“ว่าไง?”คนที่ใจร้อนถามย้ำ
ทำให้คนที่อ้ำอึ้งไม่มีทางเลี่ยง
“นายนั่นใช้ปากสูบพลังงานไฟฟ้าออกไป
ทำให้สมองของจันทร์เจ้าช็อต จนชัทดาวน์ไปเลย”
คนโดนสูบพลังไฟฟ้าออกจากตัวบรรยาย
ตอนนี้ยังรู้สึกว่าพลังงานไฟฟ้าในตัวยังไม่ค่อยเสถียรเลย เอ..หรือว่านายนั่นจะเป็นมนุษย์ต่างดาวที่ปลอมตัวมาอาศัยอยู่บนโลกโดยอาศัยสูบพลังงานจากมนุษย์โลกคนอื่นๆไปล่อเลี้ยงชีวิตตนเอง
คนที่ชอบดูหนังแนวมนุษย์ต่างดาวเริ่มจินตนาการไปไกล
แต่คนที่ได้อ่านข้อความถึงกับนิ่งงันไป
สถานการณ์ไม่น่าไว้ใจเสียแล้ว แต่จะถอยก็ไม่ได้ ทำได้แค่เดินหน้าต่อเท่านั้น
“จะส่งคนไปช่วย
แต่ตอนนี้ระวังตัวอย่าให้โดนช็อตได้อีกล่ะ ถ้ามีอะไรไม่น่าไว้ใจก็ชิงลงมือก่อนอย่างที่สอนไป
เข้าใจนะ”
“แล้วจะคิดหาวิธีเอาคืนให้”คนที่ไม่เคยยอมใครบอกทิ้งท้ายก่อนจะเปิดโปรแกรมติดต่อไป
เมื่ออ่านข้อความศศรานีก็ใจชื้นขึ้น
ถ้ามีคนมาคอยช่วยเหลืออยู่ใกล้ๆก็น่าจะดี เพราะเธอเคยชินกับการมีคนคอยห้อมล้อมดูแลราวกับไข่ในหิน
ถึงแม้จะอึดอัดบ้างแต่ก็ปลอดภัยกว่าที่จะต้องรับมือกับสถานการณ์ต่างๆเพียงลำพังเช่นนี้
เที่ยงตรงลีโอนาร์ดก็เดินออกมาจากห้องทำงานของตน
แล้วเขาก็เห็นหญิงสาวที่เขากะจะชวนไปรับประทานอาหารกลางวันด้วยกันกำลังยืนคุยอยู่กับมือขวาของเขาอย่างสนิทสนม
และดูเหมือนว่าจะมีคนมาชวนเธอตัดหน้าเขาเสียแล้ว
“จะไปไหนกันเรอะ?”
เจ้านายใหญ่แกล้งก้าวยาวๆเข้ามาคั่นกลางพร้อมกับถามลอยๆ
แต่ตาเขม้นมองหญิงสาวที่กระโจนถอยฉากห่างจากเขาทันทีในรัศมีสองเมตร..ฮึ..คิดว่าไปยืนอยู่ตรงโน้นแล้วเขาจะคว้าตัวไม่ถึงหรือไง
คนที่ทำให้คนอื่นหวาดผวาคิดอย่างเคืองๆ
“ผมมาชวนซาซ่าไปหาอะไรทานน่ะครับ
เพราะเธอเพิ่งจะมาทำงานที่นี่กลัวว่าจะไม่คุ้นกับที่ทางสักเท่าไหร่”
อีวานตอบพร้อมกับรอยยิ้มแหย
เมื่อรู้สึกว่าเขาจะแสดงน้ำใจผิดที่ผิดทางไปหน่อย
“งานที่ฉันสั่งไปเสร็จแล้วเหรอ?”
เจ้านายทวงงานเหมือนจะไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้พักเที่ยงเลย
คนโดนทวงงานจึงยิ้มแหยพร้อมกับส่ายหน้า แล้วหันไปหาคนที่เผ่นไปยืนอยู่ห่างๆอย่างขออภัย
“เอ่อ
ขอโทษนะครับซาซ่า เผอิญว่างานของผมยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี
ผมขอตัวกลับไปเคลียร์งานก่อน
ถ้ายังไงคุณไปกับมิสเตอร์ไวด์เดอร์ก็ได้นะครับ”ลูกน้องรีบชง
“ลีโอ”
เจ้านายขัดเสียงเข้ม
ไม่รับลูกชงเพราะอยากให้ใครบางคนเรียกชื่อเล่นของตนไม่ใช่‘มิสเตอร์ไวด์เดอร์’ คนชงผิดรีบเผ่น
ปล่อยให้คู่กรณีเคลียร์กันเอง ต่อไปนี้เขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวแล้ว
ก็เพิ่งจะเห็นเจ้านายแสดงอาการ‘หวงก้าง’ก็คราวนี้เอง
“ไม่เป็นไรค่ะ
มิสเตอร์โลออฟ”
ศศรานีกล่าวกับคนที่หันหลังกลับเมื่อมีสิงโตตัวใหญ่มาแยกเขี้ยวไล่
ก่อนจะหมุนตัวเดินหนีไปเฉยๆ
ลีโอนาร์ดมองตามคนที่หมุนตัวเดินหนีไปต่อหน้าต่อตาด้วยอารมณ์โกรธกรุ่น
ทีกับมือขวาของเขาเจ้าหล่อนกลับพูดจาหน้าระรื่น
แต่พอเขามากลับเผ่นไปยืนอยู่ตั้งไกล แถมเดินหนีไปไม่พูดไม่จา ฮึ..คิดว่าจะหนีเขาพ้นหรือไง
คนที่จะต้องได้ทุกอย่างดังใจก้าวตามคนที่เดินหนีไปด้วยความหงุดหงิด
และเมื่ออีกฝ่ายจะก้าวขึ้นรถเขาก็ก้าวไปยืนขวางประตู ทำให้คนที่ตื่นตัวอยู่แล้วรีบถอยฉากห่างออกในระยะปลอดภัยในทันที
เมื่อเห็นอีกฝ่ายกระโดดไปยืนอยู่ไกลๆเขาก็ปิดประตูรถ
แล้วก็กอดอกยืนขวางทางพลางเลิกคิ้วขึ้นกวนอารมณ์คนมอง ‘ดูสิว่าจะทำยังไงต่อ’
“กรุณาถอยออกจากรถของฉันด้วย
มิสเตอร์ไวด์เดอร์ ฉันต้องใช้รถ ”
เจ้าของรถยืนขู่ฟ่ออยู่ไกลๆ
กะว่าถ้าเขากระโจนใส่เธอจะได้กระโดดหลบทัน
“ก็ใช้สิ”คนที่ยืนขวางทางบอก
พร้อมกับยักไหล่เป็นความหมายว่าเขาไม่ได้ห้ามสักหน่อย
“คุณก็ถอยออกมาสิ
ไปยืนขวางอยู่อย่างนั้น ฉันจะเปิดประตูรถได้ยังไง”คนที่โดนขวางทางบอกเสียงเขียว
ก็ยืนเป็นยักษ์ปักหลั่นขวางทางอยู่อย่างนั้นใครจะผ่านไปได้ล่ะ
คนยืนขวางทางยอมถอยห่างตามคำขอ
แต่มุมปากยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ คนที่ยืนมองอยู่ไกลๆ ขยับเดินเข้าใกล้รถของตนขณะที่ตาจ้องมองเขาไม่กระพริบ
เหมือนสมันน้อยขี้ระแวง
ลีโอนาร์ดเห็นท่าทีของคนขี้ระแวงแล้วอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ
‘เด็กหนอเด็ก คิดอะไรก็แสดงออกมาหมด’
แล้วเขาก็แกล้งขยับตัว คนที่ขยับเข้ามาใกล้รถกระโจนที่เดียวกลับไปยืนที่จุดเดิมด้วยใบหน้าตื่นตระหนก
คนแกล้งทนไม่ไหวก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังสนั่นจนพนักงานที่ทยอยออกจากออฟฟิศต่างชะงัน
เพราะไม่เคยเห็นซีอีโอหนุ่มหัวเราะดังลั่นแบบนี้มาก่อน
คนที่โดนแกล้งแถมยังโดนหัวเราะเยาะโมโหจนกระทืบเท้าอย่างแค้นใจที่ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้
