ซีรีย์นิยายชุด:วายร้ายยอดรัก เรื่อง คาสโนวี่ ที่รัก ตอนที่ 6


ตอนที่ 6 โชคชะตาหรือว่าบังเอิญ

งานเลี้ยงสังสรรค์เพื่อฉลองรายได้ของภาพยนตร์ ดิ่ง บ้า ท้านรกที่พุ่งทะลุเป้าถล่มทลายจัดขึ้นอย่างใหญ่โตในโรงแรมหรู มีดารานักแสดงทั้งในเรื่องและนอกเรื่อง รวมทั้งบรรดานักข่าวต่างมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง
แต่มีคนหนึ่งที่ไม่รู้สึกยินดีเลยสักนิดที่ต้องมางานนี้ คือแพทริเซีย บราวน์นี่ ลูกสาวคนเดียว จอนห์ บราวน์นี่ผู้กำกับมือทอง ที่ไม่ว่าจะกำกับภาพยนตร์เรื่องไหนก็ดังเป็นพลุแตก ต้องมีชื่อเข้าชิงรางวัลทุกงาน
เด็กสาวต้องตามพ่อมางานเลี้ยงพร้อมกับภรรยาใหม่ โรสแมรี่ดาราตัวประกอบภาพยนต์เรื่องล่าสุด ซึ่งจะเป็นภรรยาคนที่เท่าไรเธอก็จำไม่ได้แล้ว เพราะพ่อของเธอกำกับภาพยนตร์เรื่องไหน ก็มักจะได้ภรรยาใหม่กับมาด้วยทุกครั้ง นับตั้งแต่ โอลีเวียแม่ของเธอเสียชีวิต พ่อก็เปลี่ยนภรรยาไปเรื่อยๆ ซึ่งทำให้เธอกับพ่อห่างเหินกันมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน

แพทริเซียเกลียดบรรยากาศแบบนี้ งานรื่นเริงที่หาความจริงใจไม่ได้ ในวันที่แม่ของเธอเสียชีวิต มีจิ้งจอกสังคมพวกนี้ไปร่วมงานด้วยไม่น้อย ฉากหน้าก็ทำเป็นเศร้าโศกเสียใจ แต่เธอในขณะนั้นซึ่งเป็นเพียงเด็กหญิงเผอิญได้ยินที่พวกเขาคุยกัน จึงรู้ว่าความจริงแล้วไม่มีใครเสียใจกับการจากไปของแม่เธอเลยสักคน พวกเขาต่างสมน้ำหน้าที่แม่อ่อนแอจนกินยาฆ่าตัวตาย เพียงเพราะมีผู้หญิงมาแย่งชิงพ่อไป  ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจึงทำให้เธอเกลียดงานที่มีพวกดารามาชุมนุมกันอย่างนี้..เกลียดบรรยากาศรื่นเริงที่ซ่อนมีดไว้แทงคนอื่นข้างหลัง..เกลียดพวกเสแสร้งใส่หน้ากากหลอกลวงกันไปวันๆ
เด็กสาวหมุนตัวออกจากเลี้ยงอย่างเงียบงัน จะมีสักที่ไหมที่เธอสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องสวมหน้ากากเข้าสังคมเช่นนี้ เธอเดินเหม่อลอยออกมายังชั้นลอยด้านนอกที่ไร้ร้างผู้คน รั้วกระจกใสที่กั้นขอบระเบียงสูงประมาณเมตรครึ่ง แต่เพราะความใสของมันทำให้มองเห็นไฟหน้ารถที่วิ่งกันขวักไขว่อยู่บนถนนด้านล่าง เหมือนแมลงตัวเล็กๆที่ไต่กันยั้วเยี้ย..วุ่นวาย โลกนี้มีช่างวุ่นวายจริงๆ ไม่มีที่สงบสุขให้เธอพักผ่อนบ้างเลยหรือไง..
โดยไม่รู้ตัวเด็กสาวค่อยๆปีนขึ้นบนเก้าอี้ที่วางชิดกระจกใสนั้น และก่อนที่เธอจะก้าวสูงไปกว่านั้น ร่างบางก็ถูกกระชากร่วงลงสู่พื้น จนเจ็บระบม
“ทำบ้าอะไรของเธอ!
