ซีรีย์นิยายชุด:วายร้ายยอดรัก เรื่อง จารกรรม นำรัก ตอนที่ 13


ตอนที่ 13 ลูกเขยในอุดมคติ

ประเทศไทย 
คฤหาสน์สิงหนฤนาท คุณหญิงภารดี สิงหนฤนาท ภริยา พลเอกอานนท์ สิงหนฤนาท ท่านผู้บัญชาการทหารสูงสุด กำลังนั่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่ลูกชายคนรอง พันโทแทนไท สิงหนฤนาท ที่เพิ่งลาพักร้อนจากจังหวัดชายแดนภาคเหนือมาเยี่ยมบ้าน
ที่คุณหญิงต้องทำหน้านิ่งคิ้วขมวดก็เพราะบุตรชายไม่ได้ฟังที่เธอบรรยายคุณสมบัติอันเลอเลิศของบรรดาสาวๆที่คุณหญิงคัดสารมาแล้วอย่างดี และลงทุนมาพรรณนาโวหาร บรรยายโวหาร แต่ลูกชายก็ทำแค่เพียงยิ้มแล้วก็ส่ายหน้า เมื่อท่านถามถึงการนัดดูตัว
จะไม่ให้เธอร้อนใจได้อย่างไร ปีนี้บุตรชายคนนี้อายุจะปาเข้าสามสิบสี่ปีอยู่แล้ว หน้าที่การงานก็รุ่งโรจน์มั่นคง ฐานะการเงินของครอบครัวก็อยู่ระดับแถวหน้าของเมืองไทย หน้าตาก็หล่อเหลาเพียงแต่คล้ำไปหน่อยเพราะตากแดดตากลมมากเกินไป นิสัยก็ดีไม่เคยมีข่าวเสียๆหายๆให้เสื่อมเสียถึงวงศ์ตระกูล เรียกว่าคุณสมบัติเป็นเลิศที่บรรดา ว่าที่แม่ยายต่างอ้าแขนรอรับ แต่ลูกชายเธอยังคงเล่นตัวไม่มีท่าทีว่าจะยอมลงจากคานที่อยู่มาเนิ่นนานเลย
“แม่ถามจริงๆเถอะตาแทน เราเป็นเกย์หรือเปล่า?”
คุณหญิงถามอย่างหมั่นไส้ที่ลูกชายไม่มีท่าทีเออออห่อหมกกับเธอสักที ไม่ว่าจะเอ่ยถึงใคร คุณสมบัติเพียบพร้อมขนาดไหน

คนถูกถามสำลักกาแฟที่กำลังจิบอยู่ ก่อนจะหัวเราะลั่นกับคำถามนั้น
“โธ่แม่ ถามอะไรอย่างนั้นละฮะ อย่างผมนี่นะจะเป็นเกย์”
“แม่จะไปรู้เรอะ ก็แม่เอารูปใครให้ดูเราก็เฉยซะ อย่างกับรูปปั้น แม่ก็นึกว่าเราจะมีรสนิยมพิลึกพิลั่นตามที่คนอื่นเขาเป็นกันในสมัยนี้นะสิ”
คุณหญิงค้อนควับ  ลูกชายช่างไม่ได้ดังใจจริงๆ ทำงานก็เลือกไปทำที่จังหวัดชายแดนห่างไกลความเจริญ ทั้งๆที่แค่พูดว่าจะกลับมาทำงานที่กองบัญชาการคำเดียวก็สามารถย้ายมาได้ทันที แต่เจ้าตัวกลับยืนยันที่จะทำงานในแหล่งทุรกันดารเช่นนั้น ถึงแม้แม่อย่างเธอจะขอร้องตั้งหลายครั้ง แต่ลูกชายหาฟังไม่
“หรือว่าเราไปแอบมีลูกมีเมียอยู่ที่ชายแดน หือตาแทน?”