น้ำตาเริ่มเอ่อเพราะโกรธจัด
เมื่อเห็นคนโดนแกล้งกำลังจะร้องไห้
คนที่กำลังหัวเราะก็ชะงักงันทันใด เขาโยกมือขึ้นทั้งสองข้างเป็นเชิงยอมแพ้
“ขอโทษ
ผมขอโทษซาซ่า”ชายหนุ่มกล่าวขอโทษอย่างรู้สึกผิด
ยิ่งได้ยินคำขอโทษน้ำตาก็ยิ่งไหล
เธอไม่เคยโดนใครรังแกแบบนี้มาก่อนเลย เพราะเหล่าวายร้ายต่างดูแลปกป้องเธอราวกับไข่ในดงจงอาง…ดังนั้นอย่าว่าแต่แกล้งเลย แค่เดินเฉียดยังโดนจงอางร้ายฉกอาการปางตายแล้ว…แต่ตอนนี้ เธออยู่เพียงลำพังไม่มีใครคอยดูแล
แถมยังเจอคนนิสัยไม่ดีอย่างนี้อีก จะไม่ให้เธอโกรธจนร้องไห้อย่างนี้ได้อย่างไร
“โอ๋
โอ๋ นิ่งซะนะเด็กดี ผมไม่แกล้งคุณแล้ว”คนขี้แกล้งปลอบเสียงนุ่ม
ยิ่งเห็นน้ำตาที่ไหลเป็นสายลงอาบสองข้างแก้มเขาก็ยิ่งรู้สึกผิดจนเจ็บแปลบที่หน้าอก
“ผมขอโทษ อย่าร้องไห้อีกเลยนะคนเก่ง”
ชายหนุ่มปลอบโยนเหมือนปลอบเด็ก
เมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ร้องไห้โวยวายแต่น้ำตาที่ไหลเป็นสายและแววตาที่มองมาอย่างตัดพ้อนั้นก็ทำให้คนที่เคยหัวเราะทำอะไรไม่ถูก
เป็นครั้งแรกที่สิงโตร้ายไม่รู้ว่าควรจัดการกับเหตุการณ์ในขณะนี้อย่างไรดี
เมื่อได้ยินคำขอโทษอย่างจริงใจพร้อมคำสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะจากปากของเขา
คนที่โกรธจนร้องไห้ก็รู้สึกดีขึ้น น้ำตาที่ไหลราวสายน้ำก็เริ่มลดลง
“คุณจะไม่แกล้งฉันอีกจริงๆนะ”
แม้จะรู้สึกดีขึ้น
แต่ก็ยังระแวงเขาอยู่ ใครๆก็บอกว่าเขานั้นเจ้าเล่ห์กันทั้งนั้น
จะให้เธอเชื่อใจเขาง่ายๆได้ยังไงกัน
“จ๊ะ
ไม่แกล้งแล้ว”
คนให้สัญญาชูนิ้วมือสามนิ้วเป็นเครื่องหมายปฏิญาณตน
พร้อมกับยิ้มอ้อนที่สาวไหนเห็นจะต้องอ่อนระทวย ‘เสร็จ’ไปทุกราย แต่คนขี้ระแวงไม่ได้อ่อนระทวยเลยแม้แต่น้อย
เพราะมัวห่วงความปลอดภัยของตนอยู่ จึงไม่ได้สนใจเสน่ห์ที่ชายหนุ่มพยายามโปรยใส่เลย
“คุณจะไม่ชัทดาวน์สมองของฉันอีกด้วย?”คนโดนชัทดาวน์สมองถามต่อ
‘ชัทดาวน์สมอง’แค่ได้ยินศัพท์ใหม่ที่ใช้แทน ‘จูบ’คนที่พยายามจะปั้นหน้าสำนึกผิดก็แทบปล่อยก๊ากอีกรอบ
แม่คุณเอ๋ย ไปอยู่โลกไหนมาถึงได้ไร้เดียงสาขนาดนี้
ตอนนี้เด็กห้าขวบก็รู้แล้วว่าที่เขาทำนั้นเรียกว่าอะไร แต่คนตรงหน้านี้เหมือนจะไม่รู้จักจริงๆ
ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจยาว
“จ๊ะ
ผมจะไม่ชัทดาวน์สมองคุณอีก” แต่มือข้างหนึ่งที่ซ่อนอยู่ด้านหลังเอานิ้วไขว่กันไว้
เป็นความหมายว่า ‘โกหก’
เมื่อได้ยินคำสัญญาหนักแน่นจากเขา
คนที่ขี้ระแวงก็ลดเกราะป้องกันลง แต่ยังไม่ยอมขยับเข้ามาใกล้
“เลิกมองผมอย่างนั้นได้แล้วน่าซาซ่า
เราไปหาอะไรกินกันเถอะ
นี่จะเที่ยงครึ่งแล้วนะ”ลีโอนาร์ดบอกคนขี้ระแวงเสียงอ่อนอกอ่อนใจ
“ฉันจะไปคนเดียว”คนที่ยังไม่ไว้ใจใครง่ายๆบอก
“ผมขอไปด้วยคนไม่ได้หรือไง?”ชายหนุ่มถามเสียงอ้อนพร้อมกับทำตาละห้อยน่าสงสาร
คนที่ยืนมองถึงกับกระพริบตาปริบๆ