เสียงตะคอกอย่างหัวเสียทำให้เด็กสาวได้สติ เธอเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนทำหน้าถมึงทึงอยู่ตรงหน้าก็ต้องอ้าปากค้าง
“เธออีกแล้ว จะทำบ้าอะไรอีกล่ะ?”
ติณห์ถามอย่างหงุดหงิด เขาเพิ่งเดินออกมาจากงานเลี้ยงเปิดตัวธุรกิจใหม่ของนักธุรกิจไทยที่เขารู้จัก เพราะมีโทรศัพท์เข้า เขาจึงปลีกตัวออกมาและคิดว่าชั้นลอยแห่งนี้น่าจะปลอดคน แต่ที่ไหนได้กลับมาเจอเด็กโรคจิตที่คิดจะฆ่าตัวตายเข้าอีก
“คุณมาทำอะไรที่นี่?”เด็กสาวถามกลับอย่างงงๆ
“ฉันมาทำอะไรไม่สำคัญหรอก ว่าแต่เธอมาทำบ้าอะไร?”
เขาว่าเธอ ทำบ้าเป็นครั้งที่สามแล้วนะ เด็กสาวขมวดคิ้วไม่พอใจ
“ฉันก็มาเดินเล่น”คนที่ไม่รู้ตัวว่ากำลังจะทำอะไรตอบ
“เดินเล่น! แล้วทำไมต้องปีนเก้าอี้ขึ้นไปแบบนั้นด้วย”ชายหนุ่มถามเสียงเขียว
“ฉันไม่ได้ปีนเก้าอี้นะคะ”คนที่ไม่รู้ตัวเถียง
“ก็ฉันเห็น เธอปีนขึ้นไป”คนเห็นยืนยัน ถ้าไม่เห็นเขาจะมากระชากเธอลงจากเก้าอี้ทำไม
“ฉันปีนขึ้นเก้าอี้หรือคะ?”เด็กสาวถาม พร้อมกับเหลียวมองเก้าอี้ที่วางอยู่ไม่ห่างอย่างแปลกใจ
ติณห์มองดูเด็กสาวก็รู้ว่าเธอไม่ได้แกล้งทำ ยัยเด็กบ้านี่..ใครปล่อยให้มาอยู่คนเดียวแบบนี้นะ อาการแบบนี้ควรจะส่งไปอยู่โรงพยาบาลได้แล้วไม่ใช่หรือไง
“ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้?”เขาถามเสียงอ่อนลง
“ฉันมางานเลี้ยง แล้ว..แล้ว..ฉันไม่อยากอยู่ในนั้น มันอึดอัดก็เลยออกมาเดินเล่น”แพทริเซียตอบ แต่เธอไม่ได้อยากรับลมขนาดปีนขึ้นไปบนเก้าอี้แน่
“งานเลี้ยงห้องไหน?”ชายหนุ่มซัก
“ห้องแกรนด์บอลรูม..”เด็กสาวตอบ
“เข้าไปอยู่ในงานเลี้ยงเถอะ อยู่นี่ไม่ปลอดภัย”ติณห์บอก ไม่ปลอดภัยทั้งจากตัวเธอเอง และจากคนอื่นด้วย เด็กสาวตัวเล็กๆจะมายืนอยู่ในที่เปลี่ยวๆคนเดียวแบบนี้ปลอดภัยที่ไหนกัน
“ฉันไม่อยากเข้าไป”เด็กสาวส่ายหน้ายืนยัน
“ในนั้นมีแต่คนสวมหน้ากาก พวกเขาล้วนสวมหน้ากากเข้าหากัน ฉันเกลียด..เกลียด..บรรยากาศแบบนั้น”เด็กสาวระบายพร้อมกับเบะปากเหมือนจะร้องไห้
ติณห์ถอนหายใจยาว เขาไม่รู้ว่าเด็กสาวเจออะไรมาบ้าง แต่จะให้เขาปล่อยเธอไว้เพียงลำพังแล้วเดินจากไป เขาคงทำไม่ได้ โดยเฉพาะในภาวะที่จิตใจเธอไม่ปกติเช่นนี้
“แล้วนี่กินอะไรหรือยัง?”เขาถามเสียงอ่อนโยนขึ้น