คุณหญิงคาดคั้นเสียงเข้ม เธอไม่ใช่คนที่จะชอบแบ่งชั้นวรรณะหรอก เพียงแต่ถ้าเลือกได้ก็อยากที่ฐานะใกล้เคียงกันหน่อยก็ดี
“โธ่! ไม่มีหรอกฮะ”
ลูกชายหัวเราะขัน เพราะทุกครั้งที่เขากลับมาเยี่ยมบ้านก็จะโดนมารดา เพียรโน้มน้าวให้ไปดูตัวกับสาวๆที่ท่านเลือกสรรไว้ และถ้าไม่ยอมไปก็โดนหาว่าชุกลูกชุกเมียไว้ที่ไหนสักแห่งทุกครั้ง จากที่เคยอึดอัดรำคาญใจพอโดนบ่อยๆก็เริ่มชินสุดท้ายกลายเป็นความขำ เขาจึงสามารถนั่งจิบกาแฟฟังแม่บรรยายคุณสมบัติเลอเลิศของสตรีนับสิบที่อยู่มือท่านได้อย่างสบายใจ
“ถ้าไม่มี ทำไมเราไม่ยอมไปพบใครที่แม่คัดสรรมาเลยสักคน หรือว่าเรามีใครในใจอยู่หรือเปล่า?”คุณหญิงเริ่มเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ บางทีลูกชายอาจจะมีตัวเลือกใจในอยู่แล้วแต่ไม่ยอมบอกใครก็ได้
คนที่โดนถามว่า มีใครในใจหรือเปล่ากำลังจะเอ่ยปฏิเสธ แต่ภาพสาวน้อยหน้าใส ดวงตากลมโตใสซื่อผ่านแวบเข้ามาในห้วงคำนึง ตอนที่มุงานเขาก็ลืมภาพเธอไป แต่พอมีใครสะกิด ภาพเธอก็ย้อนกลับมา ถึงแม้ได้สบตากันเพียงแวบเดียวแต่กลับติดตรึงในใจอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“ว่าไงล่ะ?”
คนเป็นแม่ซัก เมื่อเห็นลูกชายชะงัก ไม่ได้ตอบปฏิเสธทันควันเหมือนเช่นทุกที หรือว่างานนี้จะมีลุ้นจริงๆ คนที่อยากอุ้มหลานแอบลุ้นอยู่ในใจ
“ก็ไม่เชิงหรอกฮะ”
แทนไทถอนหายใจ เพราะรู้จักแค่ชื่อ และรู้เพียงว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใครเท่านั้น แต่ไม่มีโอกาสได้สานต่อ เพราะหน้าที่การงานบังคับ
“หมายความว่ายังไง?”คนเป็นแม่ขยับเข้ามานั่งชิดอย่างตื่นเต้นยินดี
“ลูกสาวบ้านไหน?”พร้อมกับซักต่ออย่างคนใจร้อนเมื่อลูกชายเอาแต่อมยิ้มไม่ยอมพูดต่อสักที
“ผมยังไม่ได้พูดคุยกับเธอเลย”ลูกชายออกตัว
“แสดงว่ารักแรกพบละสิ”คนลุ้นถามอย่างตื่นเต้นแทน
“โธ่! ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกฮะแม่ ผมแค่รู้สึกว่าน้องเค้าน่ารักดี”
คนพูดยิ้มเขินเมื่อนึกสาวน้อยที่เกือบจะเดินชนกันในวันนั้น วันที่เขาจะต้องไปตามเฝ้าอาทิตยาที่ตึกทีเคกรุ๊ป พบกันแค่เพียงแวบเดียว และเขาได้ถามชื่อเธอออกไป และเธอก็ตอบกลับอย่างง่ายดาย ศศรานี’ ‘ราชินีพระจันทร์ อาทิตยาเรียกเธอว่า จันทร์เจ้า
“ลูกสาวบ้านไหน? บอกแม่มาเร็ว”
คุณหญิงถามอย่างคนใจร้อน อยากจะไปเบิกเครื่องเพชรที่ธนาคารมาเตรียมขบวนขันหมากไว้ซะวันนี้เลย
“ลูกสาว พลเอกสกลกับคุณหญิงศศิวิมลไงฮะ”ลูกชายบอก บางทีให้แม่จัดการอาจจะเร็วกว่าที่ตนเองจัดการเองก็ได้ ถ้าเป็นคนนี้เขาไม่ขัดข้องหรอก