‘คนอะไร ช่างเปลี่ยนหน้าได้รวดเร็วยิ่งนัก
เมื่อกี้ยังทำหน้ายักษ์อยู่เลยแท้ๆ แต่ตอนนี้กลายเป็นแมวขี้อ้อนไปแล้ว’
“น่า
ซาซ่า ไปรถคันเดียวกัน ประหยัดน้ำมันแถมยังช่วยลดโลกร้อนอีกนะ”คนที่เพิ่งจะคิดทำดียกแม่น้ำทั้งยุโรปมาหว่านล้อม
“รถฉันคันเล็ก”
เจ้าของรถคันเล็กหาเหตุผลมาปฏิเสธ
เพราะขืนรับเขาไปด้วย เธอไม่ต้องนั่งตัวลีบติดประตูหรือไง ก็เขาตัวโตขนาดนั้น
คนที่โดนปฏิเสธยิ้มแป้นทันใดเมื่อได้ยินประโยคนั้น
เพราะถ้าให้เขานั่งรถกระป๋องคันนั้นรับรองเลยว่าหัวเขาจะต้องชนหลังคารถแน่
“ไปรถผมก็แล้วกัน”
คนที่รอโอกาสอยู่ก้าวอย่างรวดเร็วไปฉุดข้อมือคนที่ยืนอยู่ไกลๆโดยอีกฝ่ายไม่มีโอกาสที่จะกระโดดหนีได้เลย
ทั้งๆที่มั่นใจว่าตัวเองยืนอยู่ในระยะปลอดภัยแล้วแท้ๆ
ลีโอนาร์ดลากหญิงสาวที่กำลังใจตกใจที่ทำได้แค่เบิกตาโตไปยังรถของตนเองที่จอดอยู่ไม่ห่าง
และรีบยัดอีกฝ่ายเข้าไปในรถและรีบวิ่งอ้อมขึ้นไปนั่งฝั่งคนขับ
โดยไม่เปิดโอกาสให้ใครได้เผ่นลงรถได้ทัน เมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์แล้ว
เขาก็หันมายิ้มกับคนที่หันมองเขาหน้าตื่น ‘ช่างเหมือนสมันน้อยตื่นภัยจริงๆ’
“คุณชอบทานอะไรเป็นพิเศษไหมซาซ่า?”คนที่กำลังขับรถถามขึ้นเสียงอ่อนโยนเอาใจ
แต่คนที่ถูกเอาใจมองเขาอย่างระแวงไม่เลิก
“ไม่ค่ะ” เธอตอบปฏิเสธ
“งั้นมื้อนี้เป็นอาหารฝรั่งเศสก็แล้วกัน
มื้อต่อไปก็เวียนไปเรื่อยๆคุณจะได้ไม่เบื่อ”คนที่คิดเองเออเองสรุปเองและวางแผนเองบอก
คนที่โดนสรุปง่ายๆถึงกลับหันขวับมามองคนพูดตาโต
“ขอโทษเถอะค่ะ
มิสเตอร์ไวด์เดอร์ คุณชอบบังคับใครต่อใครไปทานอาหารด้วยอย่างนี้หรือคะ?”
ศศรานีถามเขาอย่างเหลืออด
ช่วยถามเธอหน่อยได้ไหมว่าเธออยากจะไปด้วยหรือเปล่า ‘คนนะไม่ใช่รูปปั้น
คนอื่นจะได้หอบหิ้วไปไหนต่อไหนได้ตามใจ’
คนที่ชอบ’หิ้ว’คนอื่นไปด้วย อมยิ้มเมื่อได้ยินคำถามนั้น
ก่อนจะตอบกลั้วหัวเราะ
“ไม่หรอก
ซาซ่า ปกติผมไม่ชอบไปทานอาหารกับใครหรอก นอกจากไปงานเลี้ยงหรือไปเจรจาธุรกิจ
เวลาอื่นผมชอบทานคนเดียวหรือไม่ก็ทานกับครอบครัวมากกว่า”เขาบอก
“เหมือนฉันเลยค่ะที่ชอบทานอะไรคนเดียว”
ศศรานีบอกและเน้นย้ำคำสุดท้ายให้ใครบางคนรู้ตัวว่าชักจะก้าวเข้ามาวุ่นวายกับเธอจนเกินไปแล้ว
แต่เหมือนใครคนนั้นจะไม่รู้สึกหรืออาจจะหน้าหนาเกินไป
เขาหันกลับมายิ้มหวานเติมเสน่ห์เข้าไปจนเต็ม
“งั้นแสดงว่าเรามีไลฟ์สไตล์ที่คล้ายๆกันสินะ
เราน่าจะไปกันได้ดี”
คนที่สรุปเองยิ้มเจ้าเล่ห์
คนที่ถูกสรุปง่ายๆจึงมองค้อนอย่างขัดเคืองแต่ไม่รู้จะต่อปากต่อคำกับคนมากด้วยเล่ห์อย่างไรดี
เมื่อไม่อยากจะสนใจคนขับ
หญิงสาวจึงหันไปสนใจรถแทน รถหรูที่เก้าอี้โดยสารหมุนได้สามร้อยหกสิบองศาแถมหน้าต่างรถ
และส่วนที่เป็นกระจกยังเป็นจอทัชสกรีนที่สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้อีกด้วย
“ว้าว!”