เด็กสาวส่ายหน้าปฏิเสธน้ำตาไหลรินลงมาเป็นสายเมื่อได้ยินเสียงอาทรของเขา
“เช็ดน้ำตาซะ เดี๋ยวไปหาอะไรกินกัน”เขายื่นผ้าเช็ดหน้าให้
เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วก็พบรอยยิ้มที่อบอุ่นเป็นมิตรส่งมาให้ คนที่ชอบทำหน้าดุ กลับยิ้มให้ในวันที่เธออ่อนแอที่สุด เด็กสาวน้ำตาไหลรินอีกครั้ง แต่ไม่ใช่เพราะความหว้าเหว่เช่นทุกที แต่ครั้งนี้มาจากความตื้นตันใจ
“อ้าว เลยร้องไห้ซะงั้น เด็กขี้แย”
ชายหนุ่มแกล้งว่า พร้อมกับยื่นมือมายีผมเธอเบาๆ เพื่อปลอบประโลม แต่คนที่ขี้เหงาถึงกับโผเข้ากอดเขาไว้เต็มตัว ซบหน้าลงกับไหล่หนาอย่างต้องการที่พึ่งพิง
คนถูกกอดโดยไม่ได้ตั้งตัวถึงกับอึ้งตะลึงงัน จะผลักออกก็ไม่กล้า จะกอดตอบก็ไม่ได้ กระอักกระอ่วนใจอยู่พักใหญ่ ก่อนจะปลอบใจตัวเองถือว่าช่วยคนป่วยก็แล้วกัน
“ไปหาอะไรกินกันเถอะ พี่หิวแล้ว”
เสียงทุ้มนุ่มกระซิบริมหู ทำให้คนที่กอดซบอยู่ในอกอุ่นเริ่มได้สติ เด็กสาวผละจากอกเขาอย่างขัดเขิน
“ดูสิ หน้าตาเลอะหมดแล้ว ไปล้างหน้าล้างตาก่อนไป๊”เขาบอกพร้อมกับจูงมือเธอไปยังห้องน้ำเล็กๆที่อยู่ไม่ไกลนัก
“พี่รออยู่ตรงนี้นะ”
เขายืนรออยู่หน้าประตูห้องน้ำ ให้เธอเห็นว่าเขาอยู่ตรงไหน อีกอย่างเขาเองก็ไม่กล้าวางใจ ทิ้งเธอไปไกลตา ถ้าเกิด บ้าขึ้นมาอีก ใครจะไปช่วยทัน
แพทริเซียล้างเครื่องสำอางที่เลอะออกจนเกลี้ยง แต่เธอไม่ได้พกกระเป๋าเครื่องสำอางติดมาด้วย จึงหมุนไปหมุนมาอยู่หน้ากระจกอย่างลังเล
“มีอะไร?”ชายหนุ่มเห็นอาการจึงร้องถามเข้าไป
“ฉันไม่มีเครื่องสำอางเลย”เด็กสาวบอกเสียงอ่อย
“ไม่มีก็ไม่ต้องแต่ง”ติณห์บอกง่ายๆ
“แต่..”คนหน้าสดลังเล
“สวยแล้ว”
คนที่อยู่ด้านนอกยันยืน พร้อมกับสบตาผ่านกระจก เพื่อยืนยันคำพูดตน คนถูกชมใบหน้าแดงระเรื่อขึ้นทันใด
“ไปกันเถอะพี่หิวแล้ว”ชายหนุ่มเร่ง
เด็กสาวชะงักงัน พี่หิวแล้วเขาแทนตัวเองว่า พี่ คนที่ไม่เคยมีพี่หรือน้องได้ฟังถึงกับอุ่นวาบไปทั้งหัวใจ เธอจึงยิ้มกว้าง ก้าวออกจากห้องน้ำอย่างมั่นใจ ยิ่งมองมือใหญ่ที่ยื่นมาตรงหน้าก็ยิ่งรู้สึกมั่นคง เด็กสาวไม่ลังเลที่ยื่นมือเล็กของตนไปสอดประสานกับมือที่ยื่นรอ
“อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม? เค้กช็อกโกแลต?”คนถาม ถามเสียงนุ่มเอาใจ พร้อมกับอมยิ้มน้อยๆ