“ต๊าย! คนกันเองนี่นา”
คุณหญิงอุทานเสียงสูงอย่างดีใจ เพราะฐานะทั้งสองฝ่ายเหมาะสมกันในทุกๆด้าน แถมยังอยู่ในแวดวงทหารด้วยกันอีก อย่างนี้จัดการง่าย
“แต่..ลูกสาวคุณหญิงศศิ เพิ่งเรียนมหาลัยปีสองเองไม่ใช่เหรอ?”คุณหญิงภารดีถามเมื่อนึกได้
“แต่ตะวันว่าทำงานแล้วนะครับ”
ลูกชายขมวดคิ้วลังเล เพราะเธอหน้าเด็กมาก หรือว่ายังเรียนอยู่จริงๆ
“ทำงานอะไร?”คุณหญิงซักต่อ
“ทำงานที่บริษัทตะวันน่ะครับ เห็นว่าทำงานด้านไอที”ลูกชายบอก แต่ก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไร
“เอหนูข้าวหอมเรียนบัญชีนี่นา”คุณหญิงรำพึง เพราะเธอค่อนข้างจะคุ้นเคยกับบ้านนั้นพอสมควร
“หือ?  เธอชื่อจันทร์เจ้านะครับ”ลูกชายแย้ง
“จันทร์เจ้ารึ? ทำไมแม่ไม่เคยเจอเลยล่ะ แม่กับคุณหญิงศศิก็ออกงานด้วยกันบ่อยๆ แต่ไม่เคยเห็นคุณหญิงจากพาออกงานเลยสักครั้ง เราแน่ใจนะว่าเป็นลูกสาวคุณหญิง?”คุณหญิงภารดีคาดคั้น
“แน่ใจครับ เพราะตะวันบอกอย่างนั้น หรือว่าเธอไปอยู่เกาะกับตะวัน?”ลูกชายคะเน
“อืมนั่นสิ ..แม่ต้องลองเลียบๆเคียงๆคุณหญิงศศิดูซะหน่อยแล้ว”คนอยากได้ลูกสะใภ้ว่า
“ว่าแต่เย็นนี้ เราจะไม่ไปกับแม่จริงๆเหรอ?”คุณหญิงยังไม่ละความพยายาม มีตัวเลือกมากยังดีว่ามีตัวเลือกน้อย
“ผมคงจะต้องขอตัวครับ เย็นนี้คุณพ่อมีนัดกับท่านรองฯ ผมคงจะต้องอยู่ต้อนรับท่านด้วย”ลูกชายหาข้ออ้างมาปฏิเสธ
“ย่ะทีกับคุณพ่อ นัดใครก็ไม่เคยขัด ทีกับแม่ล่ะก็ ไม่เคยไปด้วยเลยสักครั้ง”คุณหญิงต่อว่าอย่างน้อยใจ
“โธ่! แม่ก็คุณพ่อท่านนัดเรื่องงานนี่ฮะ”ลูกชายอุทร
“แม่ก็เรื่องงานย่ะ รู้ไหมว่าผู้หญิงมีร้อยแปดพันงานมากกว่าผู้ชายเสียอีก”
คนที่มีงานมากมองค้อน ไม่รู้หรือไงว่าบางทีงานต่างๆก็สำเร็จลุล่วงไปได้ง่ายดายเพราะมีผู้หญิงเป็นกองหนุนอยู่ด้านหลังนี่แหละ
“ผมรู้ฮะ คุณแม่ทำงานมากขนาดไหน อย่าลืมรักษาสุขภาพด้วยนะฮะ”ลูกชายยิ้มอ้อน
“ย่ะ แม่ไปเตรียมตัวก่อนล่ะ”
เมื่อรู้ว่าหว่านล้อมอย่างไรลูกชายก็ไม่ยอมใจอ่อน คุณหญิงภารดีจึงยอมถอยทัพแต่โดยดี แต่อย่างน้อยวันนี้เธอก็ไม่ได้ถอยกลับไปมือเปล่า จันทร์เจ้า ถ้าเด็กสาวคนนั้นเป็นลูกสาวคุณหญิงศศิวิมลจริง รับรองเลยว่าภายในปีนี้ คฤหาสน์สิงหนฤนาทได้จัดงานมงคลขึ้นแน่ๆ

ระหว่างงานเลี้ยงการกุศลที่จัดขึ้นเพื่อหารายได้เข้าสู่มูลนิธิเพื่อการศึกษาเด็กยากไร้ที่ชายแดน ซึ่งสมาคมแม่บ้านทหารบกเป็นแม่งาน คุณหญิงภารดีก็ได้เจอกับคุณหญิงศศิวิมลดังที่คาดไว้
“สวัสดีค่ะคุณพี่”
คุณหญิงศศิวิมลรีบเข้ามาทักทายคุณหญิงภาวดีอย่างอ่อนหวาน เพราะวัยและตำแหน่งอีกฝ่ายนั้นสูงกว่า