อัจฉริยะด้านไอทีอุทานอย่างตื่นเต้นกับสิ่งที่ตนกำลังสัมผัส
“รถของคุณยอดเยี่ยมที่สุดเลย”
หญิงสาวหันกลับไปบอกเจ้าของรถอย่างตื่นเต้น
ลืมความขุ่นข้องหมองใจที่มีก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่นาทีไปจนหมดสิ้น
เจ้าของรถยิ้มตอบ
อยากจะบอกเธอเหลือเกินว่า ไม่ใช่แค่รถหรอกที่ ‘ยอดเยี่ยม’เจ้าของรถก็ ‘ยอดเยี่ยม’เช่นกันถ้าเธออยากลองทอดสอบเขาก็ยินดีเสมอ
เพื่อโชว์สมรรถนะของรถให้
‘เด็ก’ที่กำลังตื่นเต้นตาโตได้เห็นชัดๆเจ้าของรถก็เร่งเครื่องขึ้น
แค่เพียงเสี้ยววินาที รถก็พุ่งทะยานทำความเร็วร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมงทันที
“อยากได้”
คนที่คลั่งไคล้เทคโนโลยีพึมพำ
ทำไมไม่มีใครบอกเธอบ้างว่ามีรถที่ไฮเทคขนาดนี้แล้ว
เนื่องจากช่วงสองสามปีมานี้เธอจดจ่ออยู่กับการสร้างดาวเทียมทีเควันและเขียนโปรแกรม
ตลอดจนคอยแฮกข้อมูลบริษัทต่างๆตามคำสั่ง
ทำให้เธอไม่ค่อยมีเวลาได้ติดตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยีด้านอื่นเลย
ลีโอนาร์ดหรี่ตาลงเมื่อเห็นอาการ
‘อยากได้’ฉายชัดของคนที่กำลังวุ่นอยู่กับการทดลองเทคโนโลยีตามจุดต่างๆในรถ
“อยากได้เหรอ?”เจ้าของรถถามเสียงเบา
มุมปากยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
คนที่มัวแต่สนใจกับของเล่นใหม่
พยักหน้ารับทันที อยากได้ อยากได้มากๆด้วย
“คุณจะขายเหรอคะ?”คนอยากได้ถามอย่างมีความหวัง
แต่เจ้าของรถส่ายหน้ายิ้มๆ
“ไม่ขายหรอก…แต่จะให้ฟรีๆ…ถ้าคุณยอมตกลงในข้อเสนอของผม”สิงโตร้ายวางกับดัก
‘เหยื่อ’
“ข้อเสนออะไรเหรอคะ?”คนอยากได้รถสุดไฮเทคถามต่ออย่างสนใจ
คนที่ยื่นข้อเสนอนิ่งอึ้งอย่างลังเล
ถ้าเขาบอกข้อเสนอออกไปจากเป็นการโหดร้ายต่ออีกฝ่ายไปไหม
แล้วเขาจะถูกมองว่ารักแกเด็กหรือเปล่า มโนธรรมฝ่ายดีฉุดรั้งไว้ ….แต่เธอก็อายุยี่สิบสองปีแล้วนะบรรลุนิติภาวะแล้ว
จิตฝ่ายมารแทรกเข้ามา
“ว่ายังไงคะ?”คนรอข้อเสนอถามซ้ำเมื่อคนที่จะตั้งข้อเสนอเงียบไป
“คืนนี้
นอนกับผม พรุ่งนี้ รถคันนี้จะเป็นของคุณ”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น