“อะไรก็ได้ค่ะ แล้วแต่พี่..เอ่อ”เธอจำไม่ได้แล้วว่าเขาชื่อว่าอะไร
 “พี่ชื่อ ติณห์”คนที่รู้ตัวว่าถูกลืมชื่อไปแล้วบอกซ้ำ พร้อมส่ายหน้าเบาๆ
“พี่ติณห์ ฉันจำได้แล้วค่ะ ต่อจากนี้ฉันจะไม่มีวันลืมอย่างแน่นอน”แพทริเซียบอกพร้อมกับรอยยิ้มแหยรู้สึกผิดที่ลืมชื่อเขาเสียได้
“หือ..จำได้แน่เหรอ ไม่ใช่เจอหน้ากันอีกครั้งก็ลืมไปอีกนะ”ชายหนุ่มแสร้งว่า
“ไม่มีทางค่ะ วันก่อนฉันกำลังกลุ้มใจ ใจจึงไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเท่านั้นเอง”เด็กสาวแก้ตัวเสียงอ่อย
“เอาเถอะ พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ไปหาอะไรกินกันดีกว่า”ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่อง
“ค่ะ”เด็กสาวยิ้มรับ พร้อมเดินเคียงคู่จับมือกับเขาไปอย่างว่าง่าย
ติณห์อดเหลือบมองคนที่เดินอยู่ใกล้ๆไม่ได้ หัวใจที่เคยเฉยชากลับเต้นแปลกๆ เขามองที่เกาะกุมแล้วต้องขมวดคิ้วนิดๆ ก็เขาเคยเดินจูงผู้หญิงแบบนี้เมื่อไรกัน..แล้วทำไมวันนี้เขาต้องมาทำอะไรแปลกๆแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้

-----------------------
วูล์ฟมาประชุมที่ออฟฟิศอินคอยสองครั้งแล้ว แต่เขาไม่เคยพบ ลิลลี่ หยางหญิงสาวที่เคยเดตกับโรเบิร์ตเลยสักครั้ง เพราะทุกครั้งเธอมักจะมีธุระต้องออกไปข้างนอกเสมอ
“หล่อนต้องออกไปข้างนอกทุกครั้งที่ฉันมา นายว่ามันผิดปกติไหม?”วูล์ฟถามมือขวาของเขา
“ครับ”ลูคัสตอบ เขาก็คิดว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“หึ..คิดว่าจะหนีฉันพ้นหรือไง?”หมาป่าร้ายยิ้มมุมปาก เหยื่อที่เขาหมายล่า คิดหรือว่าจะหลุดรอดกรงเล็บเขาไปได้ง่ายๆ
“ปล่อยไปก่อน จะตกปลาใหญ่ก็ต้องใจเย็นๆ”วูล์ฟว่ายิ้มๆ ยังไงซะ ปลาเหล่านั้นก็ต้องโดนเขาตกมาจนเกลี้ยงอยู่ดี
“ครับ”ลูคัสรับคำ
“เรากลับกันเถอะ แต่คราวหลังอย่าแจ้งล่วงหน้าว่าเราจะมา”หมาป่าเจ้าเล่ห์บอกยิ้มๆ อยากรู้นักว่าถ้าเขามาโดยไม่บอก หล่อนยังจะหลบหน้าทันไหม
“ครับ”

ลูคัสตอบรับสั้นๆเช่นเดิม แต่อดยิ้มตามคนเป็นนายไม่ได้ เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าผู้หญิงนั้นจะรับมือกับ หมาป่าโลกันตร์อย่างไร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น