“สวัสดีค่ะคุณหญิง สวัสดีจ้าหนูข้าวหอม วันนี้ก็สวยสดใสเหมือนเคยนะเนี่ย”คุณหญิงภาวดีทักทายสองแม่ลูกอย่างคุ้นเคย
“คุณหญิงป้าก็ดูสง่ามมากค่ะ ถ้าข้าวจำไม่ผิด ชุดนี้เพิ่งชนะเลิศดีไซเนอร์แห่งปีใช่ไหมคะ?”เด็กสาวทักกลับอย่างอ่อนหวาน
“ก็ใช่สิลูก หนูไม่รู้หรือไงว่าใครเป็นสปอนเซอร์ให้ดีไซเนอร์ห้องเสื้อนั้น”คุณหญิงศศิวิมลเอ่ยแทรกอย่างรู้ดี
“แหมเด็กมันมีฝีมือเราก็ช่วยกันส่งเสริมสิจ๊ะ”คนเป็นสปอนเซอร์ยิ้มภูมิใจ ที่ชุดที่ตนให้การสนับสนุนนั้นคว้ารางวัลชนะเลิศมาได้
“คุณพี่ตาแหลมมากเลยค่ะ ดิฉันยอมรับเลยว่าไม่ถนัดเรื่องนี้จริงๆ”คุณหญิงศศิวิมลยอต่อ
“อย่าเพิ่งมายอกันเองอยู่นี่เลย ไปหาที่นั่งกันเถอะ หนูข้าวไปหาอะไรกิน หรือไปหาเพื่อนๆก่อนก็ได้ โต๊ะป้ากับแม่ของเราอยู่แถวหน้าเวที เดี๋ยวหนูค่อยตามไปทีหลังก็ได้จ๊ะ”
คุณหญิงภาวดีหันไปบอกเด็กสาวอย่างเอ็นดูเพราะเห็นเพื่อนๆของเด็กสาวรวมกลุ่มกันอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องจัดเลี้ยง
“งั้นหนูขอตัวไปหาเพื่อนๆก่อนนะคะ”
เด็กสาวกล่าวๆเบาๆ เมื่อได้รับอนุญาตก็หมุนตัวเดินไปหากลุ่มเพื่อน ปล่อยให้สองคุณหญิงเดินคุยกันไปยังโต๊ะนั่ง
“ลูกสาวคนเดียวของคุณหญิงนี่เรียบร้อยน่ารักนะคะ”คุณหญิงภาวิดีใช้วิธีโยนหินถามทาง
“เอ่อ ดิฉันไม่ได้มีลูกสาวคนเดียวหรอกค่ะคุณพี่ ”คุณหญิงศศิวิมลอ้อมแอ้มเบาๆ
บุคคลภายนอกที่ไม่สนิทหรือไม่ใช่ญาติจะไม่รู้เลยว่าเธอมีลูกสาวสองคน เนื่องจากลูกสาวอีกคนนั้นถูกส่งไปอยู่โรงเรียนพิเศษซึ่งเป็นโรงเรียนประจำตั้งแต่เด็กๆ
ตอนที่ลูกสาวคนโตยังเล็กเธอนั้นเครียดมากเพราะลูกสาวไม่เคยอยู่นิ่งเลย จะรื้อทุกอย่างที่ขวางหน้า สื่อสารกันก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง เมื่อพาลูกสาวไปตรวจเธอจึงได้รู้ว่าลูกสาวนั้นเป็นพวกอัจฉริยะเฉพาะด้านและเป็นออติสติกเป็นแบบอ่อนๆ ทำให้พัฒนาการด้านติดต่อสื่อสารกับบุคคลรอบข้างช้ากว่าเด็กปกติทั่วไป ดังนั้นลูกสาวเธอจึงชอบรื้อของเพื่อดูข้างในแล้วประกอบใหม่ เพราะมีความอยากรู้อยากเห็นมากกว่าเด็กปกติทั่วไปหลายเท่า
เมื่อรู้ดังนั้นเธอจึงจำเป็นจะต้องส่งลูกสาวเข้าเรียนในโรงเรียนพิเศษ เพื่อให้พัฒนาการลูกสาวเป็นไปอย่างถูกต้องและพัฒนาส่วนที่เป็นอัจฉริยะให้เต็มขีดความสามารถ เมื่อลูกสาวเข้าไปเรียนที่นั่นก็ติดเพื่อนจนไม่ค่อยกลับบ้าน แม้จะไปเรียนต่อต่างประเทศยังต้องไปกับเพื่อนๆ ทำงานก็ทำกับเพื่อน แต่โชคดีที่ลูกสาวเธอได้เพื่อนดีจนทำให้เธอเบาใจได้ระดับหนึ่งว่าเพื่อนๆเหล่านั้นสามารถดูแลลูกสาวที่มีพัฒนาการทางสังคมช้าได้เป็นอย่างดี
“เอ๋ หมายความว่ายังไงคะ?”คุณหญิงภาวดีแกล้งทำไขสือ แต่ในใจนั้นแอบตื่นเต้น
“คือดิฉันมีลูกสาวอีกคนน่ะค่ะ แต่แกไม่ค่อยชอบออกงานเท่าไหร่ ตอนนี้ไปทำงานอยู่บนเกาะ ก็เลยไม่ได้พามาให้ใครๆรู้จัก”
คุณหญิงศศิวิมลบอกเบาๆ นึกสงสารลูกสาวคนโตเหมือนกัน แต่เพราะไม่ได้อยู่ด้วยกันทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกค่อนข้างห่างเหิน
“ที่ทีเคกรุ๊ปใช่ไหมคะ?”คุณหญิงภารดีถามอย่างตื่นเต้น
“เอ๊ะ คุณหญิงทราบ?”คุณหญิงศศิวิมลถมกลับอย่างแปลกใจ
“ก็ยัยตะวันหลานฉันก็ทำงานที่นั่นเหมือนกัน แล้วบังเอิญตาแทนเค้าไปเอ่อ ไปเยี่ยมน้องสาวก็เลยไปเจอหนูจันทร์เจ้าเข้า”คุณหญิงภาวดีเปลี่ยนจากไปเฝ้า คุมความประพฤติน้องสาวเป็นไปเยี่ยมแทน
“เจอจันทร์เจ้าด้วยหรือคะ? ทำไมจันทร์เจ้าไม่เห็นเล่าให้ฟังเลยว่ารู้จักผู้พันด้วย”
คุณหญิงศศิวิมลขมวดคิ้ว ผู้พันแทนไท ใครๆก็รู้จักโดยเฉพาะบรรดาแม่ๆที่อยากได้ลูกเขยสุดเพอร์เฟค ผู้พันแทนไทจะต้องติดอยู่ในลิสต์ทอปไฟฝของว่าที่แม่ยายทั้งนั้น
“น่าจะเพิ่งรู้จักกันมั้งคะ ตาแทนก็เพิ่มอ้อมแอ้มบอกว่าเจอน้องที่นั่น แต่เพราะว่าต้องไปทำงานอยู่ซะไกล..เฮ้อ”คนเป็นแม่ถอนหายใจ มีเมียเสียทีก็ดีจะได้รีบย้ายกลับเข้ากรุงเทพฯ
“เจอกับจันทร์เจ้า แล้วยังไงคะ?”
คนเป็นแม่ที่อยากจะให้ลูกสาวเจอผู้ชายดีๆถามอย่างมีความหวัง ที่คุณหญิงภาวดีมาเกริ่นแบบนี้เพราะลูกชายให้มา..หรือว่าคนเป็นแม่พูดเอง แต่..คุณหญิงเธอก็ไม่ใช่คนที่จะเอ่ยอะไรออกมาลอยๆ เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่ามี บรรดาแม่ที่สรรหา ลูกเขยต่างเข้าหาคุณหญิงไม่น้อย แต่ยังไม่เคยเห็นคุณหญิงจะเกริ่นแบบนี้กับคุณหญิงคุณนายที่เข้าหาเหล่านั้นเลย
“ก็อยากทำความรู้จักน้องนั่นแหละคะ แต่เขาต้องรีบกลับไปชายแดน ก็เพิ่งจะมาเฉลยตอนกลับบ้านคราวนี้เองว่าเจอกับน้อง”
คุณหญิงภาวดีค้อนลมฝากไปถึงลูกชายที่ไม่รีบบอกตั้งนาน เธอจะได้จัดการมาทาบทามไม่ใช่ปล่อยเวลาเลยมาเป็นเดือนอย่างนี้
“เอ่อ แต่ตอนนี้บริษัทส่งจันทร์เจ้าไปทำงานที่เยอรมันนี่สิคะ”
คุณหญิงศศิวิมลบอก น่าเสียดายถ้ารู้เรื่องนี้ก่อนเธอคงจะยับยั้งเรื่องงานไว้ก่อน ผู้ชายดีๆอย่างนี้จะไปงมหาที่มหาสมุทรไหนเจอ
“เยอรมันหรือคะ? อืม..คุณหญิงไม่มีแพลนจะไปเที่ยวเยอรมันบ้างหรือคะ? ช่วงนี้บรรยากาศดีมาก ฉันก็กะจะชวนตาแทนไปเที่ยวอยู่พอดีเลย”
คนใจร้อนรีบรุกทันใด รอช้าไม่ได้หรอก คนอื่นหลานโตกันหมดแล้ว มีเธอนี่แหละยังไม่มีหลานให้อุ้มสักคน เพราะลูกๆหลานๆมัวแต่โหนคานไม่ยอมปล่อย
“เอาอย่างนั้นเหรอคะ?”
คนที่อยากได้ลูกเขยดีเริ่มคล้อยตาม คุณสมบัติลูกเขยที่เลิศเลอขนาดนี้จะไปหาที่ไหนได้ ถ้าได้พันโทแทนไทมาเป็นลูกเขยจริงรับรองเลยว่าคนจะต้องอิจฉาเธอทั่วบ้านทั่วเมืองแน่ๆ
“เอาอย่างนั้นสิคะ ช้าไม่ได้หรอก เราเป็นพ่อแม่จะต้องส่งเสริมลูก ตาแทนไม่เคยเอ่ยถึงสาวไหนเลยนะคะ เพิ่งจะพูดถึงหนูจันทร์เจ้านี่แหละเป็นคนแรก แถมพูดไปเขินไปอีกนะ”คนเป็นแม่แอบกระซิบนินทาลูกชายในประโยคหลัง พร้อมกับหัวเราะขำ
“จริงหรือคะ?”
คุณหญิงศศิวิมลหัวเราะตามอย่างปลื้มใจ สงสัยเธอจะไม่แคล้วได้ลูกเขยเป็นนายทหารเหมือน ว่าพ่อตาเสียแล้ว และถ้า ว่าที่พ่อตารู้คงจะยิ้มไม่หุบ เพราะอีกฝ่ายนั้นเป็นคนที่พลเอกสกล ปลื้มอยู่แล้ว
แล้วในงานเลี้ยงคืนนั้นทุกคนก็ได้เห็นคุณหญิงภาวดีกับคุณหญิงศศิวิมลพูดคุยกันกลมเกลียวเป็นพิเศษ เพราะสองคุณหญิงกำลังวางแผนที่จะเดินทางไปเที่ยวยุโรปเพื่อหวังให้หนุ่มสาวได้มีโอกาสสร้างความสัมพันธ์กัน แล้วแม่ๆอย่างพวกเธอจะได้มีหลานให้อุ้มสักที

แต่คุณหญิงศศิวิมลไม่สามารถรั้งรอที่จะเดินทางไปยุโรปตามที่ตกลงกับคุณหญิงภาวดีได้ เมื่อหยาดพิรุณเพื่อนสนิทของศศรานีโทรศัพท์มาเล่าให้ฟังว่า ขณะนี้ลูกสาวผู้ใสซื่อของเธอกำลังถูกเพลย์บอยระดับโลกจ้องจะตะครุบตัวอยู่

ด้วยความร้อนใจคุณหญิงศศิวิมลจึงต้องบินด่วนไปเป็น กันชนระหว่าง ลูกสาวกับเพลย์บอยระดับโลกนั่น เพราะเธอนั้นมี ลูกเขยในอุดมคติอยู่แล้ว แถมเธอยังไม่ชอบชายหนุ่มต่างชาติเป็นทุนเดิมอยู่ด้วย เนื่องจากความเจ็บช้ำในรักครั้งแรกยังจำฝังใจ เธอจึงตั้งปณิธานไว้แน่วแน่ ว่าจะไม่ขอเกี่ยวดองกับหนุ่มต่างชาติเด็ดขาด ไม่ว่าจะชาติไหนภาษาไหนก็ตาม  ว่าที่ลูกเขยของเธอจะต้องเป็น ชายไทยร้อยเปอร์เซ็นต์เท่านั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น